งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 430
บทที่430 เหซิงโม่กับซือจิ้งสวนแต่งงานกัน
ซูซีมู่เข้าใจคนอย่างโล่เฟยเอ๋อเป็นอย่างดี โล่เฟยเอ๋อมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเขาก็รู้
เขารู้ดี ว่าโล่เฟยเอ๋อเป็นเพราะเมื่อวันสองก่อน ก็คือตั้งแต่วันนั้นที่ซือจิ้งสวนมาเยี่ยมเยียนนั่นแหละ เริ่มเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเหซิงโม่ไป
เขาน่าจะว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับซือจิ้งสวน แต่เขาคิดไว้ว่าจะไม่บอกเหซิงโม่
ก็พูดได้ว่า ซูซีมู่นั้นยืนอยู่ข้างโล่เฟยเอ๋ออยู่แล้ว
ดังนั้นเหซิงโม่จึงถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าจบไม่สวยอย่างแน่นอน
เมื่อไม่ได้คำตอบจากซูซีมู่ เหซิงโม่ก็ไม่กล้าไปถามโล่เฟยเอ๋อ ดังนั้น คนกลุ้มใจอย่างเขาจึงถูกโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่ให้พักที่ปราสาทต่อ
ปราสาทที่อ้างว้าง เหซิงโม่เหรอจะจะพักไปได้
ในคืนหลังจากที่โล่เฟยเอ๋อพวกเขากลับไปที่เมือง ก็กลับในเมืองไปด้วยเช่นนี้
เมื่อเขาเพิ่งกลับมาถึงในเมือง ก็ถูกคนของบ้านเหซิงจับตัวไว้ทันที
จากนั้นผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง ญาติพี่น้องบ้านเหซิงก็ได้รับการ์ดเชิญโดยไม่มีแจ้งเตือนล่วงหน้า
เปิดการ์ดเชิญสีเงินขาวออก หน้ากระดาษด้านในพิมพ์ด้วยภาพมหาสมุทรสีฟ้า
อักษรสีเงินขาวที่โรแมนติกหรูหรา เขียนไว้ว่าอาทิตย์หนึ่งจากนี้ ที่ชายหาดเมืองSเหซิงโม่กับซือจิ้งสวน จะจัดงานแต่งขึ้น
เมื่อถึงเวลานัดหมาย กราบเรียนเชิญแขกทุกท่านให้มาร่วมพิธี แบ่งปันความสุข
แน่นอน ที่มาพร้อมกับการ์ดเชิญ ยังมีตั๋วเครื่องบินไปกลับอยู่ด้วย
ตอนนี้โล่เฟยเอ๋อตั้งครรภ์ได้เกือบแปดเดือนแล้ว ทีแรกซูซีมู่นั้นคิดว่า จะไม่ไปร่วมงานแต่งของเหซิงโม่
แต่โล่เฟยเอ๋อยืนยันที่จะไปให้ได้ สุดท้ายซูซีมู่จึงต้องใช้เครื่องบินส่วนตัว บินไป
ในวันแต่งงาน แสงแดดอบอุ่น ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆ และทะเลเขียวมรกตกับหาดทรายขาวขาวสะอาด โดยต้อนรับแขกทุกท่านอย่างอบอุ่นด้วยรูปแบบดั้งเดิมที่สุด
ความว่างเปล่าในหาดทราย ประดับด้วยซุ้มประตูแต่งงานสีชมพู บนหัวซุ้มประตูประดับไปด้วยดอกไม้เขตร้อนที่พบมากที่สุดบนเกาะเต็มไปหมด ชนิดหนึ่งเหมือนจะเป็นดอกมอร์นิ่งกลอรี่สีชมพู จัดคู่กับดอกกุหลาบสีขาว นอกจากโรแมนติกแล้ว ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างทะเลและท้องฟ้าสีครามที่เชื่อมต่อกัน มีความรู้สึกใสสะอาดมากกว่า
