งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 434
บทที่ 434 ซือจิ้งสวนโรคหอบหืดกำเริบ
“ขอโทษนะ ตอนนั้นฉัน……”
น้ำเสียงของซูซีมู่ ราบเรียบเหมือนเขาในยามปกติ แต่โล่เฟยเอ๋อกลับรู้สึกได้ถึงความเสียใจและคำขอโทษของเขา
ใจของโล่เฟยเอ๋อ เจ็บปวดเล็กน้อย เธอยกมือขึ้นโอบเอวของซูซีมู่ไว้ แล้วเอาหัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดเขา “เรื่องมันผ่านไปแล้ว อีกอย่างนายในตอนนั้น ก็ไม่รู้อะไรสักอย่างด้วยจริงไหม?”
จริงสิ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้พวกเขารักกันดี และมีความสุขมาก
ซูซีมู่ตอบกลับเบา ๆ ว่า “อืม” แล้วก้มหน้าลงจูบโล่เฟยเอ๋อ ใช้การกระทำแสดงความรักของตัวเอง แสดงคำขอโทษจากตัวเอง
อยากกอดเธอไว้อย่างนี้ จูบเธอไว้จนตราบชั่วฟ้าดินสลาย
แต่ทว่าในความเป็นจริงกลับไม่เป็นอย่างที่เขาต้องการ
โทรศัพท์ในกระเป๋าของโล่เฟยเอ๋อดังขึ้นมากะทันหัน
ซูซีมู่จึงได้แต่เม้มปาก แล้วปล่อยโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อก้มหน้า เปิดกระเป๋าที่อยู่ในมือออก แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
หน้าจอโชว์เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของซือจิ้งสวน
โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วกดรับสาย
“คุณนาย……แฮก แฮก……ฉันอยากขอให้คุณช่วยฉันสักเรื่องหนึ่ง” น้ำเสียงของซือจิ้งสวนนั้นค่อนข้างเบา ราวกับกำลังฝืนอะไรไว้อยู่
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว ตอบกลับไป “มีเรื่องอะไร เธอพูดเถอะ”
“ไม่รู้……คุณนายสามารถช่วยฉันติดต่อโรงพยาบาลที่……ที่เชื่อใจได้ไหม? ซือจิ้งสวนถามออกมาด้วยเสียงขาด ๆ หาย ๆ
โล่เฟยเอ๋อตอบออกมาโดยไม่ต้องคิด “ได้สิ” จากนั้นก็ถามต่อ “เธอเป็นอะไร? ป่วยเหรอ?”
“โรคเก่ากำเริบ……” ซือจิ้งสวนตอบ
โล่เฟยเอ๋อตอบ “อืม” จากนั้นถามว่า “เธออยู่ที่ไหน? ต้องการให้ฉันส่งคนไปรับเธอไหม?”
“ฉัน……” ซือจิ้งสวนพูดคำว่า ฉัน ออกมาคำหนึ่ง แล้วเสียงก็เงียบไป
“ฮัลโหล? ฮัลโหล? คุณซือ? ซือจิ้งสวน? ” โล่เฟยเอ๋อตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
เธอรู้สึกสังหรณ์ใจ จากนั้นก็หันไปพูดกับซูซีมู่ : “นายติดต่อเหซิงโม่หน่อยสิ ถามเขาหน่อยว่าซือจิ้งสวนป่วยหรือเปล่า?”
ซูซีมู่ที่ได้ฟังบทสนทนาของโล่เฟยเอ๋อกับซือจิ้งสวนเมื่อสักครู่นี้ ก็พอฟังออกว่ามีเรื่องอะไร ดังนั้นเลยไม่ได้ถามอะไรมาก แล้วกดโทรศัพท์โทรหาเหซิงโม่
เหซิงโม่รับสายเร็วมาก
“ฮัลโหล? ซูซีมู่เหรอ?” เสียงของเหซิงโม่มีเสียงดนตรีดังอึกทึกครึกโครมปนอยู่
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถาม “แกอยู่ไหน?”
