งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 72
บทที่72 ซูซีมู่เข้าข้างคนผิด
โล่เฟยเอ๋อเดิมทีคิดว่าหลังจากที่เข้าไปในสนามบินแล้ว จะต้องหาตัวซูซีมู่
แต่คิดไม่ถึงว่าพอเธอเข้าไปถึง ก็เจอซูซีมู่กำลังยืนคุยโทรศัพท์ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อยู่หน้าประตูอาคารผู้โดยสารในสนามบิน
โล่เฟยเอ๋อเห็นภาพนี้แล้วก็ตะลึงไปโดยสัญชาตญาณ จากนั้นเม้มปาก แล้วเดินเข้าไป
ไม่ได้เดินเข้าใกล้ซูซีมู่ แต่หยุดอยู่ห่างจากเขาสองเมตร
เธอยืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้นและรออย่างเงียบ ๆ รอประมาณห้านาที ซูซีมู่ถึงคุยโทรศัพท์เสร็จ
ได้ยินซูซีมู่คุยโทรศัพท์เสร็จ โล่เฟยเอ๋อก็เงยหน้า แล้วเดินไปหาเขา
ซูซีมู่กำลังวางโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง พอเงยหน้าขึ้นก็สบตากับโล่เฟยเอ๋อพอดี สายตาของเขาหยุดนิ่งหนึ่งวินาที จากนั้นหมุนตัว แล้วสาวเท้าเดินไปที่อาคารผู้โดยสาร
โล่เฟยเอ๋อกัดริมฝีปากล่าง แล้วสาวเท้าเดินตามไป
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร ก็เห็นซูซีมู่กำลังนั่งโพสท่าเล่นโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้ในอาคารผู้โดยสาร
คนในอาคารผู้โดยสารค่อนข้างเยอะ มีที่นั่งว่างเพียงไม่กี่ที่
อยู่ข้างซูซีมู่ที่หนึ่ง อีกหลายที่นั่งอยู่ห่างค่อนข้างไกล
โล่เฟยเอ๋อลังเลอยู่หลายวิ ในที่สุดก็เดินไปที่นั่งที่ห่างค่อนข้างไกลแล้วนั่งลง
เธอไม่ได้สังเกต ตอนที่เธอเดินไปที่ที่นั่งตรงนั้น ซูซีมู่ที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ ใบหน้าที่เย็นชา ก็ยิ่งเย็นชากว่าเดิมในทันที
ผ่านไปประมาณยี่สิบกว่านาที เสียงประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ขึ้นเครื่องก็ดังขึ้น
โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้นยืน แต่กลับไม่ขยับ สายตากวาดตามองไปยังทิศทางที่ซูซีมู่อยู่
กระทั่งซูซีมู่ลุกขึ้นยืน เธอถึงวิ่งเยาะๆเข้าไปหาเขา
ซูซีมู่เหมือนกับมองไม่เห็นเธอ เดินตรงไปที่ทางออกอาคารผู้โดยสาร
ออกจากอาคารผู้โดยสารแล้วก็ตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง
โล่เฟยเอ๋อตามหลังซูซีมู่ไปตลอดทาง โดยไม่พูดอะไร
ทันใดนั้นก็โล่เฟยเอ๋อถูกผลักจากด้านหลังอย่างแรง เธอกลับไม่ได้สังเกต และควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วพุ่งไปด้านหน้า
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อคิดว่าเธอต้องชนซูซีมู่ แต่ซูซีมู่พลันหันมา จากนั้นยืนมือมาประคองแขนของเธอ
“เกิดอะไรขึ้น” ซูซีมู่
โล่เฟยเอ๋อพูดเสียงต่ำ “โดนผลักนิดหน่อย”
