งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 460
บทที่ 460 ย้อนแผนหยั่งเชิง
ดูแล้วหลังจากนี้เธอคงทุ่มสุดตัวเพื่อเอาใจซูยุ่น ตอนนี้เธอไม่มีช่องทางการติดต่อของซูซีมู่ ก็ต้องทุ่มสุดตัวเพื่อหลอกเอาจากซูยุ่นแล้ว
และแล้วหลังจากนั้นสองวัน ซือเหม่ยหยวนก็คอยติดต่อพูดคุยกับซูยุ่นอยู่ตลอด แล้วยังส่งของขวัญมาให้ไม่หยุด
ซูยุ่นถามโล่เฟยเอ๋อว่าจะรับของขวัญพวกนี้เอาไว้ไหม โล่เฟยเอ๋อบอกว่าก็ต้องอยู่แล้ว เพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมายซือเหม่ยหยวนยอมทุ่มอยู่แล้ว ดังนั้นของขวัญที่ซื้อ:ไม่มีทางแย่ อีกอย่างถ้ารับเอาไว้ เธอก็จะวางใจและไม่นึกสงสัย
“ยุ่นเอ๋อ ชุดเดรสกระโปรงที่ฉันให้เธอชอบไหม?” ซือเหม่ยหยวนถามขึ้น
“ชอบสิ สวย!ขอบคุณนะ!” ซูยุ่นเบ้ปาก ตอบกลับอย่างแสแสร้งแกล้งทำ
เห็นซูยุ่นรับและยังชอบของขวัญที่ตัวเองให้มาก ซือเหม่ยหยวนก็รู้สึกดีใจมาก แล้วก็เริ่มเข้าสู่หมวดยุแยงอีกครั้ง
“ฉันซื้อของขวัญไม่เป็น คงจะซื้อได้ไม่ดีเท่าพี่สะใภ้คุณแน่ ”
ช่วงนี้จากการพูดคุยกัน ซือเหม่ยหยวนนึกว่าความสัมพันธ์ของซูยุ่นกับโล่เฟยเอ๋อไม่ดี เลยตั้งใจพูดแบบนั้นเพื่อเปรียบเทียบกัน
ที่จริงแล้วตอนนี้ ซูยุ่นกำลังอยู่ที่บ้านของโล่เฟยเอ๋อ โล่เฟยเอ๋อกำลังดูแลฉิงฉิงอยู่ในห้องนอนเด็ก ซูยุ่นนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับยังไง
เธอเดินย่องเบาๆ เข้าไปในห้องนอนเด็ก เคาะที่ประตูเบาๆ
เมื่อได้ยิน โล่เฟยเอ๋อสั่งสายตาให้แม่บ้านดูแลเด็กให้ดี แล้วก็เปิดประตู “ขอโทษนะยุ่นเอ๋อ เมื่อกี้ฉิงฉิงร้องไห้ไม่หยุดเลย เลยไม่ได้สนใจเธอเลย มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“พี่เฟยเอ๋อ พี่ดูสิ ” ซูยุ่นขมวดคิ้ว แล้วเปิดบทสนทนาให้โล่เฟยเอ๋อดู
โล่เฟยเอ๋อกวาดตามองไปไม่กี่ที ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “ยุ่นเอ๋อ,เดี๋ยวพี่ตอบกลับเอง ”
“ได้……” ซูยุ่นส่งมือถือไปให้โล่เฟยเอ๋อ ยังไงเธอก็เชื่อใจโล่เฟยเอ๋อมาก
“พี่สะใภ้ฉันไม่เคยให้ของขวัญฉันตั้งหาก?เธอเก่งแต่แสแสร้งแกล้งทำ พี่ชายฉันแต่งงานกับเธอได้ ก็ตาบอดจริงๆ !” หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อพิมพ์เสร็จก็กดส่งไป
ซือเหม่ยหยวนที่อยู่ทางโน้มเมื่อได้รับข้อความแบบนี้ ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ตอนแรกนึกว่าซูยุ่นกับโล่เฟยเอ๋อแค่ความสัมพันธ์ไม่ดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะเธอจะไม่ชอบหล่อนขนาดนี้ เธอคิดอยู่ในใจ จะต้องคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ให้ดีๆ
