จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 152
ฟางเหยียนยืนไม่ไกลจากเขา ถามว่า “จริงเหรอ?ฉันล่ะอยากรอเห็นเลยล่ะว่าฉันจะซวยยังไง!”
ดวงตาทั้งคู่ของโจวเจิ้งนั้นแดงฉาน ทั้งตัวของเขาก็เหมือนว่าจะมีแสงพุ่งออกมาเป็นเสี่ยงๆ เขายิ้มและคำรามออกมา “ไปตายซะ!”
หลังจากตะโกน เขายกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อที่จะโจมตีฟางเหยียน แต่ฟางเหยียนยังคงนิ่งงัน มองไปที่โจวเจิ้งด้วยสายตาที่เย่อหยิ่งราวกับจักรพรรดิ ชายคนนี้นั้นโกรธอย่างมาก โจวเจิ้งจะไม่ยั้งมือ เขากำลังจะฆ่าอีกฝ่าย
แต่เมื่อแขนของเขาจะตีฟางเหยียนนั้น ฟางเหยียนก็ได้เคลื่อนมืออย่างเชื่องช้าไปจับมือของเขาเข้าไว้ ฝ่ามือที่ดูบอบบางนั้นได้ใช้พลังอย่างไร้ขอบเขต จากนั้นก็สามารถหยุดการโจมตีของโจวเจิ้งลงได้
โจวเจิ้งตกตะลึง นี่น่าจะเป็นกังฟูขั้นสูงที่สุดของตระกูลเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะฝึกมันไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่ควรเป็นแบบนี้สิ ในเมืองเล็กๆอย่างจินโจวนี้ ยังจะมีคนสามารถทำลายกังฟูของคนในตระกูลได้อีกงั้นเหรอ?
“ป๊าบ!”มีการตบเข้าที่บ้องหูอย่างแรงอีกครั้งตีเสียจนหัวของเขานั้นสั่นไม่หยุดเลยทีเดียว
“อ๊าก!”โจวเจิ้งกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง พยายามอย่างสุดแรงที่จะหลุดพ้นจากฝ่ามือของเขา แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีไปได้ พลังแบบนี้นั้นน่าสะพรึงกลัวเสียจริง
สีหน้าของเขานั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เขานั้นดูผ่อนคลายราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังสู้อยู่กับเด็กน้อย
“ป๊าบ ป๊าบ ป๊าบ!”ยังคงมีการตบขึ้นติดต่อกันอีกหลายครั้งบนใบหน้าของโจวเจิ้ง เขาตบไปที่หน้าของโจวเจิ้งจนมันทั้งแดงและบวมฉึ่ง มีเลือดกำเดาไหลออกมา เขาอยากที่จะถอย แต่กลับไม่มีโอกาสเลย โดนฟางเหยียนนั้นจับไว้ได้ตลอด
ต่อหน้าของฟางเหยียน เขาเหมือนกับว่าเป็นคนที่สู้ไม่เป็น ไม่มีที่ให้ต่อสู้กลับได้ด้วยซ้ำ
นี่มันบ้าอะไรกัน?นี่มันสถานการณ์อะไรกันแน่?
หลังจากที่ทุบตีโจวเจิ้งจนมึนงงจนเลือดกำเดาไหลออกมานั้น ฟางเหยียนจึงปล่อยมือของเขาออก แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวไปซะ!”
สามคำที่ดูง่ายๆนี้ นั้นเหมือนได้ปลดปล่อยพลังของจักรพรรดิออกไป!
