งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 67
บทที่ 67 ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนของซูซีมู่
เวลาต่อมา นอกจากแอร์โฮสเตสที่บริการอยู่ในห้องเครื่องบินชั้นนั้น ก็ไม่มีใครมารบกวนอีก
เพราะโล่เฟยเอ๋ออารมณ์ซับซ้อน และยังกลัวว่าจะถูกซูซีมู่เห็นอะไรจากตัวเธอ ดังนั้น กินอาหารเช้าเสร็จ เธอก็หยิบนิตยสารขึ้นมาอ่าน
ซูซีมู่ไม่ได้สังเกตความคิดของเธอ เขากำลังอ่านเอกสารที่โจวเฉิงเตรียมให้เขาก่อนขึ้นเครื่องมาโดยตลอด
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เครื่องบินก็ได้ลงจอดที่สนามบินเมืองหลวง
โจวเฉิงให้คนมารับพวกเขาก่อนเวลาที่กำหนด และให้พาไปส่งที่โรงแรมชื่อดังของเมืองหลวง
หลังจากที่เข้าห้องพักในโรงแรม ซูซีมู่ก็พูดขึ้นมา: “ เฟยเอ๋อ ผมต้องรีบไปประชุม อีกสักครู่จะมีคนมาพาคุณไปเที่ยว ถ้าถึงเวลาอาหารเช้าแล้วผมยังไม่กลับมา คุณดูว่าอยากกินอะไร แล้วสั่งคนให้ไปซื้อมาก็ได้ ”
โล่เฟยเอ๋อรู้ว่าซูซีมู่งานยุ่ง จึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ อือ ได้ ”
มีอะไรก็โทรหาผมนะ ” หลังจากที่ซูซีมู่กำชับเสร็จ ก็รีบเดินออกไปอย่างรีบร้อน
ซูซีมู่ออกไปแล้ว ในห้องก็เหลือแค่โล่เฟยเอ๋อคนเดียว
เธอเบนส่ายตาไปมองรอบๆห้อง
การตกแต่งห้องดูเหมือนธรรมดามาก กลับประณีตและสวยงามไปทั่วทุกมุมห้อง
พื้นที่ตรงห้องรับแขกกว้างมาก ด้านหน้าหน้าต่างยาวจรดพื้นมีต้นไม้ใหญ่ที่สูงเท่ากับหน้าต่าง และยังมีเก้าอี้โยก
โล่เฟยเอ๋อยื่นมือไปลูบเก้าอี้โยก หลังจากนั้นก็เอียงหัวนั่งลงบนเก้าอี้และแกว่งไปมา
นั่งประมาณสิบกว่านาที ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้น และเดินไปเปิดประตูห้อง
ด้านนอกมีหญิงสาวที่สวมชุดสีชมพูยืนอยู่ ม้วนผมขึ้น เผยให้เห็นคอยาวที่ขาวนวล
ใส่ต่างหูมุกสีชมพูที่หู ให้ภาพลักษณ์แบบอย่างผู้หญิงเมืองหลวง
หญิงสาวพูดกับโล่เฟยเอ๋ออย่างมีมารยาท: “ คุณหนูโล่สวัสดีค่ะ ฉันคือคนที่ประธานซูส่งมาค่ะ ฉันชื่อ สงเฟยเหวิน ค่ะ ”
“ สวัสดีค่ะ ” โล่เฟยเอ๋อยิ้มให้ฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ก้าวถอยหลังสองก้าว เพื่อให้เธอได้เข้ามาในห้อง
หลังจากที่ สงเฟยเหวิน เข้ามาแล้ว ก็กระพริบตามองโล่เฟยเอ๋อ ไม่ได้พูดอะไร
โล่เฟยเอ๋อถูกเธอมองจนเก้อเขินไปหมด “ เอ่อ……คุณนั่งก่อนค่ะ ”
สงเฟยเหวิน ส่ายหน้า หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมานิ่งๆ “ ประธานซูให้ฉันพาคุณไปเที่ยว ไม่ทราบว่าคุณอยากไปเที่ยวที่ไหนคะ? ”
“ ที่จริงแล้วฉันไม่รู้หรอก ฉันไม่เคยมาเมืองหลวง ” โล่เฟยเอ๋อพูดตอบ สงเฟยเหวิน อย่างเก้อเขิน
สงเฟยเหวิน มองโล่เฟยเอ๋อนิดหน่อย หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมา: “ ให้ฉันมาคุณไปสถานที่ที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวงดีไหม? ”
“ ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า และเดินตาม สงเฟยเหวิน ออกไปจากห้อง
