จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 127
ไล่ดูความคิดเห็นแต่ละอัน เซียวห้านโมโหจนกำหมัดทุบลงบนโน้ตบุ๊คตรงหน้า เธอทุบโน้ตบุ๊คจนเสียอย่างบ้าคลั่ง ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เป็นไปได้ยังไงกัน? ทำไมถึงได้เจอเรื่องแบบนี้? เย่ชิงหยู่นั่นจบเห่แล้วแท้ๆ ทำไมถึงออกแบบภาพพวกนี้ได้ภายในระยะเวลาสั้นขนาดนั้น!”
ตระกูลฟาง หรือว่าตระกูลฟางช่วยเธองั้นหรอ?
“ไม่! ไม่หรอก ไม่มีทางที่ตระกูลฟางจะช่วยเธอ เธอมีสิทธิ์อะไรให้คนของตระกูลฟางช่วยเหลือ” เซียวห้านโกรธจนถึงขีดสุด อยากจะให้เย่ชิงหยู่หมดสิ้นทุกอย่างซะตอนนี้ให้ได้
เดิมทีเธอแค่อยากจะกระตุ้นเย่ชิงหยู่จากสงครามธุรกิจ แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอจะใช้อีกวิธีในการปลดปล่อยได้เลิศเลอกว่าเดิม
“เย่ชิงหยู่ ดูแล้วเธอนี่อยากจะหาเรื่องตายจริงๆนั่นแหละ!” เซียวห้านกำหมัดแน่นแล้วทุบลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง
เธอโมโหจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาโทรไปยังเบอร์ของจางไห่เฟิง
“ฮัลโหล จางไห่เฟิง เรื่องที่ฉันสั่งให้นายทำนายทำไปถึงไหนแล้ว?” เซียวห้านตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างโมโห
เหมือนว่าจางไห่เฟิงจะยังนอนอยู่ ถามอย่างรำคาญว่า “เธอเป็นใครกัน? มีเรื่องอะไร?”
“จางไห่เฟิง หรือว่านายลืมแล้วว่าตกลงอะไรกับฉันไว้? ฉันต้องการเห็นเย่ชิงหยู่จบสิ้นไม่เหลืออะไรเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดแสบหูนี้ จางไห่เฟิงก็เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
“เธอพูดอะไรนะ?” จางไห่เฟิงได้สติขึ้นมาในทันที
อีกด้านของโทรศัพท์มีเสียงคำรามของเซียวห้านดังมา “ฉันบอกว่าฉันต้องการเห็นเย่ชิงหยู่จบสิ้นไม่เหลืออะไร ถ้าหากนายยังไม่ลงมือ พวกเราก็จะล้มเธอได้ยากแล้ว”
จางไห่เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เธอฝันร้ายหรอ? เย่ชิงหยู่จะถูกยกเลิกสัญญากับซีหนานกรุ๊ปอยู่แล้ว ยังจะยากยังไงกัน ตอนนี้สิ่งที่เธอทำทั้งหลายล้วนอยู่ในการควบคุมของฉัน เธอตื่นตูมเกินไปแล้ว”
เซียวห้านโมโหจนถึงกับตัวสั่น แล้วด่าใส่โทรศัพท์อย่างโมโหว่า “นายเปิดดูเว็บไซต์เสื้อผ้าทั้งหลายดูเองก็จะรู้แล้ว ตอนนี้เย่ชิงหยู่พุ่งสูงไปถึงไหนแล้ว ขยะอย่างนายยังอยากได้บริษัทของบ้านพวกนาย! ไปฝันเถอะ”
พูดจบอีกฝ่ายก็วางสาย จางไห่เฟิงเปิดเว็บไซต์อย่างมึนงง หลังจากที่เห็นเสื้อผ้าแต่ละตัวที่สไตล์สวยงาม เขาถึงกับอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
เขาคิดว่าซีหนานกรุ๊ปจะยกเลิกสัญญากับเธอ ใครจะคิดว่าจะเปิดตัวเสื้อผ้าที่สวยงามแบบนี้
เย่ชิงหยู่คนนี้ก็เก่งพอตัว สามารถทำภาพออกแบบอย่างนี้ขึ้นมาได้ในเวลาเพียงสั้นๆ แล้วยังเปิดตัวออกมา ถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ต่อไปตำแหน่งของเธอในตงข่ายกรุ๊ปก็จะมั่นคงอย่างมากแล้ว