โจวเจิ้งยกมือขึ้นปิดหน้าของเขา พร้อมกับชี้ไปที่ฟางเหยียนพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “แก แก แกจะต้อง…”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นเพื่อขัดจังหวะเขา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นี่ไม่ใช่ที่ที่นายจะมาอวดดี ถ้าฉันรู้ว่านายมาอวดดีในถิ่นของฉันอีกล่ะก็ มันจะไม่ใช่แค่การตบหน้า แต่ฉันจะฆ่านายซะ ถึงตอนนั้นต่อให้พ่อของนายจะมา ก็จะไม่มีทางช่วยนายได้”
เมื่อพูดจบ เขาก็ใช้ขาเตะโจวเจิ้งออกจากประตูสำนักงานไป
โจวเจิ้งนั้นนอนอยู่บนพื้นในท่าหกคะเมน รูปลักษณ์ทำให้เขาอายเป็นอย่างมาก
เขากำหมัดกระแทกกับพื้นแล้วลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นเขามองไปที่ฟางเหยียน เมื่อเขามอง สิ่งที่เขาเห็นคือดวงตาสีเทาที่ดูตายด้าน เป็นดวงตาของนักฆ่า โจวเจิ้งนั้นมองออก
ฟางเหยียนที่อยู่ตรงหน้าของเขานี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่งั้นความสามารถอย่างตนจะไม่มีพื้นที่ให้สู้ต่อหน้าของเขาเลยได้อย่างไรกัน
แต่ทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าของหวังชิงชิงขนาดนี้ เขาไม่มีทางปล่อยฟางเหยียนไปอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงจ้องไปที่ตาของฟางเหยียน และพูดอย่างปากแข็งว่า “ดี นายรอฉันเถอะ ฉันจะต้องกลับมาหานายอีกรอบแน่ๆ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ออกจากฟางซื่อกรุ๊ปไปอย่างสิ้นหวัง
ฟางเหยียนเยาะเย้ย หันหลังกลับไปมองหวังชิงชิงที่ดูตกตะลึงพร้อมกับถามว่า “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เสียงนี้ก็ได้ทำให้สติหวังชิงชิงนั้นกลับมา เรื่องราวเมื่อกี้นั้นอย่างกับฉากในฝัน นั่นคือโจวเจิ้ง โจวเจิ้งที่สูงส่ง แต่ต่อหน้าของท่านชาย ก็เป็นเพียงแค่การต่อสู้กับเด็กน้อยเท่านั้น
เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะแสดงอาการตกใจในใจของเธออย่างไร ท่านชายแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?หรือว่าเขานั้นเป็นนักฆ่าด้วยเหมือนกัน?
ตอนนี้เธอก็พอรู้แล้วว่าทำไมท่านปู่ถึงประจบสอพลอท่านชายขนาดนี้ ที่แท้ท่านชายก็ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย
“ท่านชาย!”สติของเธอกลับมาอีกครั้ง จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก้มหน้าพูดว่า “ขอโทษค่ะท่านชาย ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาจะรู้จักที่นี่ได้ จริงๆแล้วฉันกับเขา เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันเป็นการเข้าใจผิดของการแต่งงานของสองตระกูล”
ฟางเหยียนโบกมือ พร้อมกับพ่นสองคำออกมาอย่างเฉยเมย “ไม่เป็นไร ตราบใดที่เธอโอเค”
หวังชิงชิงพยักหน้า ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมานี่ท่านชายกำลังเป็นห่วงเธองั้นเหรอ?
เมื่อกี้เขาเพิ่งจะบอกว่า ตนเป็นคนของเขา เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของหวังชิงชิงก็กลายเป็นสีแดงอมชมพู
แต่โจวเจิ้งที่อยู่ตรงหน้านี้ก็ไม่สามารถที่จะประเมินค่าต่ำไปได้เลย นี่ไม่ใช่คนที่จะไล่ไปได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าตัวเขาเองนั้นจะไม่ได้มีกำลังอะไรมากมายนัก แต่ถ้าเป็นพละกำลังของตระกูลโจวล่ะก็ไม่แน่ ถือว่าเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเวสเตอร์แลนด์ ไม่มีใครรู้ลึกเกี่ยวกับตระกูลนี้
ดังนั้น เธอจึงรีบกล่าวว่า “ท่านชาย คนคนนั้นมาจากตระกูลโจว เขาจะแก้แค้นท่านอย่างแน่นอน คนในตระกูลนั้นทั้งหมดล้วนแต่เป็นตระกูลนักฆ่า”
ใบหน้าของฟางเหยียนนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย และยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสว่า “ไม่เป็นไร”
ก็แค่ตระกูลของนักฆ่า ฟางเหยียนจะเก็บเอามาใส่ใจทำไม
ความสงบของท่านชายนี้เกินความคาดหมายของหวังชิงชิงเป็นอย่างมาก ความเงียบสงบนี้ช่างดูไม่เข้ากับอายุของเขาซะเลย อายุเพียงเท่านี้แต่กลับมีนิสัยที่สงบ เธอไม่รู้เลยว่าท่านชายนั้นต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง
ท่านชายในช่วงเวลานี้ มันได้ทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้น!
