งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 91
บทที่91ความอ่อนโยนบนคราบน้ำตา
หลังจากที่ชายวัยกลางคนพุ่งเข้าไปในบ้าน เขาเห็นผู้ชายที่ถูกซูซีมู่ถีบจนสลบไป ความจริงมันทำให้เขาตกใจเหมือนกัน
เขารู้ตัวในฝีมือตัวเองเอง จึงมีความคิดที่อยากจะถอย
แต่น่าเสียดาย เขาอยากถอย แต่ซูซีมู่ไม่ให้โอกาสเขา ซูซีมู่ซีปล่อยโล่เฟยเอ๋อ เขาเก็บกระบองเหล็กจากพื้นเพื่อไปเผชิญหน้าเขา
ต่อยมวยซูซีมู่ถนัดอยู่แล้ว ฝีมือเล่นกระบองเหล็กเขาก็ไม่เลว แต่ละทีที่ฟาดไป มันเต็มไปด้วยความโกรธ ชายวัยกลางคนยังไงก็สู้เขาไม่ไหวแน่ๆ
ฟาดทีแรก ถูกซูซีมู่ฟาดโดนขา
ถึงไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่ แค่ฟังเสียงร้องเขาก็รู้แล้ว
เสียใจด้วยนะ นี่ไม่ใช่ทีสุดท้าย มันแค่เริ่มต้น
ฟาดทีที่สอง ซูซีมู่ฟาดไปตรงไหล่ของเขา ทำให้เต็มเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานดังสนั่น มือที่ถือกระบองเหล็กปล่อยทิ้งลงพื้น
ซูซีมู่ถีบหน้าท้องเขาอย่างแรง ทำให้เขาถึงกับคุกเข่าลงทันที
ซูซีมู่เตรียมจะลงมือต่อ ดันได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก
เขาหันไปดูอย่างระวัง ก็เห็นโจวเฉิงกับตำรวจกำลังบุกเข้ามาข้า เห็นคนที่สลบอยู่บนพื้นและกระบองเหล็กที่คุกเข่า ตำรวจเห็นแบบนี้ก็ตะลึง
โจวเฉิงไม่มีสีหน้าใดๆ เขาตะโกนเรียกซูซีมู่อย่างให้เกียรติ”ประทานซูครับ”
ซูซีมู่ตอบกลับอืมไปหนึ่งคำ และกล่าวกับตำรวจว่า”สองคนนี้ยกให้พวกคุณจัดการนะครับ ยังมีโจรคนร้ายอีกคนนึงหนีออกไป
“คุณซูไม่ต้องห่วงครับ ยังไงคนร้ายก็หนีไปพ้นหรอก” หัวหน้าตำรวจพยักหน้า
ซูซีมู่เม้มปาก:”งั้นรบกวนนะครับ”
“คุณซูเกรงใจเกินไปแล้วครับ”ตำรวจส่ายหน้า
ซูซีมู่ไม่พูดไรตอบ เขาถีบชายวัยกลางคนออกไป และรีบตรงไปที่ที่โล่เฟยเอ๋อนอนอยู่
ขณะที่เขาเดินไปหาโล่เฟยเอ๋อ ความโกรธในตัวเขาไม่ลดลงเลย แต่ในความโกรธแค้นของเขาก็ได้เห็นถึงความอ่อนโยนในความรักของเขา
โจวเฉิงเดินเข้าไป กล่าวด้วยเสียงต่ำ:”ประธานซู หมอเฉิงก็ตามมาด้วย อยู่ด้านนอกครับ ”
