จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 103
“พี่ลืมคำพูดที่ปู่เคยพูดไปแล้วใช่ไหม? คุณปู่บอกไม่ให้ออกไปก่อเรื่อง ช่วงนี้พี่ก็อยู่แต่ในบ้านเถอะ เมื่อกี้คุณปู่โกรธมากจริงๆ!” หม่าหรงหรงมองเห็นลูกพี่ลูกน้อง(ฝั่งพ่อ)ที่น่ากลัวขนาดนั้น รีบเตือนสติ
หม่าซวี่ซงมองไปที่หม่าหรงหรงและพูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าเธอกล้าพูดอีก พี่จะตีเธอ!”
หม่าหรงหรงตกใจจนเกือบร้องไห้ออกมาในทันที เห็นท่าทางหม่าหรงหรงเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้น หม่าซวี่ซงก็ใจอ่อน ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ขอโทษนะ หรงหรงพี่แค่โมโหมากไปหน่อย”
หม่าหรงหรงพิงไปที่อ้อมอกของหม่าซวี่ซงทันที แล้วร้องไห้ฮือๆๆออกมา
อันที่จริงหม่าซวี่ซงกับหม่าหรงหรงความสัมพันธ์ดีมาก หม่าซวี่ซงปกป้องน้องสาวดั่งเจ้าหญิงมาตลอด
“พี่ชาย เมื่อกี้ท่าทางของคุณปู่ไม่เหมือนพูดล้อเล่นสักนิด หรือไม่ก็ไปช้าหน่อยเถอะ!” หม่าหรงหรงเตือนสติอย่างหวังดีไปหนึ่งประโยค
หม่าซวี่ซงกัดฟันและพูดอย่างโมโห “เขากระตุกหางเสือของพี่แล้ว ความโกรธนี้พี่ไม่สามารถกลืนมันลงไปได้ ถ้าหากเวลานี้ไม่แก้แค้น วันหน้าพี่ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในหนานหลิงได้อีกต่อไป ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ เธอเข้าใจพี่ชายเธอนะ ”
“รายละเอียดของสองคนนี้พี่รู้หมดแล้ว เป็นแค่คนมาจากเมืองจินโจว เป็นทหารที่ปลดประจำการมาแล้วห้าปี สั่งสอนคนแบบนี้ เธอยังไม่เชื่อใจพี่อีกเหรอ?”
หม่าหรงหรงยืนขึ้นและถามว่า “พวกเขาเป็นแค่ทหารสองคนที่เกษียณแล้วจริงๆเหรอ?”
“ใช่ เขาคิดว่าเป็นทหารมาแค่สองปีก็จะทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการในหนานหลิง วันนี้ พี่จะสั่งสอนเขาให้รู้จักกาลเทศะบ้าง บอกพวกเขาให้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่เล็กๆเหมือนจินโจว แต่ที่นี่คือหนานหลิง” สิ่งที่หม่าซวี่ซงโกรธปัญหาไม่ใช่เพราะชื่อเสียง แต่เป็นเพราะฟางเหยียนนัดผู้หญิงที่เขารักที่สุดไป หลินถง เขาสามารถอดทนได้ทุกอย่าง แต่เขารับไม่ได้ที่มีใครไปวุ่นวายกับหลินถง
ความรักที่เขามีต่อหลินถง ไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้ การกระทำเท่านั้นคือวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงออก
หลังจากออกจากบ้านตระกูลหม่า หม่าซวี่ซงส่งออกไปสองข้อความ
“แมวป่า คืนนี้รวบรวมพี่น้องทั้งหมด แล้วมาหาผมที่สำนักงานใหญ่”
“เสือดาวดำ คืนนี้รวบรวมพี่น้องทั้งหมด แล้วมาหาผมที่สำนักงานใหญ่”
หลังจากส่งข้อความทั้งสองแล้ว เขาก็เดินออกไปด้วยความโกรธ เขาต้องการพาคนหนึ่งหมื่นคน ไปสยบความห้าวหาญของไอ้สองคนนั้น
พวกนายเก่งมากไม่ใช่หรอ?
ถ้าแน่จริงก็มาสู้กับพี่น้องหนึ่งหมื่นคนของผมดูแล้วกัน! คนเยอะก็คือพลัง และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจ พวกเขาก็อย่าคิดจะอาละวาด
เลือดของหม่าซวี่ซง เดือดพล่านขึ้นมาหมดแล้ว!