เมื่อซูซีมู่พูดจบ เสียงดนตรีที่ดังอื้ออึงอยู่ก็ค่อย ๆ เบาลง “ฉันเหรอ? ฉันอยู่ที่ห้องคาราโอเกะในคลับดี้เหา ซูซีมู่แกจะมาด้วยกันหรือเปล่า? อ้อ……ลืมไปเลย แกต้องอยู่เป็นเพื่อนเฟยเอ๋อ……”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกซูซีมู่พูดขัดขึ้นมา “ผู้หญิงคนนั้นของแกป่วยหรือเปล่า?”
“ผู้หญิงคนนั้นของฉัน? ใคร?” เหซิงโม่รู้สึกแปลกใจ
ซูซีมู่ยังไม่ทันได้ตอบออกมา โล่เฟยเอ๋อก็พูดขึ้นอย่างรีบร้อน : “ซือจิ้งสวน”
“เฟยเอ๋อ?” เหซิงโม่น่าจะคิดไม่ถึงว่าโล่เฟยเอ๋อจะพูดแทรกขึ้นมา เลยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
โล่เฟยเอ๋อไม่สนใจเขา รีบถามต่อ “ซือจิ้งสวนป่วยนะ นายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
“ใครจะไปรู้เรื่องยัยบ้านั่นกันล่ะ?” น้ำเสียงของเหซิงโม่นั้นมีทีท่ารังเกียจและเหยียดหยาม
สีหน้าโล่เฟยเอ๋อเคร่งขรึมขึ้น เอ่ยถาม “ตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหน?”
“เฟยเอ๋อ ผู้หญิงคนนั้นไปพูดอะไรกับเธออีกล่ะ? เธออย่าไปเชื่อหล่อนนะ หล่อนนะเป็นยัยบ้าที่ชอบพูดโกหก หล่อนน่ะเห็นแก่เงินของครอบครัวฉัน……” เหซิงโม่ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกโล่เฟยเอ๋อขัดขึ้นอย่างเย็นชา “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
เหซิงโม่น่าจะฟังออกว่าโล่เฟยเอ๋อโกรธแล้ว เลยรีบบอกที่อยู่ไป
โล่เฟยเอ๋อตัดสายทันที จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากห้องทำงาน
เพิ่งเดินไปได้สองก้าว ก็ถูกซูซีมู่ดึงตัวไว้
“ซูซีมู่ นายดึงฉันไว้ทำไม?” โล่เฟยเอ๋อถามด้วยความแปลกใจ
ซูซีมู่ตอบมาว่า “เฟยเอ๋อ ตอนนี้เธอไม่เหมาะที่จะวิ่งไปมานะ”
โล่เฟยเอ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองตั้งท้องได้แปดเดือนกว่าแล้ว ไม่เหมาะที่จะวิ่งไปนู่นไปนี่จริง ๆ
“ซูซีมู่……” เธอเพิ่งเอ่ยพูดว่า ซูซีมู่ คำพูดหลังจากนั้นยังไม่ทันได้พูดออกมา ซูซีมู่ก็เอ่ยขึ้นทันที : “อย่ารีบร้อนไป ฉันจะบอกให้หมอเฉิงไปดูเดี๋ยวนี้แหละ”
“ดีค่ะ ดี” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้างึก ๆ
หลังจากที่ซูซีมู่โทรศัพท์ไปหาหมอเฉิง ก็ได้นั่งรอข่าวอยู่กับโล่เฟยเอ๋อบนโซฟา
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป หมอเฉิงก็โทรกลับมาแจ้งข่าว
ซือจิ้งสวนหมดสติไปแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทางไปโรงพยาบาล
ได้ยินว่าซือจิ้งสวนหมดสติไป โล่เฟยเอ๋อก็นั่งไม่ติดแล้ว
“ซูซีมู่ ฉันต้องไปดูเธอที่โรงพยาบาล”
ถึงแม้ซูซีมู่จะไม่อยากให้โล่เฟยเอ๋อไปโรงพยาบาลตอนนี้ แต่ก็รู้ว่าเธอเป็นห่วงซือจิ้งสวนมาก เลยตอบตกลง “ตกลง”
ขณะที่พวกเขาไปโรงพยาบาล ซือจิ้งสวนยังคงอยู่ในห้องฉุกเฉิน แต่หมอเฉิงอยู่ด้านนอกห้องฉุกเฉินรอพวกเขา
“ประธานซู คุณนาย พวกคุณมากันแล้วเหรอ”
โล่เฟยเอ๋อปรายตามองประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดสนิท แล้วเอ่ยถาม “หมอเฉิงคะ ตอนนี้อาการเธอเป็นยังไงบ้างคะ?”
