จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 120
นี่สำหรับคนประเทศหวาทุกคน นับเป็นช่วงเวลาที่ปลดปล่อยอารมณ์เช่นกัน พวกชาวยุโรปคิดจะมาตบหน้าพวกเราถึงบนแผ่นดินประเทศหวา จะบดขยี้พวกเราให้จมดิน
แต่ว่าครั้งนี้ พวกมันโดนเราตบหน้าหันอย่างจัง!ในฐานะประชากรประเทศหวา ต้องรู้สึกดีใจและตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นถึงจะถูก
จึงหยิบไมโครโฟนพูดเสียงอู้อึ้ว่า“นี่เป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นสุดๆ นักรบของประเทศหวาของเราเอาชนะชายฉกรรจ์ยุโรปได้ ผู้ชนะ คือประเทศหวา”
เทียนขุยมาหยุดตรงหน้าฟางเหยียน ค้อมเอวเก้าสิบองศา พูดขึ้น “ท่านจอมพล เสร็จภารกิจแล้วครับ”
“เอาล่ะ งั้นเราไปกันเถอะ”ฟางเหยียนลุกจากเก้าอี้นั่ง พูดกับหวงหยวนฉาว“ท่านหวง พวกเราไปก่อนนะ”
หวงหยวนฉาวยังไม่ทันได้สติคืน เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเทียนขุยจะลงมือได้หนักขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าต้องมีขั้นตอนสู้กันไปมาก่อน ใครจะไปรู้แค่ทุ่มลงไป ฝ่ายตรงข้ามแทบจะไม่เหลือพื้นที่ได้โต้ตอบเลยหวงหยวนฉาวเป็นคนประเทศหวา ฉากนี้ย่อมทำให้เขาตกตะลึงแน่นอน!
เทียนขุยเป็นแค่มือฉกาจของฟางเหยียน เขาลงมือทีก็กดฝ่ายตรงข้ามเสียจมฝ่ามือ ถ้าเป็นฟางเหยียนลงมือ คงจะแค่วินาทีเดียวก็ฆ่าเรียบร้อยแล้วงั้นสิ
เป็นเกียรติภูมิประเทศหวา เป็นเทพนักรบของประเทศหวา!
คิดมาถึงตรงนี้ หวงหยวนฉาวก็อดที่จะยืดเอวไม่ได้ รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนประเทศหวา!
รอจนเขาได้สติคืนกลับมา ฟางเหยียนก็ได้พาเทียนขุยจากไปแล้ว
หวงหยวนฉาวรู้ เขาไม่ใช่คนที่ชอบออกหน้าออกตามากมาย ฐานะและตำแหน่งของพวกเขาก็ไม่
เหมาะที่จะปรากฏโฉมหน้า
เทียนขุยเดินตามหลังฟางเหยียน ทั้งคู่เดินหนึ่งนำหนึ่งตามออกจากสนาม ระหว่างทางมีนักข่าวคอยจับไมค์สัมภาษณ์ แต่ว่าตลอดทาง ฟางเหยียนกับเทียนขุยไม่พูดอะไรสักคำ เทียนขุยเองก็ไม่ได้ปรากฏหน้า
เขารีบมองไปทางหวงหยวนฉาวแล้วถามขึ้น“ท่านหวง นี่นี่คือใครกัน ทำไมเก่งกาจขนาดนี้ เป็นผู้เก็บตัวของประเทศหวาเหรอ”
หวงหยวนฉาว พูด“ประธานเถาจำไว้แค่ว่า พวกเขาเป็นเกียรติภูมิของประเทศหวาก็พอ!”
เถาไห่หลงรีบพยักหน้า จากนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น“ไม่ๆๆ พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นเกียรติภูมิของประเทศหวา ยังเป็นความหวังของประเทศหวา ศิลปะการต่อสู้สุดท้ายมีความหวังแล้ว นี่ ถึงเรียกว่าศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาของพวกเรา”
พูดคำนี้จบ เถาไห่หลงก็พูดอย่างตื่นเต้น“ศิลปะการต่อสู้ของประเทศหวา นี่เป็นศิลปะการต่อสู้ของประเทศหวา!”
