จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 117
เห้อเล่ยขมวดคิ้ว เขาฟังความหมายในคำพูดออก
“สวะ!แค่นี้ยังต้องดีดดิ้น หรือว่ากำลังประเทศหวามีแค่นี้ ”เขาตะโกน จู่ๆก็ใช้สองมือจับกางเกงเห้อเล่ยขึ้น จับไว้แน่น แล้วชูเห้อเล่ยขึ้นเหนือหัว
แค่ความเคลื่อนไหวเดียว คนทั้งห้องกลั้นหายใจ นักรบกำยำชาวยุโรปเดินวนไปมาบนเวที คำรามก้อง“ศิลปะการต่อสู้ประเทศหวา นี่หรือศิลปะการต่อสู้ประเทศหวา นี่หรือแชมป์เปี้ยนของพวกท่าน”
พอตะโกนจบ เขาก็ทุ่มเห้อเล่ยที่ยกไว้เหนือหัวลงสุดตัว ได้ยินแต่เสียงโครม เห้อเล่ยขดตัวเข้าหากัน
แต่เห้อเล่ยเข้มแข็งมาก ลุกขึ้นยืนโดยทันที แต่นักรบร่างกรรจ์ก็บี้ขึ้นหน้าตามไปติดๆ กำหมัดแน่น แล้วปล่อยไปทางเห้อเล่ย เห้อเล่ยยกมือขึ้นบัง แต่ก็บังไม่มิด หนึ่งหมัด รัวๆออกไปพร้อมกัน ชกลงบนใบหน้าเห้อเล่ยเต็มๆ
หมัดที่หนักอึ้ง ทำให้เห้อเล่ยหงายหน้า หมัดเดียว แค่หมัดเดียวจริงๆ เห้อเล่ยก็ล้มลงพื้นลุกขึ้นมาไม่ได้อีก!
เมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งสนามประลองจึงเงียบลง สนามประลองที่เดือดระอุในเบื้องต้น ตอนนี้เงียบกริบแม้แต่เสียงนกสักตัวก็ไม่มี
จบกัน แชมป์เปี้ยนศิลปะการต่อสู้ถูกทุ่มลงพื้นด้วยประการฉะนี้ ทำเอาหัวใจคนประเทศหวาแตก
สลาย
ห้าวินาทีผ่านไป สิบวินาทีผ่านไป หนึ่งนาทีผ่านไป
เห้อเล่ยไม่ได้ลุกขึ้น เมื่อครู่ยังมีเสียงพูดอธิบาย แต่ตอนนี้เงียบกริบแม้แต่เสียงนกสักตัวก็ไม่มี
ในเวลานี้ กรรมการยุโรปคนหนึ่งแย่งไมค์มาพูด“คนประเทศหวา แค่คิดว่าตัวเองมีกำลังนิดๆหน่อยๆ ก็จะขึ้นเวทีได้แล้วหรือ แน่นอน ถ้าไม่กลัวขายหน้า ขึ้นมาทีสิบยี่สิบคนก็ได้!”