เขาต้องรีบคิดว่าวิธีนัดเย่ชิงหยู่ออกมา จะปล่อยให้เธอได้ใจต่อไปไม่ได้แล้ว แต่ว่าเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจ เย่ชิงหยู่ใช้วิธีอะไรทำผลงานที่สุดยอดออกมาเยอะขนาดนี้ในเวลาเพียงสั้นๆ
——
ช่วงนี้ฟางเหยียนกำลังรอสายจากศาสตราจารย์โจว อยู่แต่ในรีสอร์ตหยูฉวนแทบไม่ออกไปไหน ศาสตราจารย์โจวโทรมากี่ครั้งก็เอาแต่บอกว่าอีกไม่นานก็วิเคราะห์ได้แล้ว แต่ว่าการรอครั้งนี้ ก็นานหลายวันไปเลย
ในระหว่างนี้หวงหยวนฉาวเคยนัดเขา นัดแทนประธานเถาไห่หลงของสโมสรการต่อสู้ประเทศหัว แต่ว่าฟางเหยียนปฏิเสธ หลินถงเองก็เคยโทรหาเขา คุยเรื่องช่วยเหลือผู้ร่วมธุรกิจตระกูลถัง แล้วยังพุ่งขึ้นสูงถึงห้าพันล้านจากสองพันล้าน ฟางเหยียนเองก็ปฏิเสธเช่นกัน การที่เขาช่วยเหลือคนนั้นดูจากพรหมลิขิต
ขณะนี้เอง ฟางเหยียนนั่งอยู่ในบ้าน ในมือถือโทรศัพท์ เห็นตงข่ายกรุ๊ปของเย่ชิงหยู่เปิดตัวเสื้อผ้าพวกนั้น รวมทั้งความคิดเห็น ใบหน้าก็มีรอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้น
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการเห็น เขาอยากจะเห็นผู้หญิงคนนั้นยิ้มไปตลอดจริงๆ
ในตอนนี้มีคนโทรมาหาเขาอีกแล้ว เขาเอาโทรศัพท์มาดู หวังชิงชิงเป็นคนโทรมา
“คุณชายคะ ท่านเซียวมาอีกแล้วค่ะ เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องปรึกษากับคุณจริงๆค่ะ แล้วยังขอร้องให้คุณออกมาพบเขาด้วยค่ะ” คำพูดของหวังชิงชิงมีความกลัวแล้วนิดหน่อย
ฟางเหยียนคิดในใจว่าตาแก่นี่อดทนรอไม่ไหวแล้วจริงๆ รีบร้อนอยากจะเจอตัวเขา เขาเงียบไปสักพัก “บอกเขาว่า ยังไม่ถึงเวลา ถ้าหากถึงเวลาแล้ว ฉันจะออกไปเจอเขาเอง แล้วก็รวดบอกเขาอีกเรื่องด้วยว่า ถึงเวลาแล้วเขาจะได้เห็นตระกูลเซียวที่ใหม่เอี่ยม” พูดจบใบหน้าของฟางเหยียนก็มีรอยยิ้มแปลกๆปรากฏ
หวังชิงชิงเงียบไปสักพักใหญ่ถึงตอบกลับว่า “ค่ะ คุณชาย!”
หลังจากวางสาย ฟางเหยียนก็เปิดประตูเดินออกไป เพิ่งจะเปิดประตูก็เห็นเข้ากับเทียนขุยที่ยืนอยู่หน้าประตู
สีหน้าของเทียนขุยระแวดระวัง ดูแล้วเหมือนกับมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฟางเหยียนถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
เทียนขุยลังเลสักพักถึงจะพูดว่า “ไม่รู้ว่าใครเปิดเผยที่อยู่ของพวกเรา ตอนนี้นักข่าวกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่ที่หน้าประตูโรงแรมรีสอร์ตหยูฉวน พวกเขาเซ้าซี้จะสัมภาษณ์ผมครับ”
ฟางเหยียนเงียบไปสักพักแล้วพูดว่า “ดูแล้วรีสอร์ตหยูฉวนนี้จะอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว”
“จะไปที่ไหนครับ? จอมพลโผ้จวิน” เทียนขุยถาม
มองดูเทียนขุยที่ซื่อสัตย์อย่างมาก ฟางเหยียนหายใจเข้าลึกๆแล้วตอบว่า “บอกให้หวงหยวนฉาวมารับพวกเราเถอะ ไปเจอกับเถาไห่หลงสักหน่อย”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็มาถึงบ้านของหวงหยวนฉาวที่หนานเจียว