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าโดนผลัก ซูซีมู่ก็กวาดตามองผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ด้านหลังของโล่เฟยเอ๋อด้วยแววตาที่เยือกเย็น
ครั้งแรกที่ผู้หญิงคนนั้นเห็นซูซีมู่ก็ตกตะลึง เห็นสายตาที่ดูไม่ค่อยดีอย่างชัดเจนของซูซีมู่ เธอยิ้มและพูดทันที “ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย เธอเดินไม่ระวังเอง ถึงสะดุดล้ม”
“เธอล้มเอง ไม่ระวังเลยจริงๆ อะ” ซูซีมู่พูดย้ำคำพูดของผู้หญิงคนนั้นอย่างเบาๆ จากนั้นจับมือของโล่เฟยเอ๋อ ดึงเธอให้มาอยู่ด้านหน้าตัวเอง
โล่เฟยเอ๋อได้ยินคำพูดของซูซีมู่ ก็คือเขาเลือกที่จะเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนั้น ดวงตาของเธอดำมืด แล้วก้มหน้าลง
หลังจากขึ้นเครื่อง และหาที่นั่งเจอ โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่ก็ไม่พูดอะไร
หลังจากที่เครื่องบินขึ้นบินได้สิบกว่านาที ซูซีมู่ก็พลันลุกยืนขึ้น
โล่เฟยเอ๋อหันหน้าไปมองเขาแวบหนึ่ง แล้วเลิกมอง
ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดที่แหลมทิ่มหูดังต่อหน้า โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมอง
ก็เห็นผู้หญิงที่ผลักเธอเมื่อกี้คนนั้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอล้มลงกับพื้น
โล่เฟยเอ๋อตะลึง จากนั้นก็หันหน้ากลับคืนมาโดยไม่สนใจ
เธอกลับไม่รู้ว่า มีฉากที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นที่นั่น
ซูซีมู่มองผู้หญิงคนนั้นที่ล้มอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าเย็นชา “ทำไมล้มลงไปเองละ ไม่ระวังเลยจริงๆ” น้ำเสียงนั่นเหมือนกับน้ำเสียงที่ผู้หญิงคนนั้นพูดว่าโล่เฟยเอ๋อล้มลงไปเองมาก
ล้อเล่น ในสายตาของซูซีมู่คือเขาคอยปกป้องโล่เฟยเอ๋อตลอด เขาจะให้โล่เฟยเอ๋อได้รับความลำบากใจได้ยังไง
เมื่อกี้เขาสังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้น เขาถึงลุกขึ้นตาม ตอนที่เดินผ่านผู้หญิงคนนี้ ก็ยกเท้าขัดเธอให้สะดุดล้มลง
ผู้หญิงคนนั้นชี้หน้าซูซีมู่ จะพูดก็พูดไม่ออก “คุณ…”
ซูซีมู่โน้มตัวเล็กน้อย ฉีกมุมปากแล้วพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ผมทำไมเหรอ คุณคงไม่ได้จะบอกว่าผมทำให้คุณสะดุดล้มใช่ไหม”
ได้ยินที่ซูซีมู่พูด ผู้หญิงคนนั้นก็โกรธจนหน้านิ่วคิ้วขมวด “ก็คือคุณ”
ซูซีมู่ทำเหมือนกับได้ฟังเรื่องตลกที่ใหญ่โต แววตาประกายความเยาะเย้ย พูดกับผู้หญิงคนนั้นอย่างเย็นชา “ไม่ใช่คุณเดินไม่ระวังเอง ถึงสะดุดล้มเหรอ”
“ฉันจะแจ้งความ คุณตั้งใจทำร้ายฉัน ที่นี่มีคนอยู่ตั้งมากมายสามารถเป็นพยานได้” ผู้หญิงคนนั้นทั้งพูดทั้งร้องไห้
“เป็นพยานเหรอ” สายตาเย็นชาของซูซีมู่กวาดตามองไปยังผู้คนที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดถูกสายตาของเขามองจนตัวหดโดยไม่รู้ตัว