“โถ เธอก็อย่าพูดแบบนี้เลย ยังไงนั้นก็พี่สะใภ้เธอ แต่ว่าเธอก็คบหายากจริงๆ นะ ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เธอยังทำท่าหยิ่งผยองแล้วบอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉัน ”
ฝีมือในการแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาของซือเหม่ยหยวนถือว่าระดับท๊อปเลย และฝีมือในการพูดแต่งเรื่องก็ไม่เลวเลยทีเดียว
โล่เฟยเอ๋อได้รับข้อความยังรู้สึกเอือมระอา ทำไมถึงหน้าด้านส่งประโยคนี้ออกมาได้ ตอนนั้นหล่อนเองไม่ใช่เหรอที่คะยั้นคะยอที่จะเป็นเพื่อนกับตัวเอง? อยากจะชูนิ้วโป้งให้เธอไปจริงๆ
“พี่สะใภ้……” ซูยุ่นเห็นข้อความนี้ยังถึงต้องปัดเหงื่อ หล่อนพูดใส่ร้ายคนอื่นอยู่บนข้อความ แต่กลับไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวเขากำลังดูอยู่
“พี่ไม่เป็นไร พี่อยากจะดูว่าหล่อนจะเล่นลูกไม้อะไรอีก ” โล่เฟยเอ๋อส่งสายตาบอกกับซูยุ่นให้วางใจ
เมื่อคิดไปครู่หนึ่ง โล่เฟยเอ๋อก็เริ่มพิมพ์ข้อความอีกครั้ง “เธอก็เป็นแบบนั้นแหล่ะ คิดว่าแต่งงานกับพี่ชายฉันแล้วก็จะชูคอเป็นหงส์ไปได้ล่ะมั่ง!ทำท่าหยิ่งผยองไว้ดูถูกใครกัน!”
ในน้ำเสียงนั้น ยังมีความรู้สึกไม่พอใจกับความโชคร้ายที่ได้รับความขุ่นเคืองใจของซือเหม่ยหยวนอยู่
ซือเหม่ยหยวนดีใจเป็นอย่างมาก และเริ่มถามเพื่อความแน่ใจ: “แล้วเรื่องที่ฉันบอกเธอครั้งก่อน เธอได้บอกพี่ชายเธอไหม?เธอดูสิว่าพี่ชายเธอดีขนาดนั้น เพียบพร้อมขนาดนั้น ถ้าถูกผู้หญิงแบบนี้หลอกปั่นหัวอยู่แบบนี้คงไม่ดีเหรอมั้ง……”
เธอเริ่มพูดยุแยงอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นข้อความ โล่เฟยเอ๋อก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วตอบกลับ: “ฉันยังไม่ได้บอกเลย……ถ้าหากว่าฉันพูดไป ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ต้องร้าวฉานแน่ ถ้าอย่างนั้นฉันก็กลายเป็นตัวกลางที่ทำลายชีวิตแต่งงานของพวกเขานะสิ?”
เมื่อได้ยินว่าขอแค่บอกซูซีมู่เรื่องนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะร้าวฉาน ซือเหม่ยหยวนก็ดีใจจนรีบยุแยงกับซูยุ่นว่า: “ฉันรู้ว่าเธอกำลังเป็นหวังพี่ชายเธอ แต่ว่าเธอจะทนเห็นเขาถูกหลอกอยู่แบบนี้เหรอ?เพราะฉะนั้นเลิกกังวลได้แล้ว ที่ทำไปก็เพราะหวังดีกับพี่ชายเธอใช่ไหมล่ะ?”
“ทำไมเธอถึงเป็นหวังพี่ชายฉันขนาดนี้ล่ะ?” โล่เฟยเอ๋อเริ่มซักถามขึ้น ตอนนี้เธอจะปั่นหัวผู้หญิงหน้าด้านที่คิดจะทำลายครอบครัวคนอื่นคนนี้!
