จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 116
ทุกคนต่างร้องเรียกชื่อของเห้อเล่ยก้องกังวาน อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นผืนแผ่นดินประเทศหวา การโห่ ร้องกึกก้องให้กับชาวต่างชาติเป็นการให้เกียรติ รอจนคนของประเทศตัวเองออกมาถึงได้เรียกว่า เดือดระอุ
เห้อเล่ยเดินเข้าสนามด้วยการตอบรับโห่ร้องกึกก้องของผู้คน พร้อมกับคำนับให้กับผู้คน
เห้อเล่ยเองก็ดูกำยำ แต่ว่ายังดูไม่กำยำเท่ากับDougs ยังสูงใหญ่ไม่เท่า แต่ว่าเมื่อดูจากสีหน้าแล้ว ก็น่าจะได้รับการฝึกอย่างเข้มงวดมาเหมือนกัน
คนฝึกมวยธรรมดาส่วนใหญ่ฝึกร่างกาย ส่วนคนที่ฆ่าคนมานานอย่างฟางเหยียน ฝึกลมปราณ!ดัง นั้นจึงดูจากภายนอกไม่ออกว่าเขาโหดเหี้ยมแค่ไหน รอจนเขาลงมือ คนอื่นถึงได้รู้ถึงความเหี้ยม เกรียมของเขา
หลังจากที่เห้อเล่ยขึ้นเวทีทำความเคารพDougsแล้ว ทั้งสองคนจึงเริ่มจ้องกันและกัน
แม้ว่าปากจะไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ นี่เป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น การปะทะกันระหว่างประเทศหวากับยุโรป ก็แค่ต้องการกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชมก็เท่านั้น
ในตอนที่ทุกคนคิดว่านี่เป็นเพียงการประลองก็เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
เห้อเล่ยสู้กันไปรบกันมากับDougs แม้ว่าต่างฝ่ายต่างโจมตีซึ่งกันและกันได้ และก็ปะทะกันอย่างว่องไว ขอแค่เป็นคนที่รู้กำลังภายใน ก็จะรู้ได้เองว่านี่เป็นเพียงแค่การแสดง
หลินถงที่ยืนด้านข้างใช้มือหนึ่งค้ำหัวเอาไว้ สีหน้าค่อนข้างเซ็ง เธอจ้องฟางเหยียนเขม็ง พูดขึ้น“คุณฟาง เราเปลี่ยนสถานที่ไปดื่มกันสักสองแก้ว เป็นไง”
ฟางเหยียนหันไปทางหลินถง ส่ายหน้าพูด“ไม่ต้อง!”
เขาปฏิเสธหลินถงอย่างตรงไปตรงมา และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปฏิเสธหลินถง หลินถงเองก็เคยชินแล้ว เห็นฟางเหยียนไม่อยากไป เธอเองก็ไม่ไป
ในเวลานี้เอง มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งจู่ๆก็กระโดดขึ้นเวที
Dougsโดนลูกถีบของเห้อเล่ยเข้าไปทีหนึ่ง จึงรีบถอยร่น จนกระทั่งถอยไปชนชายฉกรรจ์ ชายฉกรรจ์มีความสูงราวสองเมตร กล้ามเนื้อเต็มตัว ดูแล้วกล้ามเนื้อน่าจะมากกว่าDougsสักรอบหนึ่ง
Dougsขมุ่นคิ้วมองชายฉกรรจ์ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงขึ้นเวที และกำลังเตรียมจะพูด
ชายฉกรรจ์จ้องDougsเขม็ง ตะคอก“แกไอ้สวะ ไสหัวไป!”
พูดจบแล้ว ก็ปล่อยหมัดใส่หน้า Dougsเต็มๆ เพียงหมัดเดียว ก็ทำDougsเลือดกำเดาไหล จากนั้นก็
กำไว้เหมือนกำลูกไก่ แล้วโยนDougsลงไปจากเวที
ทั้งสนามเห็นฉากนี้ จึงโกลาหลขึ้น ทุกคนต่างไม่รู้ว่ากำลังแสดงอะไรกัน ประธานเถามองไปทางกรรมการฝ่ายยุโรปแล้วถามขึ้น“นี่หมายความว่าอย่างไร พวกเราไม่มีรายการนี้นี่!”