ตกกลางคืน ฟางเหยียนกลับไปที่รีสอร์ทหยูฉวน เอาก้อนหินหมื่นปีสองก้อนมอบให้กับศาสตราจารย์โจวเพื่อทำการวิจัย นอกจากนี้เขายังบรรลุข้อตกลงแบบนี้ คิดๆแล้วก็น่าขำ แต่ว่าขอเพียงสามารถรู้ความเป็นมาและมูลค่าของหินสองก้อนนั้นอย่างชัดเจน ไม่แน่อาจจะเหมือนกับที่อาจารย์พูดไว้ ตัวเองอาจต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนในชีวิตอีกครั้ง
สำหรับจุดเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ใครหล่ะจะไม่สนใจ? แม้ว่าฟางเหยียนจะมองข้ามความเป็นและความตาย แต่หากตัวเองยังมีจุดเปลี่ยนของชีวิต ก็คงจะทำให้ตัวเองมีความสนใจไม่มากก็น้อย
ฟางเหยียนนั่งอยู่บนระเบียงสักพัก ตอนนี้พละกำลังของเขาสามารถฟื้นฟูได้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และเขาไม่สามารถทะลุได้อีกแล้ว ถึงแม้จะมีพละกำลังแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตรอดในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองนี้ แต่ก็สามารถเอาชนะปรมาจารย์อย่างสิงโตที่บ้าคลั่งได้ แต่ในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับคนของอสูรเพลิง แน่นอนพละกำลังของเขาแค่นี้ก็ไม่สามารถรับมือได้
พอนึกถึงอสูรเพลิง ในใจของฟางเหยียนก็เหมือนมีหนามทิ่ม! นั่นคือชีวิตของพี่น้องหลายพันคน ภายใต้ของเขายังมีพี่น้องเทียนหม่า เทียนหม่าในเจ็ดเทียน เป็นส่วนที่ฟางเหยียนให้ความสำคัญ ต่อสู้ในสนามรบกับเขาโดยพึ่งพาอาศัยกันด้วยชีวิต ตอนที่พวกเขาทั้งเจ็ดคนกำลังฝึกฝน เขาแอบสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ให้ทุกคนเกิดเรื่อง ใครจะรู้ว่าเทียนหม่าและพี่น้องคนอื่นๆจะถูกพังพินาศลงอย่างนี้
นั่นคือชีวิตของพี่น้องนับพัน! พอคิดถึงตรงนี้ฟางเหยียนก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
สิ่งที่เศร้าที่สุดคือ เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของคน ยิ่งไม่รู้ว่านี่คือองค์กรแบบไหนกันแน่?
เป็นองค์กรก่อการร้ายของต่างประเทศ? วางแผนจะกลืนประเทศหวา หรือว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรก่อการร้ายปฏิกิริยาภายในประเทศ?
ครั้งที่แล้วอยู่ชายแดนภาคเหนือ อสูรเพลิงปรากฏตัวขึ้น ตอนฟางเหยียนมาถึง ก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว ดังนั้นการเดินทางครั้งนั้นจึงเป็นเพียงแค่ลมๆแห้งๆที่ไร้ประโยชน์ เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเพลิง พอเผชิญกับอสูรเพลิงเขาถึงตระหนักรู้ว่าตัวเขายังมีช่องว่างที่ต้องพัฒนาฝึกฝนอีกเยอะ
ในช่วงเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของฟางเหยียนดังขึ้น เหลือบมองเบอร์โทรศัพท์เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ลังเลครู่หนึ่งเขาถึงหยิบมารับสาย
“พลตรี ไอ้แก่หงำเหงือกอย่างผมไม่มีเจตนาจะรบกวนเวลาพักผ่อนของท่านจอมพล ได้ยินว่าท่านจอมพลมาหนานหลิงแล้ว เดิมทีคิดว่าวันนี้จะไปเยี่ยมเยียน แต่ว่าพลโทเทียนขุยบอกว่าท่านมีธุระจะออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่าท่านจอมพลสะดวกมาบ้านกระท่อมซอมซ่อของไอ้แก่หงำเหงือกของผมได้ไหม สำหรับเรื่องครั้งที่แล้ว งานเลี้ยงที่ตาแก่ตั้งใจจัดขึ้น อยากจะขอบคุณท่านจอมพลด้วยตัวเอง”
เขาเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆของภาคตะวันออกเฉียงใต้ หวงหยวนฉาว
ไอ้แก่ที่ขี้เกรงใจคนนี้ ฟางเหยียนถึงแม้ไม่เต็มใจที่จะคลุกคลีกับเขา แต่ในเมื่อคนเขาพูดถึงขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ดังนั้นจึงตอบไปว่า “สะดวกครับ ท่านหวง ขอเรียนถามว่าท่านหวงอยู่ที่ไหนครับ?”
