งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 79
บทที่79 เจอกับเหซิงโม่และลู่ยู่ระหว่างทาง
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นๆ ต้องเลือกที่จะลงนามมีสิทธิ์ ที่จริงผ่านการออกแบบชุดนี้ก็สามารถได้รับสิทธ์ลงนาม นั้นเป็นเรื่องดีมาก
แต่ในสายตาของโล่เฟยเอ๋อ ภาพออกแบบแหวนผู้ชายภาพนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเธอ
“ขอโทษคะหัวหน้า ภาพออกแบบนี้ฉันจะเก็บไว้เอง”
ในตาของเย่รู่ไป๋ประกายแสง จากนั้นถาม “เธอต้องรู้ว่าโอกาสนี้ได้รับยากมาก จะปฏิเสธจริงๆเหรอ”
“ฉันแน่ใจ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
“พรุ่งนี้ไปพบฉันที่ห้องทำงาน” พูดประโยคนี้จบ เย่รู่ไป๋ก็เดินมาด้านหน้าพร้อมกับประกาศว่าคนที่ลอกคือถังหซิวฉี แล้วไล่ถังหซิวฉีออกเดี๋ยวนั้นเลย
ถังหซิวฉีไม่พอใจกับการจัดการของเย่รู่ไป๋ ก็ร้องตะโกนโวยวาย แต่ถูกเย่รู่ไป๋เรียกให้รปภมาลากตัวออกไป
เห็นถังหซิวฉีถูกลากออกไป โล่เฟยเอ๋อเพียงแค่ถอนใจ แต่ไม่ได้เห็นใจเธอ
หลายปีมานี้ ถังหซิวฉีพยายามคิดหาวิธีเป็นศัตรูกับเธอตลอด เธอไม่ใช่คนใจดี ที่โดนเธอตบ แล้วยังบอกว่าเธอตบได้ดี
อีกอย่าง ที่ถังหซิวฉีมีจุดจบแบบนี้ในวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเธอได้รับผลกรรมของตัวเอง
โล่เฟยเอ๋อเบือนสายตาหนี จากนั้นหันกลับมาพูดกับจางเจียเจีย “เจียเจีย วันนี้ขอบคุณเธอมากนะ”
จางเจียเจียพูดอย่างเกรงใจมาก “เฟยเอ๋อ เธอไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ถ้าเห็นแล้วก็ต้องพูด”
“ไม่ว่ายังไง ก็ต้องขอบคุณเธอ” โล่เฟยเอ๋อพูดจบ แล้วมองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์แวบหนึ่ง พบว่าเที่ยงแล้ว ก็พูด “เที่ยงแล้ว พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
จางเจียเจียเห็นด้วย “ดีอะ”
สองคนกลับไม่ได้ไปกินข้าวที่โรงอาหารของบริษัท แต่เตรียมไปกินข้าวที่ร้านอาหารตรงข้ามบริษัท ผลลัพธ์ก็คือระหว่างทางเจอกับเหซิงโม่และลู่ยู่
โล่เฟยเอ๋อและจางเจียเจียข้ามถนน กำลังจะเข้าไปในร้านอาหารที่อยู่ตรงข้ามบริษัท พลันได้ยินเสียงแตรของรถ
ทีแรกโล่เฟยเอ๋อก็ไม่ได้สังเกต คิดว่ามันเป็นแค่เสียงแตรของรถที่วิ่งผ่าน
จนกระทั่งมีเสียงตะโกนที่คุ้นเคยเล็กน้อยดังอยู่ไกลออกไป “เฟยเอ๋อ”
เธอถึงมองไปตามเสียง ตรงทางแยกไฟแดงตรงนั้น มีLotus sports carสีขาวคันหนึ่งหยุดอยู่
ถ้าไม่ใช่เพราะลู่ยู่เปิดกระจกรถแล้วยืนหน้าออกมา เกรงว่าโล่เฟยเอ๋อคงจะหันหน้าหนีแล้วเดินจากไป
ในความทรงจำของเธอ ไม่รู้จักคนที่ขับLotus sports car