ในที่สุด เขาก็ได้ปลดปล่อย กรรมการยุโรปสองสามคนหุบปากทันที แต่ละคนสีหน้าไม่น่าดูยิ่งกว่าอาจม เดิมทีอยากจะตบหน้าคนประเทศหวาสักฉาด ใครจะไปรู้ว่าจะลงเอยจบลงแบบนี้
แต่ว่ากรรมการที่พูดคนเมื่อกี้ไม่สบอารมณ์พูดขึ้น“คนประเทศหวาทำแบบนี้เกินไปแล้ว พวกเราตกลงแค่ว่าต่อสู้กัน แต่พวกคุณกลับฆ่าคน พวกคุณฆ่าชาวยุโรปของเรา คุณรู้มั้ย”
เถาไห่หลงพูดอย่างทองไม่รู้ร้อน“พวกคุณรนหาที่เอง ใครให้พวกคุณยโสเยียบย่ำศิลปะการต่อสู้ของประเทศหวา ผมเคยบอกคุณแล้ว ศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาไม่เคยถดถอย แค่แสดงออกมา ก็เอาชีวิตคนได้”
กรรมการคนนั้นพูดหน้าเขียว“แต่เมื่อกี้เขาบอกยอมแพ้แล้ว ยอมแพ้แล้วยังต้องฆ่าอีก หมายความว่าอย่างไร”
เถาไห่หลงแค่นเสียง ยิ้มเย็นพูดขึ้น“พวกคุณก็เกือบจะเอาเห้อเล่ยแชมป์เปี้ยนศิลปะการต่อสู้ของเราถึงตายเหมือนกันนี่ไม่ใช่เหรอ ผมพูดอีกครั้ง หลังจากที่ประเทศหวาของเราลงมือแล้ว เอาถึงตายแน่นอน ไม่ได้โม้”
กรรมการยุโรปโกรธจนหน้าเขียวพยักหน้าพูด“พวกคุณรู้ไหมว่าคนที่ตายเป็นใคร นั่นเป็นคนของนายพลในสมรภูมิยุโรป พวกเราน่ะพูดง่าย แต่ทางนั้นไม่ง่ายด้วยแน่นอน พวกคุณคอยดูเถอะ ผู้บังคับบัญชาของเขามาเอาเรื่องพวกคุณแน่”
พอพูดจบ กรรมการยุโรปจึงจากไปอย่างหัวเสีย
เถาไห่หลงไม่ยี่หร่า นี่เป็นสงครามเกียรติยศแห่งชนชาติ แพ้ก็คือแพ้ ชนะก็คือชนะ บนผืนดินประเทศหวา ไม่มีใครกล้าโอหัง หรือบังอาจ
“ท่านหวง ผมขอรู้จักเพื่อนคุณหน่อยได้ไหม”เถาไห่หลงมองหวงหยวนฉาวแล้วถาม
หวงหยวนฉาวส่ายหน้าพูด“เกรงว่าไม่ได้ งานวันนี้พวกเขาออกหน้าไม่ได้ แต่พวกเขาก็มาออกหน้ากะทันหันแล้ว ถ้าหากคุยกับพวกคุณอีก เกรงว่าผมคงจะมองหน้าพวกเขาไม่ติด”
สีหน้าของเถาไห่หลงผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นพูด“เอาล่ะ ฟังท่านหวงแล้วกัน ผมหวังว่าท่านหวงจะจัดสรรเวลาให้ผมได้พบ”
หวงหยวนฉาวลุกขึ้นพูด“ค่อยว่ากัน!ประธานเถา”
“หานเยว่ พวกเราไปเถอะ!”หวงหยวนฉาวตะโกนให้กับหวงหานเยว่ที่กำลังตกตะลึง
หวงหานเยว่ไม่ได้ตะลึงในฝีมือของเทียนขุย แต่ตะลึงในตัวตนของฟางเหยียน เทียนขุยลงมือยังขนาดนั้น ถ้าฟางเหยียนลงมือ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร
ฟ้าถล่มโลกทลายเหรอ
แผ่นดินแตกสลายเหรอ
ไม่กล้าคิด ไม่กล้าถาม ยิ่งไม่กล้าพูด!