ที่นั่งบนนั้น ไม่เพียงมีแต่หวงหยวนฉาวที่นั่งอยู่ ยังมีเถาไห่หลงและผู้นำของสโมสรการต่อสู้หลายคน ล้วนเป็นพวกตาแก่มีอายุแล้วทั้งนั้น เมื่อฟางเหยียนมาถึง หวงหยวนฉาวก็พูดอย่างเคารพว่า “ผู้….คุณฟางครับ เชิญคุณนั่งครับ”
เขาเรียกฟางเหยียนว่าผู้นำจนชินแล้ว ดังนั้นทุกครั้งที่อ้าปากก็จะเรียกเขาว่าผู้นำ
หลังจากที่ฟางเหยียนนั่งลง คนทั้งหลายถึงได้เห็นว่าเทียนขุยไม่ได้นั่งลง เพียงแต่ยืนอยู่ด้านหลังของฟางเหยียนเหมือนกับบอร์ดี้การ์ด ที่จริงแล้วทุกคนก็รู้ว่าเทียนขุยก็คือบอร์ดี้การ์ดของฟางเหยียน ส่วนตัวตนของฟางเหยียน ทุกคนไม่กล้าคาดเดา
เถาไห่หลงสำรวจดูเทียนขุย แล้วหัวเราะพูดว่า “คุณฟางครับ บอร์ดี้การ์ดคนนี้ของคุณคือ…”
“ขอโทษด้วยครับประธานเถา เขาไม่ใช่บอร์ดี้การ์ดของผม เขาเป็นเพื่อนของผม!” พูดประโยคนี้จบ เขาก็พูดกับเทียนขุยว่า “เทียนขุย นั่งลง!” คำนี้ทำเอาเทียนขุยนิ่งอึ้งอย่างชัดเจน
แต่ว่าเขาไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงแค่ตอบรับคำหนึ่งแล้วก็นั่งลง
เห็นเทียนขุยเชื่อฟังคำพูดของฟางเหยียนขนาดนั้น ทุกคนก็เข้าใจอะไรบางอย่าง นี่ไม่เพียงแต่เป็นการเชิญง่ายๆเท่านั้น เทียนขุยดูแล้วเคารพฟางเหยียนมาก ดังนั้นเถาไห่หลงจึงถามว่า “ไม่ทราบว่าคุณฟางทำงานอยู่ที่ไหนครับ?”
ฟางเหยียนตอบอย่างเอือมระอาว่า “ก็เร่ร่อนไปทั่วอยู่ข้างนอก!”
เขาไม่จำเป็นต้องบอกตัวตนของเองไม่ว่ากับใคร
เถาไห่หลงสบตากับคนข้างกายทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “งั้น ฐานะทางบ้านของคุณคงจะมีอำนาจมากสินะครับ?”
ฟางเหยียนไตร่ตรองสักพักแล้วถามว่า “ประธานเถา ทำไมคุณถึงถามอย่างนั้นละ?”
เถาไห่หลงพูดยิ้มๆ “ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าฐานะทางบ้านมีอำนาจ ข้างกายจะมีนินจาอย่างเทียนขุยคอยติดตามได้ยังไงละครับ”
“นินจา?” ฟางเหยียนย้ำคำพูดนี้
เถาไห่หลงอธิบาย “บนโลกใบนี้มีคนบางประเภทที่ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับพวกเราได้ พวกเราก็เรียกพวกเขาว่านินจา นินจาที่ว่าก็คือ ยอดฝีมือที่สันโดษ พวกยอดฝีมือที่เป็นวิชาการต่อสู้อย่างแท้จริงแต่ปิดบังเอาไว้ จากความสามารถของคุณเทียนขุยนั่นจะต้องเป็นนินจาระดับสูงแน่นอนครับ”
ฟางเหยียนเคยได้ยินเกี่ยวกับนินจา แต่ไม่รู้ว่ามันแบ่งแยกยังไง ไม่รอให้เขาเปิดปากถาม เทียนขุยก็ถามว่า “ถ้าอย่างนั้น บนโลกใบนี้นั้นมียอดฝีมือและองค์กรอยู่จริงงั้นสินะครับ?”
เถาไห่หลงพยักหน้าตอบว่า “ใช่ครับ วัฒนธรรมการต่อสู้นับพันปีของประเทศหวาของเราไม่ได้เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้นนะครับ เพียงแต่น่าเสียดายที่พวกนินจานั้นไม่สนใจชื่อเสียง ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าคนธรรมดาอย่างพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงเข้าไปสัมผัสโลกของนินจาได้ยาก ไม่กี่วันก่อนได้เห็นคุณเทียนขุยต่อสู้ พวกเราถึงนับได้ว่าได้เปิดโลกมากขึ้นครับ”