กรรมการผิวขาวคนหนึ่งฝ่ายยุโรปคนหนึ่งยิ้มขึ้น พูดภาษาหวาอย่างตะกุกตะกัก“ไหนว่าฉากนี้เป็นการปะทะกันระหว่างฝ่ายยุโรปกับประเทศหวาไง พวกเราก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่เตรียมขึ้นไป เตรียมขึ้นไปเลย”
“แต่ว่า ตอนที่ตกลงไว้ก่อนหน้าไม่ได้เป็นแบบนี้!” ประธานเถารีบพูดกับเขา
แต่ว่ากรรมการยุโรปกลับพูดว่า“ตกลงไว้ แล้วทำไมต้องทำตามที่ตกลงไว้ เราจะแทรกกิจกรรมระหว่างทางไม่ได้หรือไง เปลี่ยนแปลงหน่อยไม่ได้เหรอ ตอนนี้เป็นการปะทะกันระหว่างประเทศหวากับยุโรป มีอะไร ประธานเถา หรือว่าทางประเทศหวาจะยอมแพ้ ถ้าจะยอมแพ้ก็ได้นะ งั้นเราเลิกสู้กัน”
“แก…”ประธานเถาโกรธจนตัวสั่น ดูท่าทางพวกยุโรปน่าจะเตรียมการกันไว้ดีแล้ว
กรรมการฝ่ายยุโรปพูดขึ้น“นี่เป็นการประลองฝีมือ ในเมื่อเป็นการประลอง เราก็ควรงัดฝีมือออกมาสู้กันจริงๆ ก็ดี ให้เราดูเสียหน่อยว่าฝีมือประเทศหวาจะเก่งกาจอย่างที่พูดหรือเปล่า”
งานประลองฝีมือก่อนหน้า ประเทศหวาเอาแต่บอกว่าแผ่นดินตัวเองกว้างใหญ่ทรัพยากรเยอะ บุคคลคุณภาพล้นหลาม บอกว่าประเทศสืบทอดมาเป็นพันๆปีอะไรอย่างนี้ ทางยุโรปก็เลยหารือกันใช้แผนการนี้ ไม่ได้เพื่ออะไร แค่อยากจะตบหน้าประเทศหวาอย่างจังก็เท่านั้น ในพื้นที่ประเทศหวา แล้วตบหน้าคนประเทศหวาอย่างแรง แบบนี้ถึงจะสะใจ
กรรมการยุโรปสองสามคนมองหน้ากัน แล้วก็ยิ้มออกมาให้กันโดยไม่ได้นัดหมาย
หวงหยวนฉาวเห็นได้ชัดว่ามีปัญหา ถามว่า“ประธานเถา เกิดอะไรขึ้น”
เถาไห่หลงโกรธจนกัดฟันกรอด ตบโต๊ะแล้วพูด“เพราะพวกบัดซบจากสมาคมการต่อสู้ยุโรปนั่นแหละ พวกเขาอยากจะกดและฉีกหน้าเราต่อหน้าคนจำนวนมาก”
“เสียดาย เสียดายที่ยอดฝีมือจริงๆของประเทศหวาต่างเก็บตัวปลีวิเวกไปหมดแล้ว ไม่มีใครมาดูการแข่งขันพวกนี้หรอก ”เถาไห่หลงพูดพลาง ตบขาอย่างอ่อนใจพลาง พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนใจ
“เห้อเล่ยบนเวทีใช้ไม่ได้เหรอ เขาเป็นแชมป์เปี้ยนของประเทศหวาเลยนะ!”หวงหยวนฉาวพูด
เถาไห่หลงโบกมือพูด“แชมป์เปี้ยนศิลปะการต่อสู้ระดับประเทศ แล้วทำอะไรได้ สำหรับกำลังที่อยู่ตรงหน้า ถ้าคนที่เล่นพลังลมปราณไม่เป็น มีแต่เปลือก ก็เท่ากับสูญเปล่า เห้อเล่ยแค่ชอบคนที่ร่างกายกำยำแข็งแรง ปกติก็ฝึกแต่ศิลปะการต่อสู้ของเมืองนอก พอพูดถึงศิลปะการต่อสู้ของประเทศหวา เขาไม่เป็นเลย”
