งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 73
บทที่ 73 ตกลงใครเล่นแง่กันแน่
รถขับออกมาจากสนามบินได้ประมาณยี่สิบกว่านาที ถึงขับถึงเขตเมือง
ส่วนนี้อยู่ในเขตตะวันตก ระยะห่างจากเขตตะวันออกที่เธออาศัยอยู่ใช้เวลาราวชั่วโมงกว่า และระยะห่างจากใจกลางเมืองที่ซูซีมู่เอาศัยอยู่ก็ใช้เวลาราวชั่วโมงกว่า ทั้งสองคนอาศัยอยู่คนละทิศทาง…
ในใจของโล่เฟยเอ๋อคิดเป็นเช่นนี้ ปากได้พูดออกไปแล้ว “คุณโจว,คุณจอดรถให้ฉันลงข้างทางเถอะ ฉันเรียกรถแท๊กซี่กลับเองดีกว่า”
โจวเฉิงชำเลืองมองใบหน้าที่เย็นชาของซูซีมู่จากกระจกมองหลังแวบหนึ่ง ไม่ตอบรับคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ
ล้อเล่น เขากล้าปล่อยให้โล่เฟยเอ๋อลงข้างทางหรอ นั้นไม่ใช่รนหาที่ตายหรอ
โล่เฟยเอ๋อเห็นโจวเฉิงไม่พูดอะไร คิดว่าเขาไม่ได้ยิน ก็พูดซ้ำอีกรอบ “คุณโจว รบกวนคุณ…”
โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นซูซีมู่ที่นั่งอยู่เบาะหลังก็พูดสองคำอย่างเย็นชา “หยุดรถ”
ซูซีมู่สั่งขนาดนี้แล้ว โจวเฉิงก็ไม่กล้าที่จะไม่ฟังเป็นธรรมดา
เขาเหยียบเบรก แล้วหยุดรถอย่างนิ่มๆ ตรงข้างทาง
โล่เฟยเอ๋อก้มหน้า หลังจากพูด “ขอบคุณ” เสียงต่ำคำหนึ่ง แล้วก็เปิดประตูลงจากรถ
มองออกไปนอกรถ ร่างบางๆของโล่เฟยเอ๋อยืนหันหลังให้รถ ในตาที่ดำมืดราวกับน้ำหมึกของซูซีมู่ประกายแววตาที่ซับซ้อน ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลงอย่างแรงหลายครั้ง ในอกเหมือนถูกอะไรอัดไว้ อึดอัดอย่างที่สุด
หลังจากออกมาจากคลับ แม้แต่จะพูดกับเขาสักคำเธอก็ไม่กล้า อีกทั้งยังอยู่ห่างจากเขามาก และตอนนี้ยังดึงดันที่จะลงรถ
ซูซีมู่ลืมว่าทุกอย่างเป็นเพราะความเล่นแง่ของเขา โล่เฟยเอ๋อคิดว่าเขากำลังโกรธเธออยู่ ถึงเป็นแบบนี้
เขาออกแรงเม้มปาก จากนั้นสั่งอย่างเย็นชา “ออกรถ”
โจวเฉิงมองโล่เฟยเอ๋อที่อยู่นอกรถแวบหนึ่ง แล้วมองซูซีมู่ที่นั่งอยู่เบาะหลังแวบหนึ่ง ขยับปาก อยากจะพูดอะไร แต่ในที่สุดก็ไม่พูดอะไร สตาร์ทรถแล้วขับออกไป
สายตาของซูซีมู่จ้องกระจกมองหลังเขม่ง
เงาของโล่เฟยเอ๋อในกระจกมองหลังค่อยๆ เล็กลง กระทั่งหายไปจนมองไม่เห็น เขาก็ไม่เลิกมอง
โจวเฉิงชำเลืองมองสีหน้าของซูซีมู่ในกระจกมองหลัง แล้วถอนหายใจในใจ
ชัดเจนว่าประธานของเขาไม่อยากให้คุณหนูโล่ลงรถ แต่ยังเสแสร้งจากไปโดยไม่สนใจ…
ทันใดนั้นซูซีมู่ก็พูดขึ้น “ไปโรงแรมที่ใกล้ที่สุด”
หยุดไปแป๊บหนึ่ง ซูซีมู่ก็พูดเสริมขึ้นมาอีก “ฉันอยากพักผ่อน”
ไปหาโรงแรมพักผ่อนหรอ โจวเฉิงอึ้งในทันที