หลังจากที่ออกมาจากโรงแรม สงเฟยเหวิน ก็ได้พาโล่เฟยเอ๋อไปเดินถนนคนเดินการค้าที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง
ถนนคนเดินการค้าเป็นสถานที่ที่ประธานซูสั่งให้ สงเฟยเหวิน พาโล่เฟยเอ๋อไปที่นั่น ซูซีมู่สั่ง สงเฟยเหวิน ว่า เพียงแค่โล่เฟยเอ๋อชอบสิ่งของอะไร สงเฟยเหวิน ต้องซื้อให้เธอแทนเขา
เดิมที สงเฟยเหวิน คิดว่าบัตรของประธานซูของพวกเขา จะถูกรูดสะจนเลือดออก ผลสุดท้ายกลับไม่เป็นแบบที่เธอคาดการณ์ไว้เลยสักนิด
เธอเดินเล่นเป็นเพื่อนโล่เฟยเอ๋อมาสองชั่วโมงกว่า โล่เฟยเอ๋อกลับซื้อแค่ของชิ้นเดียว
ของเพียงชิ้นเดียวที่เธอซื้อ เธอยังออกเงินเองอีกต่างหาก
จึงล้มล้างภาพความทรงจำที่เธอมีต่อโล่เฟยเอ๋อไปโดยสิ้นเชิง
สงเฟยเหวิน คือคนที่มีความสามารถเก่งกล้าที่อยู่ในกลุ่มเรขาของซูซีมู่ สามารถพูดได้ว่าเป็นคนที่ซูซีมู่ไว้ใจ
วันนี้เธอได้รับคำสั่งของท่านประธาน ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ท่านประธานยังบอกอีกว่าไม่ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะให้เธอทำอะไร เธอต้องเชื่อฟัง ขอแค่ผู้หญิงคนนี้อยากได้ เธอต้องจ่ายเงินให้เธอแทนเขา
และนี่ทำให้ สงเฟยเหวิน รู้สึกผิดหวัง ท่านประธานของพวกเขาคือคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก เด็กผู้หญิงที่ไหนมาทำให้ท่านประธานของพวกเขาต้องลำบากถึงขนาดนี้? เพราะฉะนั้น ก่อนหน้าถึงแม้ว่าเธอจะพูดกับโล่เฟยเอ๋ออย่างมีมารยาท แต่กลับไม่ได้จริงใจขนาดนั้น
แม้กระทั่งตอนที่เธอเดินเป็นเพื่อนโล่เฟยเอ๋ออยู่ที่ถนนคนเดินการค้า เธอยังแอบดูถูกโล่เฟยเอ๋อในใจ คิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่สิ่งของ
แต่ตอนนี้ สงเฟยเหวิน มีความละอายใจเล็กน้อย
“ คุณหนูโล่ คุณไม่ดูของอย่างอื่นหรอคะ? เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าต่างๆ ” สงเฟยเหวิน ยิ้มให้โล่เฟยเอ๋ออย่างอ่อนโยน และถามขึ้นเสียงเบา
“ ไม่แล้วค่ะ ขอบคุณ ” โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว
สงเฟยเหวิน เงียบไปสองสามวิ และได้พูดถามขึ้นมาอีกครั้ง “ ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว คุณหิวแล้วหรือยัง? ”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ตอบคำพูดของ สงเฟยเหวิน ทำแค่ถามขึ้นมา “ ซูซีมู่เขายังยุ่งอยู่หรอ? ”
สงเฟยเหวิน พยักหน้าตามความจริง “ ประธานซูคงกำลังประชุมอยู่ค่ะ ”
“ เขายุ่งมากจริงๆ แม้แต่วันหยุดก็ไม่ได้พัก ” โล่เฟยเอ๋อแบะปากและพูดบ่น
สงเฟยเหวิน ยิ้มอย่างโยนอ่อน หลังจากนั้นก็พูดอธิบายแทนท่านประธานของพวกเขา: “ ประธานซูงานยุ่ง ไม่มีเวลามาอยู่กับคุณหนู่โล่ คุณหนูโล่อย่าโทษเขาเลยนะคะ ”
“ เป็นเพื่อนเขา ฉันไม่โทษเขาอยู่แล้วค่ะ ” โล่เฟยเอ๋อตอบยิ้มๆ
สงเฟยเหวิน ทำงานกับประธานซูมาหลายปี แต่ไม่เคยเห็นประธานซูปฏิบัติต่อใครอย่างเป็นห่วงขนาดนี้เลย
และนี้ยืนยันว่าอะไร? ยืนยันว่าคุณหนูโล่คนนี้คือแฟนของประธานซูยังไงละ!