และทั้งสองข้างของซุ้มประตูแต่งงาน จัดเก้าอี้ไว้ชมพิธีงานทั้งสองโซน ไม่เยอะ ทั้งหมดก็ประมาณสามสิบสีสิบตัว ตรงกลางระหว่างที่นั่งมีการเหลือทางเดินไว้สำหรับเดินผ่านซุ้มประตู เป็นทางพรมแดงที่มีไว้ให้คู่บ่าวสาวเดินเข้ามาในงานในอีกสักครู่ แต่วันนี้ข้างบนไม่ได้ปูพรมแดง ยังคงเป็นหาดทรายขาวละเอียดที่ถูกแดดสาดส่องจนอบอุ่นเช่นเดิม ทางเดินสองข้างตกแต่งไปด้วยเทียนรูปปลาดาวและเปลือกหอยใหญ่ๆ เล็กๆ เต็มไปหมด ให้ความรู้สึกบริสุทธิ์และน่าสนใจไปด้วย
ในข้างๆ ยังจัดวางแกรนด์เปียโนสีขาวที่ค่อยบรรเลงเพลง จุดประสงค์เพื่อการแสดงดนตรีประกอบในงานแต่ง
ซึ่งทั้งโรแมนติก หรูหรา ภาพมโนในความฝันรวบรวมกัน
หซิวหชูเฉียวพูดแสดงความรู้สึก “เหซิงโม่ งานแต่งของคุณจัดได้โรแมนติกมากเลย”
“ไม่ใช่ฉันจัด”เหซิงโม่ตอบอย่างหงุดหงิด
หซิวหชูเฉียวถามโดยที่ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิด “ไม่ใช่คุณแล้วเป็นใคร”
“ผู้หญิงบ้าคนนั้นเป็นคนจัดการ”เหซิงโม่หาจุดนินทาได้ปุ๊บ ก็พูดความไม่พอใจหลายๆ อย่างออกมาโดยไม่คิด “เธอไม่รู้เหรอ ว่าผู้หญิงคนนั้นเลือกที่จะแต่งงานในเมือง Sให้ได้ แถมยังต้องจัดงานแต่งที่ชายหาดอีก แล้วยังมีของวุ่นวายพวกนี้ด้วย”
หซิวหชูเฉียวรู้สึกว่าตัวเองอาจจะพูดผิดไป จึงไม่ตอบกลับอีก แต่กลับเป็นลู่ยู่ที่ถามอย่างอำเล่น “ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าเธอยอมแพ้กลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลายเป็นแกตกลงแต่งงานกับเธอแทนได้ล่ะ”
“แกคิดว่าฉันเต็มใจเหรอ วันนั้นฉันเพิ่งขับรถกลับมาในเมือง ก็ถูกพ่อฉันจับไปกักขังบริเวณ หากไม่แต่งงานกับเธอ จะไม่ปล่อยฉันออกมา ฉันสงสัยมากเลย ว่าที่เธอพูดว่าจากไปนั้นเป็นแค่ถอยเพื่อเดินหน้าเท่านั้น “น้ำเสียงเหซิงโม่ เต็มไปด้วยความไม่พอใจและดูถูกที่มีต่อซือจิ้งสวน
ลู่ยู่ตบไหล่เหซิงโม่เบาๆ แสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างแรง “โอเค แกแต่งงานกับคนเขาอย่างว่านอนสอนง่ายเถอะ”
โล่เฟยเอ๋อที่นั่งอยู่ที่นั่นมาตลอดเมื่อได้ฟังบทสนทนาของเหซิงโม่พวกเขา หัวคิ้วก็ขมวดด้วยความไม่พอ “เป็นอะไรรึเปล่า”ซูซีมู่ถาม
โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว “เปล่าค่ะ ฉันเองหิวนิดหน่อย”
เมื่อได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกหิว ซูซีมู่ก็ขมวดคิ้ว “ในกระเป๋าเหลือแค่เนื้อแห้งนิดหน่อย ฉันให้โจวเฉิงไปหาอะไรให้เธอกิน
ซูซีมู่เตรียมจะลุกขณะที่กำลังพูด กลับโดนโล่เฟยเอ๋อรั้งเอาไว้
“กินเนื้อแห้งก็พอแล้ว”
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว สุดท้ายก็เปิดกระเป๋าออก หยิบเนื้อแห้งที่ให้พ่อครัวในบ้านทำโดยเฉพาะให้โล่เฟยเอ๋อออกมาอันหนึ่ง เปิดออก
โล่เฟยเอ๋อยื่นมือเข้าไปในถุง หยิบเนื้อแห้งชิ้นหนึ่งออกมา ยัดเข้าไปในปาก เคี้ยวอย่างช้าๆ
เพียงไม่นาน เสียงทำนองเปียโนที่ไพเราะในงานแต่งก็ดังขึ้น
เหซิงโม่ถูกคนเรียกไปอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ใบหน้าเย็นชาก็ปรากฏตรงหน้าพรหมแดง จากนั้นเด็กถือดอกไม้คู่หนึ่งถือกระเช้าดอกไม้ โปรยกลีบดอกเข้ามาในงาน
ตามอยู่ข้างหลังพวกเขาคือซือจิ้งสวนในชุดแต่งงานหิมะขาว ต่างจากใบหน้าที่เย็นชาของเหซิงโม่อย่างสิ้นเชิง บนหน้าเธอเผยรอยยิ้มแสนมีความสุขออกมา
เท้าซือจิ้งสวนก้าวเดินอย่างช้าไป แล้วโซเซเล็กน้อย
ในสายตาคนอื่น เธอกำลังทำเหมือนกับว่าเดินเล่นบนชายหาด มีเพียงโล่เฟยเอ๋อที่รู้ ว่าแท้จริงแล้วเธอแค่อยากยื้อช่วงเวลาแห่งความสุขให้นานมากขึ้น
แต่ทว่า สิ่งนี้มันกลับทำให้เหซิงโม่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก หลังจากรอซือจิ้งสวนเข้ามาแล้ว เขาถามพลางแสดงใบหน้าดูแคลน “ขาเธอพิการเหรอ หรือเป็นอะไร เร็วหน่อยไม่ได้หรือไง”
ใบหน้าซือจิ้งสวนแสดงความเจ็บปวดเล็กน้อย จากนั้นก็พยายามยิ้มออกมาเล็กน้อย ” ขอโทษ ที่ฉันปวดขาเล็กน้อย เลยทำให้คุณรอนาน”
พูดจบเธอก็รีบเดินมาอยู่ตรงหน้าเหซิงโม่
เหซิงโม่ฮึทีหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวไปพูดกับบาทหลวงตรงหน้า “เริ่มเถอะ’
บาทหลวงนิ่งไปสักพัก จากนั้นจึงเริ่มกล่าวคำปฏิญาณ
จากนั้น เขาถามเหซิงโม่ “คุณเหซิงโม่ คุณเต็มใจที่จะรับคุณซือจิ้งสวนเป็นภรรยาของคุณหรือไม่ คุณเต็มใจยอมรับหรือไม่ไม่ว่าในยามสุขสบายหรือยากลำบาก ร่ำรวยหรือจน แข็งแรงหรือป่วย มีความสุขหรือทุกข์ คุณก็จะรักเธออย่างไร้ข้อแม้ และซื่อสัตย์ต่อเธอตลอดไป”
เหซิงโม่ยืนอย่างสงบ ไม่ตอบกลับ ราวกับไม่ได้ยินที่บาทหลวงพูดเช่นนั้น
บางหลวงคิดว่าเขาได้ยินไม่ชัด จึงถามอีกรอบ
แต่เหซิงโม่ยังคงนิ่งไม่ขยับเช่นเดิม
ผู้ชมในงานข้างล่าง ตอนนี้เริ่มซุบซิบนินทากันไปทั่ว
“เกิดอะไรขึ้น เจ้าบ่าวคงไม่เสียใจภายหลังแล้วหรอกมั้ง”
“มาถึงขั้นนี้แล้ว น่าจะไม่ใช่มั้ง”
“ใครจะไปรู้ ได้ยินมาว่าเจ้าบ่าวไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับเจ้าสาว แต่โดนคนในครอบครัวบีบบังคับ จึงจำใจต้องตกลง”
” ……”
ในเวลาเดียวกัน ทางโล่เฟยเอ๋อพวกเธอก็อดซุบซิบนินทาไม่ได้เช่นกัน
“พี่เหซิงโม่ คงไม่ได้เสียใจภายหลังในเวลานี้เหรอมั้ง
“มีความเป็นไปได้ เพราะไอ้เหซิงโม่มันไม่อยากแต่งงานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ซูซีมู่ตอบ”ไม่หรอก”
ลู่ยู่ยื่นหัวเข้ามาใกล้ ถาม”ไม่อะไร ไม่แต่งงาน หรือไม่เสียใจภายหลัง”
“ไม่เสียใจภายหลัง”ซูซีมู่ยกมือผลักหัวเขา จากนั้นก็ยื่นมือไปกุมมือโล่เฟยเอ๋อที่มองทางนั้นตลอด “เธอวางใจเถอะ เหซิงโม่แต่งงานกับเธออยู่แล้ว”
โล่เฟยเอ๋อหันไปมองซูซีมู่อย่างตะลึง “”คุณ……”ทีแรกโล่เฟยเอ๋ออยากจะถามซูซีมู่ ว่าเขารู้ได้ยังไง
แต่ซูซีมู่นำเธอไปก้าวหนึ่งแล้ว โดยการเรื่องเปลี่ยนพูด
“เฟยเอ๋อ พรุ่งนี้เราจะกลับกัน หรืออยู่ต่อที่นี่อีกสองวัน