จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 148
พูดจบเทียนขุยแสยะยิ้มออกมา ก้าวออกไปจากระยะสายตาของเขา
ตอนนี้ เทียนขุยถือว่าเข้าใจความตั้งใจของจอมพลโผ้จวินชัดเจนแล้ว!
ขณะนี้เซียวเจิ้นเที่ยนเหมือนกับตัวตลกที่ถูกเล่นอยู่ในกำมือ นอกจากถูกจูงจมูก ตนก็ไม่มีวิธีอื่น
เซียวเจิ้นเที่ยนไม่ค่อยเข้าใจความหมายของประโยคนี้สักเท่าไหร่ แต่ตนทำแบบนั้นไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน คนนี้เป็นคนที่มาจากกองทัพ สามารถระดมพลกองกำลังได้นั้นน่ากลัวมาก
ถึงแม้ตระกูลฟางจะแข็งแกร่ง แต่ก็เทียบกับกองทัพไม่ได้
เซียวเจิ้นเที่ยนกัดฟัน คิดในใจว่าทำได้เพียงอธิบายเหตุการณ์ให้คุณชายของตระกูลฟางฟังเท่านั้นแล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีวิธีอะไรที่ดีกว่านี้อีกมั้ย เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาสะบัดมือ หน้าตาบึ้งตึงเดินออกจากงานประมูลไป
หลังจากที่เดินออกมาจากจากประมูลแล้วนั้น ก็ได้นั่งบนรถ เซียวเหอกล่าว “พ่อ พ่อไม่คิดว่ามันแปลกๆบ้างเหรอ?”
“แปลกยังไง?” เซียวเจิ้นเที่ยน ถอนหายใจยาวๆ ถามอย่างจนปัญญา
เซียวเหอกล่าว “พ่อ ทำไมเทียนขุยถึงได้ปรากฏตัวที่เมืองจินโจวของเรา? แล้วทำไมถึงได้ชอบคฤหาสน์หลังเล็กของตระกูลเย่หลังนี้ได้? คนอย่างเขา อยากได้คฤหาสน์ที่ดีกว่าบ้านใหญ่ตระกูลเย่เป็นสิบเท่ายังทำได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเอาบ้านใหญ่ตระกูลเย่เลยนะ”
เซียวเจิ้นเที่ยนกำลังมองไปที่เซียวเหอแล้วถาม “แกหมายความว่าไง?”
เซียวเหอกล่าว “หรือพ่อไม่สงสัยว่าคนนี้กับคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นปฏิปักษ์กับเราเป็นคนกลุ่มเดียวกันเหรอ?”
ใบหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนยิ้มดูแคลนออกมา เอื้อมมือไปจับไหล่ของเซียวเหอแล้วกล่าว “แกเด็กน้อย ขี้ระแวงไม่ได้เป็นเรื่องไม่ดีอะไร แต่การเดาของแกมันดูไม่ค่อยเป็นความจริงสักเท่าไหร่ แกก็รู้ ว่าถ้าคนนี้จะเล่นงานพวกเรา หมายความว่าอะไร?”
เซียวเหอไม่โง่ เพียงแค่ตอนนั้นเซียวเหวินปินน้องรองความสามารถแข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงขี้เกียจใช้สมอง
“ล้างบาง!” เซียวเหอเปล่งสองคำนั้นออกมาอย่างสงบ
เซียวเจิ้นเที่ยนพยักหน้ากล่าว “ใช่ ถ้าคนแบบนี้จะเล่นงานตระกูลเซียวของเรา พวกเราก็ทำได้เพียงรอล้างบาง ถ้าเขาเล่นงานพวกเราจริงๆ สั่งการโดยตรง ก็ทำให้ตระกูลเซียวของเราหายไปอย่างสิ้นซากเดี๋ยวนี้ แล้วจำเป็นอะไรที่ต้องทำอะไรลับๆแบบนี้ล่ะ? แกอาจจะไม่เข้าใจคนที่เป็นทหาร โดยเฉพาะคนพวกนี้ที่มาจากกองทัพ”
เซียวเจิ้นเที่ยนกล่าวต่อไปว่า “คนที่มาจากกองทัพ นิสัยตรงไปตรงมา ทำอะไรไม่พูดพร่ำทำเพลง แกคิดว่าพวกเขาจะเหมือนคนที่ทำธุรกิจแบบเราๆเหรอ? ถ้าพวกเขาจะเล่นงานตระกูลเซียวของเราจริงๆ สั่งการไปนานแล้ว”
“ดังนั้น ฉันไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อยว่าคนของกองทัพจะเล่นงานพวกเรา”
เซียวเหอได้ยินเซียวเจิ้นเที่ยนแจกแจงเหตุผลให้ฟัง ก็ครุ่นคิดแล้วพยักหน้า จากนั้นถาม “งั้น ต่อไปพวกเราจะทำยังไงกันดี?”