“โอเค” ซูซีมู่ค่อยๆอุ้มโลเฟยเอ๋ออย่างระมัดระวัง และรีบเดินพุ่งไปยังด้านนอก
พอออกจากโรงงาน หมอเฉิงพาพยาบาลและหมอรออยู่ด้านนอกแล้ว
“ท่านประธานซู”
ซูซีมู่ตอบ”ครับ” เสียงเยือกเย็น:”ช่วยตรวจให้ละเอียดๆหน่อย”
“ครับ”หมอเฉิงพยักหน้า และให้คนรับโล่เฟยเอ๋อเข้าบนรถ และทำการตรวจสอบทั้งร่างกายให้โล่เฟยเอ๋อ
ซูซีมู่มองอยู่ข้างๆอย่างไม่ละสายตา ผ่านไปสิบกว่านาทีหมอเฉิงตรวจเสร็จแล้ว ให้ยาฉีดน้ำเกลือให้โล่เฟยเอ๋อ และค่อยรายงานผลให้ซูซีมู่ทราบ
“ท่านประธานซูครับ” ร่างกายของคุณโล่ไม่ได้มีปัญหาอะไร ที่เธอสลบไป เพราะถูกวางยาสลบในปริมาณเยอะเกิน ทำให้เกิดเป็นพิษ แต่ผมได้ฉีดยาให้เธอแล้วยนะครับ”
“พิษยาสลบ?”อารมณ์โกรธที่ซูซีทู่เพิ่งควบคุมไว้ได้ กลับมาปรากฏในใจอีกครั้ง
ใครๆก็รู้ว่าพิษยาชาอาการหนักสุดอาจอันตรายถึงชีวิตได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพบว่าโล่เฟยเอ๋อหายตัวไป และถ้าไม่ได้เขามาเจอรถที่พาตัวโล่เฟยเอ๋อไป… …สายตาซูซีมู่มองตรงใบหน้าโล่เฟยเอ๋อที่หลับตานอนบนเตียงผู้ป่วย มองอยู่แสนนาน ถึงมองที่อื่น
“กลับเข้าเมือง”
ระหว่างทางที่กลับเข้าเมือง โล่เฟยเอ๋อไม่ตื่นเลย
เธอตื่นตอน4ทุ่ม
ภายในห้องเงียบสงบ นอกจากแสงสลัวจากโคมไฟ ก็ไม่มีแสงอื่นเลย ม่านหน้าต่างที่ยาวเหยียดพื้นในห้องที่อยู่ห่างเตียงเมตรยังไม่ได้ดึงปิดไว้ เมื่อมองทะลุผ่านกระจกใสที่ใหญ่เท่ากำแพงก็จะเห็นแสงนีออนต่างๆ
ร่างกายที่เพิ่งผ่านการใช้ยาสลบ จะรู้สึกเจ็บลึกๆจากกระดูก โล่เฟยเอ๋อลืมตามองไปทางหน้าต่างอยู่สักพัก ถึงเริ่มถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธอรับสายของซูซีมู่ ไปรอเขาอยู่ที่เดิม
ต่อมามีผู้ชายที่ใส่เสื้อคลุมสีดำใส่ผ้าปิดปากไว้มาถามทางเธอ แล้วก็ได้ปิดปากเธอ จากนี้เธอก็หมดสติไป…..แล้วนี่ตอนนี้เธออยู่ไหน?
โล่เฟยเอ๋อลืมตาโตๆ ตัวลุกขึ้นนั่งทันที แล้วก็เห็นซูซีมู่นอนบนเก้าอี้ข้างเตียง
แสงไฟที่สลัวๆสาดแสงไปบนหน้าเขาทำให้เกิดเงา
เธอถูกคนคนนั้นเอามือปิดปากจนหมดสติไปแล้วไม่ใช่เหรอ? มาอยู่ในที่ของซูซีมู่ได้ยังไง?