“คุณผู้หญิงคนนั้นหมดสติไปเพราะโรคหอบหืด กำลังช่วยชีวิตอยู่” หมอเฉิงตอบ
ได้ยินหมอเฉิงพูด โล่เฟยเอ๋อก็ตกตะลึง “หมดสติเพราะโรคหอบหืด?”
“ครับ” หมอเฉิงพยักหน้า จากนั้นก็อธิบาย : “ตอนที่พวกเราไปถึง เธอหมดสติอยู่บนโซฟา บนโต๊ะน้ำชามียาพ่นโรคหอบหืดขวดหนึ่งเปิดทิ้งไว้และมีขวดเปล่าอีกขวดหนึ่งเป็นยาโรคหอบหืด”
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถาม “ก็หมายความว่าเธอใช้ยาพ่นแล้ว กินยาแล้ว แล้วทำไมเธอถึงยังหมดสติไปอีกล่ะคะ?”
หมอเฉิงตอบอย่างไม่แน่ใจนัก “อาจจะเป็นเพราะยาหมดก่อนมั้งครับ……”
โล่เฟยเอ๋อรู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่รู้อะไรแน่ชัดนัก เลยไม่ได้ถามอะไรหมอเฉิงอีก เธอได้แต่พยักหน้า “ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ”
“เฟยเอ๋อ เธอนั่งรอที่เก้าอี้เถอะ” ซูซีมู่ดึงโล่เฟยเอ๋อมานั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง จากนั้นก็หันไปหมอเฉิงที่ทำท่าราวกับมีอะไรจะพูดแต่ไม่พูดออกมา “ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”
หมอเฉิงตอบออกไปอย่างลังเล “ประธานซู คุณนาย ยังมีอีกเรื่อง ที่ต้องบอกพวกคุณให้รู้ไว้”
“ครับ” ซูซีมู่พยักหน้า บ่งบอกว่าให้เขาพูดได้
“แพทย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลได้ตรวจสอบยาโรคหอบหืดของคุณผู้หญิงคนนั้นแล้ว พบว่ายาพวกนั้นมีลักษณะพิเศษมาก แตกต่างจากยาตามท้องตลาดอย่างสิ้นเชิง”
“หมายความว่ายังไง?”
“ประสิทธิภาพของยาชนิดนั้นดีมาก ๆ เลย น่าจะเป็นยาโรคหอบหืดที่เหมาะกับใช้รักษาคุณผู้หญิงคนนั้นโดยเฉพาะ ผู้ป่วยโรคหอบหืดบางคนมีการปรับตัวให้เหมาะกับยา ถ้าหากเปลี่ยนยากะทันหัน อาจไม่ดีต่ออาการป่วยของเธอนัก”
“หมายความว่า ถ้าหากอยากให้เธอหายดี ดีที่สุดคือต้องใช้ยาพวกนั้นที่เธอใช้มาก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”
ซูซีมู่มองไปยังโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็พูดกับหมอเฉิง : “ผมรู้แล้ว รบกวนหมอเฉิงด้วยนะครับ”
“ไม่รบกวนครับ ผมยังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อนนะครับ” หมอเฉิงพยักหน้าให้กับโล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่ จากนั้นก็เดินไป
โล่เฟยเอ๋อเอ่ยถามซูซีมู่อย่างเป็นกังวล “ถ้าหากเป็นอย่างที่หมอเฉิงพูด หมายความว่าอาการเธอน่าเป็นห่วงมากใช่หรือเปล่า?”
ซูซีมู่ยกมือขึ้นมาลูบผมของเธอ แล้วพูดปลอบว่า : “อย่ากังวลไปเลย ที่หมอเฉิงพูดคือความน่าจะเป็น แต่อาจจะไม่มีปัญหาอะไรก็ได้”
โล่เฟยเอ๋อรู้ว่าซูซีมู่กำลังปลอบใจเธอ เธอได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยพูด : “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ได้จริง ๆ ฉันจะช่วยพูดให้เธอกลับไปเอง”