เซียวเจิ้นเที่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “เอาคฤหาสน์หนานเจียวให้แล้วกัน ถ้าคุณชายตระกูลฟางไม่ยอมรับ พวกเราค่อยคิดหาวิธีอื่น ตอนนี้ พวกเราต้องต่อสู้ในสถานการณ์ลำบาก”
“อ้อ แกไปหาเซียวห้านต่อนะ พยายามติดต่อเธอให้ได้” เซียวเจิ้นเที่ยนออกคำสั่ง
เซียวเหออืมพยักหน้าแล้วกล่าว “ความจริง ผมค่อนข้างเป็นห่วงเซียวห้าน ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นเหมือนน้องรอง ที่เกิดเหตุร้ายขึ้นหรือเปล่า”
“หุบปากหมาๆของแกไปซะ!” เซียวเจิ้นเที่ยนหลับตาแล้วดูแคลน กล่าว “ฉันได้บอกกับชายหน้าบากไปแล้ว ว่าให้มันดูแลความปลอดภัยของเซียวห้านให้ดีๆ แกคิดว่าในเมืองจินโจวของเรา จะมีสักกี่คนที่เป็นคู่ต่อสู้ของชายหน้าบากได้”
“ลูกพี่ อย่าลืมนะ ว่าตอนนั้นตระกูลเย่ทำไมถึงได้หายไป ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเย่ ชายหน้าบากก็ไม่มีทางมาที่เมืองจินโจวของเรา ดังนั้น แกไปหาอย่างสบายใจได้เลย ฉันเชื่อ ต่อให้มีคนที่เก่งกว่าชายหน้าบากจริงๆ ก็ไม่กล้าทำอะไรชายหน้าบาก ฝีมือของชายหน้าบาก จะปกป้องใครสักคน ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากอะไรเลย” เซียวเจิ้นเที่ยนตาทั้งคู่มีชีวิตชีวาแล้วกล่าว
เขาวางใจ ในตัวของชายหน้าบากเป็นอย่างมาก
เขาเป็นคนของกลุ่มนั้น แล้วใครจะกล้าลงมือกับคนของกลุ่มนั้นล่ะ?
กลุ่มนั้น ที่ประเทศหวา เป็นกลุ่มที่สำคัญมีบทบาทต่อประเทศ
ถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆ เซียวเจิ้นเที่ยนไม่มีทางขอให้กลุ่มนั้นช่วยแน่นอน
“พ่อหมายถึงชายหน้าบากเป็นคนของกลุ่มนั้น?” เซียวเหอถามอย่างหน้าตาตกตะลึง ความจริงเขาไม่รู้เรื่องนี้ เขารู้เพียงว่าตอนนั้นที่ตระกูลเย่พังลงเป็นเพราะการสั่งการของกลุ่มที่ยิ่งใหญ่กลุ่มหนึ่ง
ตระกูลเซียวไม่พอใจตระกูลเย่ แต่ก็ยังห่างจากการล้างบางอีกฝ่ายอีกไกล เพราะที่เมืองจินโจวตระกูลเย่ก็มีอิทธิพลเหมือนกัน
ตอนนั้นตระกูลเซียวแค่ใช้อุบายเล็กน้อยกับตระกูลเย่เท่านั้น ยังเตือนเย่เทียน ให้เขาร่วมมือกับตน หลังจากที่ถูก เย่เทียนปฏิเสธ เซียวเจิ้นเที่ยนฮึดฮัด ต่อมา ก็ถูกกลุ่มนั้นหาเรื่อง