“โอ้ ไม่ ไม่ ไม่ ฟางเหยียนแจ้งที่อยู่ให้ผม เดี๋ยวผมจะให้หลานสาวหานเยว่ไปรับท่านมาที่บ้านผมเอง มาถึงหนานหลิงแล้ว ถ้าหากท่านจอมพลไม่รังเกียจก็ขอเรียนเชิญมาที่บ้านผมสักครั้ง” หวงหยวนฉาวพูดอย่างเกรงอกเกรงใจเป็นอย่างมาก
ฟางเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ได้ งั้นก็มาเถอะ! ผมอยู่ที่รีสอร์ทหยูฉวน!”
พูดจบฟางเหยียนก็วางสาย แล้วส่ายศีรษะอย่างลำบากใจ หวงหยวนฉาวคนนี้เป็นไอ้แก่ที่เจ้าเล่ห์จริงๆ
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขาก็เดินออกจากรีสอร์ทหยูฉวน
ทันทีที่เขาเปิดประตู ก็เห็นเทียนขุยที่กำลังเดินเข้ามา เทียนขุยเห็นฟางเหยียนกำลังจะออกไป ก็รีบพูดว่า “จอมพลโผ้จวิน หม่าซวี่ซงพาคนมาที่นี่แล้ว”
“โอ้?” ฟางเหยียนยิ้มเล็กน้อยแล้วถามว่า “สถานการณ์เป็นอย่างไร?”
เทียนขุย พูดว่า “เรื่องที่เขาถูกผมโยนลงไปในโรงน้ำชาก่อนหน้านี้ ถูกคนถ่ายเป็นวิดีโอและโพสต์บนอินเทอร์เน็ต วิดีโอนี้กลายเป็นที่นิยมและมีหลายคนดูถูกด่าว่าเขา บางทีเขาอาจรู้สึกว่าขายหน้ามากจนทนไม่ได้ ดังนั้นจึงพาผู้คนมาหาท่าน”
ฟางเหยียนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เกรงว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้น เขาแค่ทำให้ตัวเองสมหวังในภารกิจ จากที่มุมมองของเขา หลินถงเป็นของเขา ดังนั้นใครก็ตามที่นัดหลินถงจะต้องชดใช้”
เทียนขุยขมวดคิ้วและถามว่า “ความหมายของพลตรีก็คือ หลินถงคนนี้ตั้งใจทำแบบนั้นหรือ?”
ฟางเหยียนพูดอย่างสบายๆ “ผมไม่ได้พูดแบบนั้น แต่คุณก็สามารถคิดแบบนั้นได้”
“งั้น จะทำยังไงดี?” เทียนขุยพยักหน้าอย่างแรงแล้วถาม
ฟางเหยียนถามว่า “มีคนเท่าไหร่?”
เทียนขุยไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หมื่นคนขึ้นไป!”
นี่มันเกินความคาดหมายของฟางเหยียน คิดไม่ถึงว่าไอ้หม่าซวี่ซงจะสามารถรวบรวมคนได้เป็นหมื่น ดูท่าหม่าซวี่ซงจะหาที่ตายจริงๆ
เมื่อเห็นว่าฟางเหยียนไม่พูด เทียนขุยจึงถามว่า “ก็แค่เป็นพวกอันธพาลเอง จอมพลโผ้จวิน ต้องฆ่าไหม?”
ดวงตาของเทียนขุยทันใดนั้นสว่างขึ้นมาทันที นั่นเป็นแสงที่ปรารถที่อยากจะต่อสู้ อยู่กับฟางเหยียน การเข่นฆ่าเป็นเรื่องที่เพลิดเพลินที่สุด
เพียงแค่เห็นฟางเหยียนเข่นฆ่า นั่นก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
บุกเข้าไปท่ามกลางคนหมื่นคน ทั้งร่างก็ไม่มีเลือดแปดเปื้อนแม้แต่หยดเดียว!
นี่เป็นวิธีการฆ่าคนที่พิเศษของฟางเหยียน เหมือนกับความเย็นที่สามารถฆ่าคนได้