“จริงสิ เธอโทรไปถามเซียวเจิ้นเที่ยน ว่าเขาจัดการบ้านของตระกูลเย่หรือยัง” ฟางเหยียนสั่ง
หวังชิงชิงที่ยังตกใจอยู่ก็ได้ส่งเสียงตอบรับออกมา ไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก รีบโทรไปาเซียวเจิ้นเที่ยน ขณะยืนอยู่ที่โต๊ะนั้น เธอก็ได้แอบมองฟางเหยียน คนคนนี้ มีอำนาจจริงๆ
สักพัก เธอก็ได้เดินไปที่ด้านข้างของฟางเหยียน พร้อมกับพูดว่า “ท่านชายคะ เขาบอกว่ายังไม่ได้จัดการเลยค่ะ มีคนแถวนั้นซื้อไปแล้ว แต่เขาบอกว่ามีของที่สำคัญกว่านั้นที่ต้องมอบให้ท่านค่ะ หวังว่าคุณจะนัดพบกับเขาได้ค่ะ”
รอยยิ้มแปลกๆปรากฏบนใบหน้าของฟางเหยียน และพูดว่า “ไม่จำเป็น!เธอ ลำบากเธอเลย!”
เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนก็ก้าวออกจากสำนักงาน
เมื่อเห็นฟางเหยียนออกไป ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เธอจึงรีบตะโกนออกไปว่า “ท่านชาย!”
ฟางเหยียนหยุดลง หันกลับมาด้วยท่าทีที่สงบแล้วถามว่า “มีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”
หวังชิงชิงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ท่านชาย ถ้าท่านมาหาฉันอีก ท่านพอจะช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
ฟางเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “ได้แน่นอน!ตราบใดที่เธอทำงานให้ฉัน เธอก็ถือว่าเป็นคนของฉัน”
หลังจากพูดจบ ฟางเหยียนก็เดินจากไปโดยไม่หลังกลับมามองอีก
ในใจของหวังชิงชิงนั้นรู้สึกท้อแท้อยู่พักหนึ่ง เธอไม่ได้ต้องการคำตอบแบบนี้เลยสักนิด ท่านชายมองตนเป็นแค่คนใต้บังคับบัญชาเท่านั้นเองเหรอ?ต่อหน้าของนายน้อย เธอด้อยกว่าคนอื่นงั้นเหรอ?
ท่านชายยังไม่ทันได้รู้ไมตรีจิตของตน และตนเองก็ได้แสดงมันออกไปหมดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมองไม่เห็น!
แม้ว่าหวังชิงชิงนั้นจะมีอายุมากกว่าฟางเหยียนอยู่เล็กน้อย แต่เธอเองก็อยู่ที่เวสเตอร์แลนด์ เธอมีชื่อเสียงในด้านของความงามแต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่เพียงแต่ตัวเองที่ไม่เปลี่ยนไปแก่ แต่กลับกลายเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ได้รับความสนใจจากชายหนุ่มในบริษัทมาก็ไม่น้อย หลายคนในบริษัทต่างรวบรวมความกล้าที่จะมาสารภาพกับตน มีเพียงแต่ท่านชายเท่านั้น ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามท่านชาย ท่านชายบอกว่าจะช่วยตน ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าโอกาสนั้นได้ใกล้เข้ามาอีกก้าว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจของหวังชิงชิงก็ไหลเวียนด้วยความอบอุ่นอีกครั้ง