ในตอนที่พูด เขาจงใจเหลือบมองประธานเถาที่อยู่ข้างๆฟางเหยียน
นี่เป็นการท้าทายเกียรติภูมิประเทศหวา!เป็นการตบหน้าคนประเทศหวาฉาดใหญ่
เถาไห่หลงลำบากใจมาก เขาตบโต๊ะดังป๊าบ พูดขึ้น“ถ้ามีคนตระกูลหม่าออกหน้าก็ดี ถ้านายท่านหม่าอยู่ที่นี่ คงจะไม่ปล่อยให้ชาวยุโรปเกกมะเหรกแบบนี้แน่”
เขาเองก็ได้เชิญนายท่านหม่ามาด้วย เพราะเกรงว่าจะมีเรื่องขัดจังหวะ และก็ต้องการนายท่านหม่าออกหน้า คนทั้งหนานหลิงรู้ว่านายท่านหม่าเด็ดขาดแค่ไหน และเป็นคนมีบารมี
แต่ว่าหลานชายเขาเพิ่งตาย เขาจึงปฏิเสธที่จะออกงาน
รออยู่ราวๆหนึ่งนาที บนเวทียังคงไม่มีคน ฝ่ายกรรมการชาวยุโรปมองมาทางเถาไห่หลงแล้วถามขึ้น “ประธานเถา ประเทศหวาไม่มีคนขึ้นไปแล้วใช่ไหม ประเทศหวาของพวกท่านเป็นเจ้าแห่งศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่มีใครขึ้นไปสักคน”
คำพูดนี้ไม่เพียงแต่เถาไห่หลงเท่านั้นที่ได้ยิน ทุกคนทั่วห้องได้ยินกันหมด
นำมาสู่การถกเถียงเป็นประเด็น
“ก็บอกแล้วไง ประเทศหวาของเราน่ะฝีมือตกแล้ว พออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือจริงๆ ก็สู้ไม่ได้แบบนี้!เห้อเล่ยก็แค่คนโม้ออกมาก็เท่านั้นแหละ”
“นั่นสิ ศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาอะไรนั่น ทำไมฉันไม่เห็นเคยรู้เรื่องมาก่อน หมัดตั๊กแตนตำข้าวอะไรนั่น กระบวนท่านิ้วชี้ฉายแสงอะไรนั่น ก็แค่ตำราที่คนโบราณเขียนออกมาก็เท่านั้นแหละ”
“เฮ้อ!โดนตบหน้าบนเวทีตัวเอง คงกระอักกระอ่วนเนอะ ฉันดูต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ ขายหน้าจริงๆ”
แน่นอน ว่ามีกลุ่มรักชาติบางส่วนออกมาประท้วง พอเห็นคนประเทศตัวเองโดนชาวยุโรปรังแก ก็อยากจะรีบขึ้นไปจัดการเสีย แต่พอนึกถามเห้อเล่ยนอนนิ่งอยู่บนพื้น ตัวเองจะขึ้นไปให้ได้อะไร
เถาไห่หลงต้องคอยฟังคำพูดที่ไม่เข้าหูพวกนั้น เขากำหมัดแน่น ค่อยๆลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง“ผมไปเอง!ผมจะไปสั่งสอนไอ้บ้านั่น ให้พวกยุโรปรู้ฤทธิ์ศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาซะบ้าง”
ขอแค่คนที่มีใจรักชาติ พอเห็นฉากนี้ก็อดรนทนไม่ได้ เถาไห่หลงเป็นคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้
เขาเป็นตัวแทนเกียรติยศของประเทศ
เถาไห่หลงอายุขนาดนี้ ยังเลือดร้อนได้ขนาดนี้ เป็นเพราะรักชาติล้วนๆ เขาทนให้คนๆหนึ่งมาดูถูก มาตุภูมิอยู่ตรงหน้าไม่ได้
กลุ่มคนของประธานรีบพูดขึ้น “ไม่นะ ท่านประธาน ท่านไปไม่ได้ ถ้าท่านขึ้นไปแล้วแพ้ ต่อไปประเทศหวาของพวกเราจะมองหน้าใครไม่ติดเลย ตำแหน่งท่านสูงส่งนัก ต้องคิดถึงภาพรวมให้มากๆ”
“นั่นสิ ท่านประธาน อดทนหน่อย ถอยก้าวหนึ่ง!”