ในตอนที่ทั้งสองคนคุยกัน จู่ๆนักต่อสู้ร่างกายกำยำชาวยุโรปก็แย่งไมโครโฟนไปอธิบาย เขาพูดใส่ไมโครโฟนว่า“ผมเป็นนักต่อสู้จากยุโรป และก็เป็นทหารปลดเกษียณ ได้ยินคำเลื่องลือมาว่าประเทศหวามีบุคคลคุณภาพล้นหลาม และก็ได้มีการสืบทอดวัฒนธรรมมาเป็นพันๆปี วันนี้ผมอยากจะเห็นกับตาสักหน่อยว่าจะเก่งกาจสมชื่อหรือไม่”
พอพูดจบ จึงมองไปทางเห้อเล่ย ถามขึ้น“คุณคือแชมป์เปี้ยนทั่วประเทศใช่ไหม ก็เป็นคนที่เก่งที่สุดในประเทศหวาล่ะสิ ใช่หรือเปล่า”
เห้อเล่ยไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองนักต่อสู้ชาวยุโรปอย่างเงียบๆ ทุกคนต่างก็อารมณ์ตื่นเต้นด้วยฉากๆนี้ ต่างตะโกนก้องขายชื่อเห้อเล่ย ใช่แล้ว เขาเป็นแชมป์เปี้ยนระดับประเทศ และก็เป็นที่หนึ่งในใจ
มวลชน
เมื่อชายฉกรรจ์ได้ยินคนตะโกนเรียกชื่อเห้อเล่ยก้อง เขาจึงวางไมโครโฟนลงกับพื้น แล้วชกอกอย่างแรง คำราม“come!Come!”
เขาชกอกพลาง เดินไปทางเห้อเล่ย
ทั้งคู่จ้องตากัน การประลองที่แท้จริง กำลังจะเริ่มขึ้น!
ผู้คนด้านล่างเวทีต่างพูดคุยกันเสียงขรม“เจ้านี่เห็นได้ชัดว่ากำลังดูถูกศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาของเรานี่นา”
“นั่นสิ เห้อเล่ยเป็นแชมป์เปี้ยนของเรา จะต้องจัดการเจ้าฝรั่งคนนี้ได้อย่างราบคาบ”
“เห้อเล่ยสู้ๆ จะต้องจัดการฝรั่งนี่ให้อยู่หมัดนะ สั่งสอนมัดหนักๆเลย ให้มันรู้ซะบ้างว่าศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาเป็นยังไง”
การกระตุ้นของทุกคนปลุกเร้านักต่อสู้ยุโรป บรรยากาศระอุไม่ลดถอยเลย
เห้อเล่ยกุมกำปั้น เดินก้าวขึ้นหน้า สงครามก่อขึ้นอีกแล้ว เลือดของทุกคนร้อนระอุขึ้นมา เขากระโดดขึ้นสองทีตรงที่ๆยืนอยู่ มองดูชั่วขณะ แล้วพุ่งรบไปทางนักรบร่างกำยำ
เห็นแต่นักรบร่างกำยำไม่ไหวติง ยกมือขึ้นจับมือที่พุ่งโจมตีมาของเห้อเล่ย แต่ก็โดนดีดกลับ
“แกทำอะไร”เห้อเล่ยยังคงดีดดิ้น พลางถาม
แต่ว่าชายฉกรรจ์ยังคงจ้องมองเห้อเล่ยอย่างดูแคลน เขาค่อยๆเผยรอยยิ้มที่มุมปาก ถามขึ้น“นี่เหรอศิลปะการต่อสู้ประเทศหวา นี่น่ะเหรอที่พวกคนประเทศหวาพูดมาโดยตลอดว่าเป็นแชมป์เปี้ยนศิลปะการต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุด แกมีน้ำยาแค่นี้เองเหรอ”