โล่เฟยเอ๋อโบกมือให้ลู่ยู่ เป็นสัญญาณว่าเธอมองเห็นพวกเขาแล้ว
จางเจียเจียที่ตามมากับโล่เฟยเอ๋อเห็นโล่เฟยเอ๋อหยุดเดินกะทันหัน เธอก็มองมาที่โล่เฟยเอ๋อ “เฟยเอ๋อ มีอะไรเหรอ”
“ฉันเจอคนรู้จัก คงต้องให้เธอรอฉันแป็บหนึ่ง” โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างเกรงใจ
จางเจียเจียส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
โล่เฟยเอ๋อพูด “อึม” คำหนึ่ง แล้วก็หันหน้าไปมองรถของพวกลู่ยู่
ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไปเขียว เหซิงโม่ขับรถมาจอดที่ริมถนน
เพิ่งจะจอดรถได้สนิท ประตูรถก็ถูกเปิดออก ลู่ยู่วิ่งลงมาจากในรถ
“เฟยเอ๋อ บังเอิญจัง ได้เจอเธอที่นี่”
โล่เฟยเอ๋อยิ้มจางๆ “บังเอิญ คุณลู่”
พอได้ยินโล่เฟยเอ๋อเรียกเขาว่า “คุณลู่” ลู่ยู่ก็ขมวดคิ้ว “เฟยเอ๋อ ครั้งก่อนไม่ใช่บอกเธอว่าให้เรียกชื่อฉันเหรอ”
โล่เฟยเอ๋อไม่ทันได้ตอบกลับ เหซิงโม่ก็ลงมาจากรถ “ลู่ยู่ คุณแกล้งเฟยเอ๋ออีกแล้ว ระวังซูซีมู่จะมาคิดบัญชีกับคุณ”
ได้ยินที่เหซิงโม่พูด ลู่ยู่ขนลุกทันที “เหี้ย เหซิงโม่ ฉันแกล้งตรงไหน ชัดเจนว่าฉันคุยกับเฟยเอ๋อ คุณใส่ร้ายฉัน”
เหซิงโม่ขี้เกียจจะสนใจลู่ยู่ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนให้โล่เฟยเอ๋อ “ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ไม่เจอกันนานเลยคุณเหซิง” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าให้เหซิงโม่อย่างมีมารยาท
เหซิงโม่ยิ้มอย่างอ่อนโยนและสุภาพให้จางเจียเจียที่อยู่ข้างๆโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นถาม “คุณ พวกคุณมาทำอะไรที่นี่”
โล่เฟยเอ๋อชี้ไปทางจางเจียเจียแล้วพูด “ฉันกับเพื่อนร่วมงานมากินข้าวที่นี่”
“โอ้” เหซิงโม่พยักหน้า กำลังเตรียมจะพูดอะไร ลู่ยู่ที่อยู่ด้านนั้นก็พูดต่อ “เฟยเอ๋อ คุณไปกินข้าวกับพวกเราปะ พอดีพวกเราเพิ่งนัดกับซูซีมู่”
ไม่รอให้โล่เฟยเอ๋อพูด ลู่ยู่ก็พูดต่อ “คุณไม่รู้ว่าซูซีมู่นัดยากมาก โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด วันนี้ผมกับเหซิงโม่ตั้งใจมาหาเขาที่บริษัทถึงจับเขาได้”
ไม่เจอซูซีมู่สองวัน โล่เฟยเอ๋ออยากไปเจอเขากับพวกลู่ยู่มาก แต่นัดกินข้าวกับจางเจียเจียไว้แล้ว เธอไม่สามารถทิ้งเขาได้
“งั้นฉันไม่ไปหรอก”
ลู่ยู่อ้าปากอยากจะพูดอะไร แต่ถูกเหซิงโม่ขัดจังหวะ “เฟยเอ๋อไม่ว่าง คราวหน้าค่อยนัดก็เหมือนกัน”
“อึม คราวหลังฉันเลี้ยงข้าวพวกคุณ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
“เฟยเอ๋อ คุณพูดคำไหนคำนั้นนะ” ลู่ยู่พูดจบ ก็พูดเหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้ “ใช่สิ เฟยเอ๋อ ผมยังไม่มีเบอร์โทรของคุณ เอาโทรศัพท์ให้ผม”