“อดทนเหรอ ถอยเหรอ คนเขาขี่ขึ้นมาขี้รดบ่าแล้ว จะให้ถอยยังไง ที่นี่เป็นสถานที่ของพวกเรา ที่นี่เป็นประเทศหวา ให้ผมอดทน อดทนยังไง ถอยยังไง วันนี้ต่อให้ตายบนเวที ผมก็ต้องขึ้นไป”เถาไห่หลงประกาศศักดา เส้นเอ็นปูดโปน คนทั้งคนอยู่ในอาการเดือดดาล
หวงหยวนฉาวรีบขึ้นหน้าขวาง“ไม่รีบ ประธานเถา”
ประธานเถากัดฟันพูด“ท่านหวง ผมจะไม่รีบร้อนได้ไง นี่เป็นหน้าตาประเทศหวาของเรา ในฐานะประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้ ผมไม่ขึ้นไม่ได้”
หวงหยวนฉาวถาม“งั้นขอเรียนถามประธานเถา ท่านคิดว่าจะมีโอกาสชนะแค่ไหน”
เถาไห่หลงประเมินดูชายฉกรรจ์ แล้วมองดูตนเอง อายุมากไม่ว่า ตัวยังเล็กผอม ดูไม่จืดเลย เขากัดฟันกรอด สุดท้ายส่ายหน้าอย่างอ่อนใจพูดว่า“ไม่ได้คิดถึงโอกาสชนะเลย แต่ผมก็ต้องไป ถ้าที่นี่เป็นสนามรบ ผมก็คือผู้เสียสละ ผมนิ่งดูดายไม่ได้ ผมจะมองนิ่งให้คนมาดูถูกคนประเทศหวาไม่ได้!”
หวงหยวนฉาวพูด“ในเมื่อไม่ได้คำนวณโอกาสชนะ สู้ส่งคนที่มีโอกาสชนะขึ้นไปไม่ได้”
เถาไห่หลงกวาดตามองไปรอบๆสนาม ถามขึ้น“ที่นี่ ยังจะมีใครที่มีโอกาสชนะอีกหรือ!”
หวงหยวนฉาวมองไปทางฟางเหยียน โบกมือพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“มี คุณฟาง ขอให้คุณฟางยื่นมือช่วยด้วย!”
เถาไห่หลงมองไปทางวัยรุ่นที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ขมวดคิ้วถาม“ท่านหวง ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปใช่มั้ย สหายท่านนี้ เขาป่วยอยู่นะไม่ใช่หรือ นี่ไม่ใช่การล้อเล่นนะ ผมจะล้อเล่นกับชีวิตคนอื่นไม่ได้”
หวงหยวนฉาวไม่ได้ตอบอะไร กลับพูดด้วยสีหน้าจริงใจ“คุณฟาง ขอให้คุณฟางยื่นมือช่วยเหลือหน่อย!”
ฟางเหยียนมองหวงหยวนฉาวเรียบเฉย ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาเขา เถาไห่หลงเป็นต้นแบบของความ รักชาติ เป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัย
ในฐานะที่เป็นนักรบ ฟางเหยียนเรียกได้ว่ามองทะลุทุกอย่าง ฆ่าศัตรูบนสนามรบ ก็เพียงเพื่อปกป้องเกียรติยศแห่งมาตุภูมิ ตอนนี้ที่นี่ เถาไห่หลงก็แค่เปลี่ยนวิธีในการรักษาเกียรติยศของประเทศชาติก็
เท่านั้น
เขายังพูดไม่ทันจบ เทียนขุยที่อยู่ด้านหลังก็พูดขึ้น“ชาวต่างชาติอารยธรรมเถื่อนช่างทำตัวบังอาจในประเทศหวาของเรา จะต้องสั่งสอน!”
“จอมพล เทียนขุยขอออกศึก!”เทียนขุยลุกขึ้นยืนอย่างแน่วแน่ จ้องมองฟางเหยียนสีหน้าจริงจัง
หวงหานเยว่ที่นั่งอยู่ข้างๆพวกเขามองออกว่าเทียนขุยต้องการการอนุมัติจากฟางเหยียน จึงรีบพูด“พี่ พี่ฟาง ให้พลโทเทียนขุยขึ้นไปเถอะ!ชาวยุโรปคนนั้นเกินไปแล้ว”
หลินถงมองฟางเหยียนอย่างไม่เข้าใจ ถาม“คุณฟาง รู้ศิลปะการต่อสู้ด้วยเหรอ”
ฟางเหยียนยิ้มเรียบ ไม่ได้ตอบหลินถง เขาแค่มองไปทางเทียนขุย พูด“ที่จริงฐานะอย่างพวกเราไม่ควรจะมาปรากฏตัวในที่แห่งนี้ ในเมื่ออยากไป ก็ไปเถอะ!ไม่ต้องให้เห็นหน้า ให้เวลาสามสิบวินาที