ต้องรู้ว่าประธานของเขาติดนิสัยรักสะอาดขั้นรุนแรง นอกจากจำเป็นจริงๆ มิเช่นนั้นไม่ตัดสินใจค้างข้างนอกแน่นอน
แต่ตอนนี้ชัดเจนว่าต้องใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงกลับถึงบ้าน ผลลัพธ์คือประธานซูต้องการพักผ่อนในโรงแรมหรอ
โจวเฉิงอึ้งไปแป๊บหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้น “ดีที่สุดต้องเป็นโรงแรมระดับสี่ดาว ไม่ด้านสุขอนามัยอาจไม่ตรงตามความต้องการของคุณ…”
โจวเฉิงยังพูดไม่จบ ซูซีมู่ก็ขัดจังหวะเขา “ก็ไปที่นั่น”
โจวเฉิงที่ไม่เข้าใจประธานของเขาต้องการทำอะไร ก็พยักหน้าพูด “ครับ” คำหนึ่ง
ผ่านไปสองนาที รถก็จอดที่หน้าประตูโรงแรมระดับสี่ดาวที่โจวเฉิงพูดถึง
หลังจากที่ซูซีมู่พูดทิ้งท้ายประโยคหนึ่ง “พาเธอกลับไปส่ง” ก็ไม่รอให้โจวเฉิงตอบกลับ แล้วผลักประตูรถเปิดออก ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในห้องโถงของโรงแรมนั้น
โจวเฉิงจ้องด้านหลังของซูซีมู่ที่กำลังเดินเข้าไปในโรงแรมแวบหนึ่ง ถอนหายใจลึกๆในใจ
อันที่จริงที่ประธานซูต้องการพักที่โรงแรมก็เพื่อให้เขาไปส่งคุณหนูโล่มั้ง
เหตุผลที่หลังจากโล่เฟยเอ๋อลงจากรถแล้วยืนหันหลังให้รถ ไม่หันกลับมา เป็นเพราะเธอกลัวว่าพอหันกลับมา ก็อดที่จะถามเขาไม่ได้ ว่าเขาเกลียดการที่ถูกคนเข้าใจว่าเธอเป็นแฟนของเขามากขนาดนั้นเลยหรอ…
ที่จริง เธอก็รู้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ
โล่เฟยเอ๋อเบะปากเยาะเย้ยตัวเอง แต่ในตามืดมิดเหมือนกับค่ำคืนนี้
ที่จริงสถานที่ที่โจวเฉิงจอดรถให้โล่เฟยเอ๋อลงก็ถือว่าเจริญรุ่งเรือง ปกติรถแท็กซี่เยอะมาก
แต่คืนนี้ดึกมากแล้ว บวกกับตอนนี้หิมะกำลังตก บนถนนแบบจะไม่ใครคนเดินไปมา แม้แต่รถราผ่านไปนานมากถึงมีรถผ่านมาสักคัน
รถแท็กซี่ที่โล่เฟยเอ๋อคิดเอาไว้ ก็ไม่ได้เรียกง่ายขนาดนั้น
หิมะที่มาพร้อมลม โล่เฟยเอ๋อทั้งเดินไปตามถนน ทั้งมองดูว่ามีรถแท็กซี่ขับผ่านมาหรือเปล่า
เดินไปประมาณไม่ถึงสิบนาที ทันใดนั้นสียงเบรกรถที่ดังจนแสบหูก็ดังขึ้น จากนั้นมีรถหนึ่งคันจอดอยู่ข้างเธอ
โล่เฟยเอ๋อตกใจ ก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ จากนั้นเงยหน้า เธอก็เห็นรถของโจวเฉิงที่คุ้นเคยคันนั้น
โล่เฟยเอ๋อคิดว่าตัวเองดูผิด เธอกระพริบปริบๆก่อน จากนั้นยกมือขึ้นขยี้ตา แล้วก็เป็นรถที่โจวเฉิงเคยขับไปรับซูซีมู่จริงๆ
เขาไม่ใช่ส่งซูซีมู่กลับไปแล้วหรอ ทำไมยังอยู่ที่นี่ได้
ประตูที่นั่งคนขับเปิดออก โจวเฉิงลงจากรถมา