ตอนแรกนึกว่าซูยุ่นจะยอมไปพูดสักอีก คิดไม่ถึงเธอกลับถามเรื่องนี้ขึ้นกะทันหัน……
“เรื่องนั้น……คือแบบนี้ ฉันก็เคยเจอกับประธานซูอยู่หลายครั้งรู้สึกเขาเป็นคนดีมาก ดังนั้นจึงทนเห็นเขาถูกหลอกไม่ได้เลยอยากให้เขาได้รู้ความจริง แต่ว่าเธอคิดดูสิ เขาไม่มีทางเชื่อคนนอกอย่างฉันแน่ แต่ว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา ก็ต้องน่าเชื่อกว่าที่ฉันพูด ”
หล่อนพูดหว่านล้อมได้เก่งมาก……
ทางด้านนี้ซูยุ่นกับโล่เฟยเอ๋อก็ต้องยอมรับในฝีมือการพูดโกหกของซือเหม่ยหยวน ความสามารถในการตอบสนองที่ชำนาญนี้ จะพูดว่าฝึกมาเฉพาะทางก็ไม่ถือเดินไป
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง เธอเป็นคนดีมากจริงๆ !ตอนแรกฉันนึกว่าเธอชอบพี่ชายฉันซักอีก!” โล่เฟยเอ๋อตอบกลับไป
ความจริงซูยุ่นก็นับถือโล่เฟยเอ๋อมากเหมือนกัน ถ้ามีคนพูดยุแยงต่อหน้าญาติตัวเองแบบนี้,และพูดถ้อยคำใส่ร้าย เธอคงจะทนไม่ไหวแล้วไปเอาเรื่องกับคนคนนั้นแล้ว แต่ว่าโล่เฟยเอ๋อยังตอบกลับหล่อนได้อย่างนิ่งเฉยขนาดนี้ ต้องบอกว่าความสามารถในการรองรับอารมณ์ดีมากจริงๆ
“ดิลิลิลี……” แล้วมือถือของซูยุ่นก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากโจวเฉิง
ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังหวานแหวนกันอยู่ ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อก็ไม่อยากรบกวนความสวีทหวานของทั้งสองคนเลยยื่นมือถือคืนซูยุ่นไป
“ฮัลโหล มีอะไรเหรอ?” เมื่อซูยุ่นได้รับสายจากโจวเฉิงมุมปากก็ยิ้มขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่
“ยุ่นเอ๋อ วันนี้ผู้ช่วยที่มาใหม่ที่บริษัทมาทำงานแทนผม เพราะฉะนั้นผมก็มีเวลาที่จะอยู่กับคุณ ” โจวเฉิงพูดอย่างตื่นเต้น
ทั้งสองคนเพิ่งอยู่ด้วยกันไม่นาน โอกาสที่ได้เจอกันก็น้อยจนน่าสงสาร ดังนั้นเลยอยากรีบเจอหน้ากันแล้วใช้เวลาอย่างมีความสุข
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านพี่ชายและพี่สะใภ้” ซูยุ่นตอบกลับ ความหมายคือให้เขามารับ
“หา~คุณอยู่ที่บ้านประธานซูและคุณนายคือ……”
เมื่อโจวเฉิงได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย ตอนนี้ส่วนใหญ่ซูซีมู่จะอยู่แต่ที่บ้าน ถ้าหากเขารู้ว่าทันทีที่มีพนักงานใหม่เข้ามาตัวเองก็รีบวิ่งออกมาอย่างทนรอไม่ไหวล่ะก็ต้องอธิบายยากแน่นอน
แต่ว่าเพื่อซูยุ่นเขาก็ต้องยอมแล้ว!
หลังจากที่ทั้งสองคนตกลงกันเสร็จก็วางสายไปอย่าง
“เป็นอะไร?ดีใจขนาดนี้ โจวเฉิงชวนเธอออกไปเที่ยวเหรอ?” โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างหยอกล้อ
ฟังจบ,ใบหน้าของซูยุ่นก็แดงมากขึ้นแล้วพูดอย่างเขินอาย: “อืม……”
“เห่อ!โจวเฉิงนี้ทำเสียอารมณ์สักจริง กว่าเธอจะมีเวลามาบ้านฉันได้ ตอนแรกคิดว่าจะชวนเธออยู่กินข้าวที่บ้าน แต่ว่า โจวเฉิงนัดเธอไว้ เธอก็ออกไปกับเขาเถอะ เพราะกว่าพวกเธอจะอยู่ด้วยกันได้ก็ไม่ง่ายเลย ”