โล่เฟยเอ๋อไม่ลังเล หยิบโทรศัพท์ออกมาขากในกระเป๋าแล้วยืนให้เขา
ลู่ยู่กดเบอร์ของตัวเองลงโทรศัพท์ของโล่เฟยเอ๋อแล้วโทรออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นบันทึกเบอร์โทรของโล่เฟยเอ๋อไว้ในโทรศัพท์ของตัวเอง
ลู่ยู่ยืนโทรศัพท์ให้โล่เฟยเอ๋อพร้อมกับพูดว่า “เฟยเอ๋อ เบอร์โทรด้านบนเป็นเบอร์ของผม คุณบันทึกไว้หน่อย”
“อึม ได้” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วบันทึกเบอร์ของลู่ยู่ลงในบัญชีรายชื่อ
ลู่ยู่ยังอยากคุยกับโล่เฟยเอ๋อ แต่เหซิงโม่เอ่ยปากเตือนเขา เกรงว่าใครบางคนกำลังรอแล้ว
ลู่ยู่พูดกับโล่เฟยเอ๋ออย่างไม่ค่อยเต็มใจ “คราวหน้าค่อยนัดกันใหม่”
“อึม ได้” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า ส่งลู่ยู่และเหซิงโม่ขึ้นรถด้วยสายตา
หลังจากที่พวกลู่ยู่จากไปแล้ว จางเจียเจียที่นิ่งเงียบมาตลอดก็พูดขึ้น “เฟยเอ๋อ พวกเขาเป็นเพื่นเธอเหรอ”
“ไม่เชิง” ลู่ยู่และเหซิงโม่เป็นเพื่อนของซูซีมู่ กับเธอเพียงแค่รู้จักเท่านั้น
“โอ้” จางเจียเจียพยักหน้า
“พวกเราไปกิน้าวกันเถอะ”
“โอเค”
ตอนที่ลู่ยู่และเหซิงโม่มาถึงหยู้ผินเซียง ซูซีมู่รอพวกเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
“ซูซีมู่ นายมาก่อนพวกเราอะ” ลู่ยู่ยิ้มแล้วนั่งลงตรงข้ามกับซูซีมู่
ซูซีมู่กวาดตามองเขาอย่างนิ่งเฉยแวบหนึ่ง “หนึ่งชั่วโมง”
“หนึ่งชั่วโมงอะไร” ลู่ยู่มองซูซีมู่อย่างงุนงง ไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด
เหซิงโม่กรอกตามองบน แล้วอธิบาย “จากบริษัทโล่ซื่อถึงที่นี่พวกเราใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง”
“หนึ่งชั่วโมงหรอ” ลู่ยู่เบะปาก หลังจากผ่านไปหลายวิ เขาก็พูดอย่างพอใจ “แม้ว่าพวกเราจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง แต่พวกเราบังเอิญเจอกับเฟยเอ๋อ”
ได้ยินลู่ยู่บอกว่าบังเอิญเจอกับเฟยเอ๋อ ซูซีมู่จากเดิมที่ก้มหน้าอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที
“ที่ไหน”
“ที่ตรงข้ามบริษัทอะไรนะ” ลู่ยู่มองเหซิงโม่
เหซิงโม่ช่วยเขาพูดเสริม “บริษัทดี้ก้วน”
ลู่ยู่พยักหน้าแล้วพูดซ้ำ “ใช่ ตรงข้ามบริษัทดี้ก้วน”
ทำไมเธอถึงออกจากบริษัทไปเวลานั้น ซูซีมู่ยืนมือล้วงกระเป๋าด้วยความเคยชิน กำลังจะคลำหาโทรศัพท์ โทรหาโล่เฟยเอ๋อ
หลังจากที่ล้วงกระเป๋าแล้ว เขาถึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเขาเอาโทรศัพท์ให้โจวเฉิงไปบล็อกเบอร์แปลก ยังไม่ได้เอากลับมา
ซูซีมู่ก้มหน้า แล้วถามเหมือนไม่สนใจ “เธอไปทำอะไรที่นั่น”