“คุณหนูโล่ เชิญขึ้นรถ” โจวเฉิงพูดพร้อมทั้งเปิดประตูรถให้โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อได้สติกลับมาอย่างช้าๆ ถามอย่างตะกุกตะกักช้าๆ “คุณโจว,คุณไม่ใช่… คุณทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“ประธานซูให้ผมมา” โจวเฉิงตอบตามความจริง
ซูซีมู่หรอ สายตาของโล่เฟยเอ๋อมองไปทางที่นั่งเบาะหลัง
แต่กลับพบว่าคนที่เดิมทีควรนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่อยู่แล้ว
เขาไปไหนแล้วล่ะ ทำไมไม่อยู่ในรถ
โจวเฉิงเห็นโล่เฟยเอ๋อยืนนิ่ง ก็พูดเตือน “คุณหนูโล่ ดึกมาแล้ว รีบขึ้นรถเถอะ”
โล่เฟยเอ๋อพูด “โอ้” เสียงต่ำๆ คำหนึ่ง แล้วค่อยโน้มตัวเดินขึ้นรถนั่งที่เบาะหลัง
อาจเป็นเพราะซูซีมู่เคยหลังที่เบาะหลัง โล่เฟยเอ๋อมักรู้สึกว่าในรถยังมีกลิ่นความเย็นชาที่อยู่บนตัวซูซีมู่
กลิ่นยังอยู่ แต่คนกลับไม่อยู่ที่นี่…
โล่เฟยเอ๋อสูดหายใจลึกๆ ในที่สุดก็อดถามไม่ได้
“เขาล่ะ”
โจวเฉิงเข้าใจที่โล่เฟยเอ๋อพูด “เขา” คือใครโดยธรรมชาติ แล้วเขาก็ตอบตามความจริง “ประธานซูไปพักผ่อนที่โรงแรม”
เดิมทีโล่เฟยเอ๋ออยากถามว่าทำไมซูซีมู่ไม่กลับบ้าน แต่ไปโรงแรม คำพูดติดอยู่ที่ปาก ในที่สุดเธอก็ไม่ถามออกมา เพียงพูด “โอ้” เบาๆคำหนึ่ง
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อกลับถึงที่พักของหซิวหชูเฉียวก็ตีสองกว่าแล้ว
ร่างกายของเธออ่อนโรยไร้เรี่ยวแรงอย่างมาก แต่กลับนอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงอยู่นาน ตีห้าเธอถึงนอนหลับ
เจ็ดโมง นาฬิกาปลุกที่อยู่บนหัวเตียงก็ดังขึ้น
โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างสะลึมสะลือ หลังจากล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำด้วยท่าทีเหมือนวิญาณเร่ร่อนเสร็จ เธอถึงเดินโซเซออกจากห้อง
หซิวหชูเฉียวกำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว พอเห็นโล่เฟยเอ๋อก็ตกใจเป็นอย่างมาก
“เฟยเอ๋อ เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
โล่เฟยเอ๋อทั้งหาวทั้งตอบ “ตอนตีสอง”
“ตีสองหรอ เธอไปทำอะไรมา” หซิวหชูเฉียวถามอย่างประหลาดใจ
“เล่นจนลืมเวลา” โล่เฟยเอ๋อพูดกับหซิวหชูเฉียวพอแล้วๆไป
หซิวหชูเฉียวไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงถามว่า “กินอาหารเช้าไหม”
“ไม่ละ” ตอนนี้เธอมีแต่อยากนอน กินไม่ลง
หซิวหชูเฉียวเห็นโล่เฟยเอ๋อแบบนี้แล้ว ก็ไม่พูดมากความ “งั้นก็ได้”
“อึม ฉันไปก่อนนะ” โล่เฟยเอ๋อโบกมือให้หซิวหชูเฉียว แล้วเดินออกไป