หลังจากที่ฟางเหยียนกับเทียนขุยเดินออกไปจากสนาม เทียนขุยพูดขึ้น“ขอโทษครับท่านจอมพล ผมออกแรงเกิน”
ฟางเหยียนโบกมือพูด“ไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่คนประเทศหวาอย่างเราสมควรทำ นายทำดีมาก”
“คุณฟาง”ในเวลานี้ ด้านหลังมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งแทรกมา
เห็นหลินถงเดินมาทางคนทั้งสอง เธอตั้งใจยิ้มให้ฟางเหยียนเล็กน้อย“ถ้าหากคุณฟางไม่รังเกียจ ให้หลินถงไปส่งนะคะ”
“ไม่รบกวนคุณนายถังครับ พวกเราขอลา”พูดพลาง ฟางเหยียนก็จากไป
แต่ว่าเดินไปเพียงสองสามก้าว หลินถงก็รีบร้องขึ้น“คุณฟาง งั้นฉันขอยืมใช้บอดี้การ์ดได้ไหมคะ”
คำพูดนี้ทำราวกับเทียนขุยเหมือนเป็นสิ่งของ ทำให้เทียนขุยไม่พอใจอย่างมาก
ฟางเหยียนก็รู้สึกว่าคำพูดแบบนี้ไม่เหมาะสม จึงพูดกับหลินถงว่า“คำพูดคุณนายถังไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก คุณเป็นคุณนายตระกูลถัง จะพูดอะไร จะทำอะไร ควรให้เกียรติตัวเอง”
พูดคำนี้จบ มีรถรับจ้างคันหนึ่งขับออกมาพอดี ทั้งสองเปิดประตูรถ แล้วก็ขึ้นรถออกรถไป
หลินถงยืนประดักประเดิดอยู่กับที่ สีหน้าดูบูดเบี้ยวขึ้นทุกที นี่เป็นผู้ชายที่กล้าตำหนิหล่อนคนแรก
เธอเหยียดมุมปากขึ้นเล็กน้อย พูดพึมพำกับตัว“เป็นผู้ชายที่พิเศษจริงๆด้วย”
——
เมืองจินโจว ตงข่ายกรุ๊ป
เย่ชิงหยู่นั่งอยู่ในห้องท่านประธาน ตรงหน้ามีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง มือทั้งคู่เท้าคาง แววตาเหม่อลอย ใจเธอไม่ได้อยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานแล้ว
หมี่ที่ฟางเหยียนทำทำไมอร่อยขนาดนี้ ไปเรียนมาจากที่ไหนกันนะ
ไม่กี่วันนี้ เย่ชิงหยู่กินบะหมี่หลายร้านมากที่เมืองจินโจว แต่ก็รู้สึกรสชาติยังไม่เข้าที่ เหมือนกับว่าพอกินหมี่ที่ฟางเหยียนทำ ก็ไม่อยากกินหมี่ที่ไหนอีกเลย
ตาบ้าฟางเหยียน ทำให้คนอื่นจู้จี้จุกจิกเรื่องกินแล้ว ยังมีหน้าบอกบริษัทส่งไปอบรบที่หนานหลิงอีก คิดๆดูทำงานในบริษัทเครือตระกูลฟาง ไม่ง่ายเลย ต้องมาอบรมอะไรมากมายอีก
แต่พวกนี้เป็นเรื่องรอง เย่ชิงหยู่ต้องปรับรสชาติการกินกลับมา จะให้บะหมี่มื้อเดียวของฟางเหยียนมาทำร้ายไม่ได้เด็ดขาด บะหมี่ที่กินที่ร้านตอนนี้ กินไม่ลงเลย ขนาดกับข้าวที่ตัวเองทำ ยังรู้สึกไม่อร่อย
“ก๊อกๆๆ!”ในตอนที่เธอกำลังเหม่อลอย เสียงประตูด้านนอกดังขึ้น
เย่ชิงหยู่พูดออกไปทางประตู“เข้ามา!”
ผู้บริหารหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา สีหน้าร้อนรนพูดขึ้น“ประธานเย่ ไม่ดีแล้วค่ะ บริษัทเราเกิดเรื่องแล้ว