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว เปิดผ้าห่มออก และลงจากเตียง
เพิ่งลุกขึ้น ตัวอ่อนไปหมด ทำให้ล้มลงกับพื้น
พร้อมมีเสียงดังป๊าง โล่เฟยเอ๋อร้องออกมาด้วยความเจ็บ ทำให้ซูซีมู่ตกใจตื่นขึ้นมา
“คุณเป็นอะไรมั้ยครับ?”ซูซีมู่ลืมตา เห็นโล่เฟยเอ๋อล้มอยู่กับพื้น จึงรีบเข้าไปช่วย
โล่เฟยเอ๋อกล่าวอย่างเสียงแผ่วเบา:”ฉันไม่มีแรงค่ะ”
” พักผ่อนก่อนเดี๋ยวก็หาย ซูซีมู่โน้มตัวลงพยุงโล่เฟยเอ๋อลุกขึ้น
“ค่ะ” โล่เฟยเอ๋พยักหน้า ปล่อยให้ซูซีมู่พยุงตัวเธอกลับไปนอนพักบนเตียง
ขณะที่ซูซีมู่กำลังห่มผ้าห่มให้เธอ โล่เฟยเอ๋อเอ่ยปากถามขึ้นว่า:”ฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ฉันจำได้ว่าคนนั้นใช้มือปิดปากฉัน แล้วฉันก็หมดสติไป
ท่าทีที่ซู
ซีมู่กำลังห่มผ้าห่มก็ค้างหยุดไม่กี่วิ แล้วกล่าวว่า:”ผมเก็บพวงกุญแจตุ๊กตาที่คล้องกระเป๋าคุณได้ข้างทาง และถามคนข้างทางแถวๆนั้น มีคนเห็นว่าคุณถูกอุ้มขึ้นไปบนรถที่ไม่ได้ติดทะเบียนรถ แล้วผมก็โทรแจ้งตำรวจ ตำรวจก็ได้เจอคุณ
ซูซีมู่ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคนช่วยโล่เฟยเอ๋อ แต่กลับบอกว่าตำรวจเป็นคนช่วยเธอ เพราะถ้าบอกว่าเขาเป็นคนช่วย จะทำให้เรื่องมันเกิดความเชื่อมโยงมากเกินไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาให้โจวเฉิงพาตำรวจมา
โล่เฟยเอ๋อไม่คิดเลยว่าตอนที่เธอหมดสติไป จะเกิดเรื่องเยอะขนาดนี้ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วย สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและตกใจกลัว จนร่างกายเธอตัวสั่นไปหมด
ซูซีมู่เห็นว่าเธอตัวสั่นก็เลยยื่นแขนไปกอดเธอไว้ ปลอบใจเธอเบาๆ:”ไม่เป็นไรแล้วครับ”
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกมีคนที่พึ่งพาได้ ซบลงอ้อมแขนเขาและร้องไห้โฮระบายทุกข์ออกมา
ซูซีมู่ไม่พูดปลอบอีก เขาหดแขนมากอดเธอไว้แน่นขึ้น
เธอร้องไห้ในอ้อนแขนเขา เขากอดเธอไว้ เขาอยู่เคียงข้างเธอ
พอเธอร้องไห้จนเหนื่อย เขาหยิบทิชชูมาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าเธอเบาๆ
ความโยนของเขา ความเป็นห่วงของเขา ทำให้โล่เฟยเอ๋อหน้าแดง
“ฉันเช็ดเองค่ะ”
ซูซีมู่ตอบ”ครับ” และหยิบทิชชูยื่นให้เธอ
พอน้ำตาแห้งแล้ว อารมณ์ของเธอก็เริ่มสงบได้
“ซูซีมู่ ขอบคุณมากนะ” ถึงซูซีมู่จะบอกว่าตำรวจเป็นคนช่วยเธอ แต่เธอรู้ว่าถ้าไม่มีซูซีมู่ ตำรวจก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้
ซูซีมู่กล่าวเสียงค่อยๆ:”ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่คุณหรือยัง ทานอะไรหน่อยมั้ย?”
“ไม่หิวค่ะ” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า
ซูซีมู่”ครับ” และกล่าวต่อ”งั้นคุณพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าตำรวจจะมาขอข้อมูลเพื่อเขียนบันทึก”
“ค่ะ” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า และนอนราบบนเตียง
ซูซีมู่ช่วยเธอห่มผ้าห่มและเดินออกจากห้อง