คนในกลุ่มอธิบายส่วนได้เสียให้เซียวเจิ้นเที่ยนฟังแล้วนั้น พวกเขาจำเป็นต้องจัดการตระกูลเย่ทิ้งเสีย ดังนั้นจึงได้มีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นตามมากับตระกูลเย่ เย่เทียนเคยขอความช่วยเหลือ แต่หนทางของเขาถูกตัดขาดไป
ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ เย่เทียนตกจากที่สูงลงมาที่ต่ำ ดังนั้นคนที่จะช่วยตัวเองได้ติดต่อไม่ได้ทั้งหมด ต่อให้ติดต่อได้ เค้าก็จะหาเหตุผลบอกปัดไป
ได้โอกาสนี้พอดี เซียวเจิ้นเที่ยนจึงทำลายเย่เทียนสำเร็จ
เซียวเจิ้นเที่ยนยอมรับว่าเย่เทียนคือผู้กล้า และคนเก่งในวงการธุรกิจคนหนึ่ง เขารู้สึกเสียดาย กับการตายของเย่เทียน แต่นี่คือกระแสแห่งยุค เพื่อรักษาตำแหน่งของตระกูลเซียวในเมืองจินโจวให้มั่นคง จึงต้องกำจัดเย่เทียน
เซียวเจิ้นเที่ยนถอนหายใจยาวๆ แล้วกล่าว “ตอนนั้นกลุ่มนั้นได้พูดไว้ ถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆพวกเขาจะไม่ปรากฏตัวง่ายๆ เพราะเมื่อพวกเขาปรากฏกาย จะกระทบไปกันใหญ่ แต่เพียงแค่พวกเขาเลือกตระกูลเซียวของเรา พวกเราก็ไม่มีเรื่องให้กังวลใจอีกแล้ว ดังนั้น พวกเราไม่ต้องกังวลมากไป ทำเรื่องที่เราควรทำให้ดีก็พอแล้ว ควรจะร่วมมือกับใคร ก็ทำไป เป้าหมายของเราคือเงิน ทำธุรกิจของเราให้มั่นคง”
เซียวเหอพยักหน้า กล่าว “ผมรู้แล้วครับ พ่อ!”
หลังจากที่กลับถึงตระกูลเซียวแล้ว เซียวเจิ้นเที่ยนผลักประตูบ้านที่ว่างเปล่า ตระกูลเซียวที่เดิมทีมีเสียงโกลาหลวุ่นวาย เพราะการผ่านไปมาของแต่ล่ะคน คาดไม่ถึงว่าแว็บเดียวจะเงียบสงัดไปเยอะ
เห็นฉากนี้ ในใจเซียวเจิ้นเที่ยนราวกับถูกหนามทิ่งแทง ในขณะที่เขามาถึงห้องโถง เห็นคนหนึ่งยืนอยู่ที่ห้องโถง เซียวเจิ้นเที่ยนเห็นเพียงหลังของเขา ไม่เห็นหน้าของเขา
เขาระวังตัวขึ้นมา หรือนี่คือฟางเหยียน?
ไม่ คนนี้ไม่ใช่ฟางเหยียน ดูจากด้านหลังแล้วไม่เหมือน
“แกเป็นใคร?” เซียวเจิ้นเที่ยนถาม
คำถามนี้ ชายที่หันหลังให้เขาหันกลับมาทันใด ผู้ชายค่อนข้างผอม สวมชุดดำ แต่มีสมองที่สว่าง เขามีจุดเด่นที่เห็นได้ชัด นั่นก็คือไม่มีคิ้ว
อู๋เหมย!
อู๋เหมยคือคนที่สนิทกับเซียวเหวินปินที่สุด เป็นยอดฝีมือในการสืบค้นรวบรวมหลักฐาน ตอนนั้นเซียวเหวินปินบอกว่าเจอข้อมูลลับสุดยอดของฟางเหยียน ก็มาจากอู๋เหมยนี่แหละ
เมื่อเห็นอู๋เหมย เขาก็ตาโตขึ้น แล้วเรียก “อู๋เหมย แกเองเหรอ!”