ดังนั้น เธอได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ ก็เหมือนได้ยินคำพูดตลกๆแบบนั้นเลย เธอเม้มปากยิ้ม สบตากับโล่เฟยเอ๋อ และพูดขึ้น: “ เพื่อน? คุณหนูโล่กำลังล้อเล่นใช่ไหม? ”
“ ฉันล้อเล่น? ” โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าคำพูดของ สงเฟยเหวิน แปลกประหลาดมาก
สงเฟยเหวิน พยักหน้า “ ใช่ค่ะ ”
“ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ! ” โล่เฟยเอ๋อกระพริบตาใส่ สงเฟยเหวิน อย่างไม่รู้เรื่องอะไร หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมายิ้มๆ: “ ฉันกับซูซีมู่เราเป็นเพื่อนที่สนิทกัน จริงๆนะคะ ”
อันที่จริง คำพูดของ สงเฟยเหวิน เมื่อสักครู่ คือจะบอกโล่เฟยเอ๋อว่า เธอรู้แล้วว่าโล่เฟยเอ๋อคือแฟนของซูซีมู่ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าโล่เฟยเอ๋อจะพูดอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซูซีมู่ด้วยใบหน้าที่ตั้งใจ
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น สงเฟยเหวิน อาจจะคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเสแสร้ง แต่จากที่เธอได้เข้าใจโล่เฟยเอ๋อมาสองชั่วโมง เธอรู้ว่าโล่เฟยเอ๋อพูดอธิบายให้เธอฟังด้วยความตั้งใจจริงๆ
หรือว่าคุณหนูโล่กำลังปิดบังความสัมพันธ์ของพวกเขาแทนประธานซู?
ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น ก็คงจะรีบบอกกับคนทั้งโลกให้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับประธานซูไปแล้ว! ถึงอย่างไรสถานะของประธานซูของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ
สงเฟยเหวิน มีภาพความทรงจำดีๆต่อโล่เฟยเอ๋อมากขึ้นไปอีก
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้เลยว่าเธอถูก สงเฟยเหวิน เข้าใจผิดแล้ว อีกอย่าง ยังเป็นการเข้าใจผิดที่สวยงามอีกด้วย
เห็น สงเฟยเหวิน ไม่พูดอะไร เธอก็คิดว่า สงเฟยเหวิน ไม่เชื่อที่เธอพูด เธอจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณสง ฉันกับซูซีมู่เราเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ ฉันยังรู้จักเพื่อนของซูซีมู่อีกสองคนด้วยนะ ลู่ยู่กับเหซิงโม่ไง ”
แม้แต่คุณชายลู่กับคุณชายเหซิงก็ยังรู้จัก……
สงเฟยเหวิน สะดุ้งนิดหน่อย ดีที่เธอไม่ทำเรื่องที่เกินไป ไม่อย่างนั้นเธอคงจะแบกรับต่อประธานซูไม่ไหวจริงๆ
“ คุณหนูโล่ เราไปกินข้าวกันดีกว่า? คุณอยากกินอะไร? อาหารจีน? อาหารฝรั่ง? หรือจะเป็นอย่างอื่น? ”
โล่เฟยเอ๋อชี้ไปที่ป้ายร้านเคเอฟซีที่อยู่ไม่ไกลออกไปและพูดขึ้น: “ กินเคเอฟซีเป็นไง? ”
เคเอฟซี? มุมปากของ สงเฟยเหวิน กระตุกเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พูดคำว่าได้ออกมา
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า ตอนกำลังเตรียมเดินไปที่ร้านเคเอฟซี โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้นมา