ซูซีมู่เลิกมอง มองผู้หญิงคนนั้นจากบนลงล่างแล้วพูด “ได้สิ คุณแจ้งความเลย ผมรออยู่”
ตอนที่พูดคำว่า“ผมรออยู่” สามคำนี้จบ ซูซีมู่รู้สึกว่าความอึดอัดเศร้าใจที่สะสมอยู่ในอกของเขาตลอดทั้งคืนในที่สุดก็สลายไป
“จำไว้ บอกตำรวจว่า หาผมได้ที่บริษัทซูซื่อ” ซูซีมู่พูดจนจบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วก้าวเดินกลับที่นั่งของตัวเอง
จากเมืองหลวงถึงเมืองAใช้เวลาสามชั่วโมง โล่เฟยเอ๋อนั่งด้วยกันกับซูซีมู่ แต่ตลอดทางไม่พูดคุยกันเลยสักคำ
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินเมืองA ตอนตีหนึ่ง
ซูซีมู่ที่กำลังง่วงนอนเดินตามหลังซูซีมู่ลงจากเครื่องบิน เพราะว่าง่วงนอนมากเธอจึงเดินช้า
ซูซีมู่ที่เดินเร็วมาแต่ไหนแต่ไร แต่วันนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไม มือล้วงกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง เดินอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
ออกมาจากอาคารผู้โดยสาร ลมหนาวก็พัดมาปะทะหน้า
โล่เฟยเอ๋อสะดุ้งโหยง ความง่วงที่มีอยู่ในตัวก็หายไปอย่างหมดจด
พอชำเลืองดู ถึงเห็นว่าด้านนอกหิมะตกปอยๆ
ลมหนาวพัดหิมะลอยมากลางอากาศ ตกลงบนพื้นเปียกๆ จากนั้นละลาย หายไป
เมืองA หิมะเริ่มตกแล้ว
โล่เฟยเอ๋อถอนหายใจเบาๆ สายตามองไปที่ซูซีมู่ที่กำลังพูดคุยกับโจวเฉิงที่มารอรับ
เขากำลังโกรธเธอ เธอก็ไม่นั่งรถด้วยกันกับเขา หลังจากรอให้เขาไปแล้ว ค่อยหารถแท็กซี่กลับเข้าในเมือง
สายตาของโล่เฟยเอ๋อดำมืด กำลังเตรียมจะหมุนตัว เสียงของโจวเฉิงก็ดังมา “คุณหนูโล่ ต้องการให้ผมช่วยคุณถือของไหม”
โล่เฟยเอ๋อหยุดชะงัก แล้วมองไปทางโจวเฉิง “ไม่ต้อง ขอบคุณ”
โจวเฉิงพูด “โอ้” คำหนึ่ง เห็นโล่เฟยเอ๋อไม่ขยับ ก็พูดเตือน “คุณหนูโล่ ประธานซูกำลังรอคุณอยู่”
โล่เฟยเอ๋อมองที่ซูซีมู่อย่างงุนงง จากนั้นเดินไปถึงหน้าประตูที่นั่งข้างคนขับ เปิดประตูรถออกแล้วขึ้นไปนั่ง
ซูซีมู่ไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาเงียบขรึมและลึกลับ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
แต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูโล่ไม่ใช่นั่งเบาะหลังกับประธานซูตลอดเหรอ ตอนนี้ทำไมถึงมานั่งที่ข้างคนขับละ
โจวเฉิงสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่าระหว่างซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อมีบางอย่างผิดปกติ
ประธานซูกับคุณหนูโล่กำลังทะเลาะอะไรกัน เมื่อเช้า ตอนไปเมืองA ยังดีดีอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมพอตกค่ำถึงทะเลาะกันจนเป็นแบบนี้ไปได้
แน่นอนว่าเขาไม่มีความกล้าที่จะไปถามเรื่องของประธานซู เขาขึ้นรถอย่างเงียบๆ จากนั้นสตาร์ทรถขับออกไปจากสนามบิน