จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 154
เขาเพิ่งตบต้นขาของเขา จากนั้นชายที่เพิ่งจะออกไปก็กลับเข้ามาอีกครั้ง นายท่าน “ด้านนอกมีรถหงฉีกำลังขับมาทางนี้ครับ”
“หงฉี?”ลู่หงปอสูดลมหายใจและพูดว่า “ไม่ว่าใครจะมา ก็ไม่พบทั้งนั้น!ไล่กลับไป”
ชายคนนั้นพยักหน้าและพูดว่า “ได้ครับ นายท่าน!” หลังจากพูดจบ เขาก็จำยอมเดินออกไป
“นายท่าน ท่านจะไม่สนใจรถหงฉีหน่อยหรือ?บางทีอาจจะเป็นคนจากเบื้องบนก็ได้นะ”เด็กสาวคนหนึ่งกล่าว
ลู่หงปอเย่ะเย้ย “เป็นคนเบื้องบนแล้วมันทำไมล่ะ?ในเมื่อฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ก็ไม่มีใครมากวนฉันได้ จะไปสนใจทำไม ถ้ามาก็ไล่มันไป!”
นี่คือพลังอำนาจของลู่หงปอ ไม่ได้มีใครในสายตาเลยสักนิด ไม่ว่าจะมีใครมาก็เหมือนกันทั้งนั้น
รถหงฉีมาจอดที่ประตูวิลล่าของลู่หงปอ จากนั้นฟางเหยียนก็ลงจากรถ
เทียนขุยเองก็รีบลงมา พร้อมกับถามว่า “จอมพลโผ้จวิน เอาให้ตายเลยไหมครับ?”
นี่คือพลังของคนที่มาจากสนามรบ ซึ่งลู่หงปอเองก็ไม่ได้สนใจใครเลย คนที่มาต่างก็ทำแบบเดียวกัน
ฟางเหยียนโบกมือ “ไม่ต้อง ชายคนนี้ไม่ได้มีความผิดถึงตาย!เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันมากนัก ตราบใดที่เขาคืนของและขอโทษลุงเย่ของฉัน ฉันก็พร้อมที่จะยกโทษให้ ”
เทียนขุยพยักหน้าและกล่าวว่า “ครับ จอมพลโผ้จวิน!”
ในเวลานี้ คนใช้คนนั้นก็เดินเข้ามา พร้อมกับพูดกับฟางเหยียนและเทียนขุยว่า “ท่านทั้งสอง เชิญกลับเถอะครับ!นายท่านได้บอกแล้วว่า ไม่ขอพบใครทั้งนั้น วันนี้ชื่ออีก็โทรมา แต่ก็โดนนายท่านปฏิเสธไปหมด ต้องขอโทษทั้งสองท่านจริงๆนะครับ”
ชายคนนี้นั้นเหมือนกับสุนัขที่มีตาอันเฉียบแหลม อาจจะไม่รู้ว่าสองคนนี้นั้นเป็นใคร แต่เขาจะต้องรู้จักกับรถคันนี้แน่ๆ
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “เอาล่ะ!ในเมื่อเขาไม่ให้เราเข้าไป งั้นเราก็จะเข้าไปด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
ชายคนนั้นประหลาดใจแล้วถามว่า “ท่านครับ ท่านหมายความว่ายังไง?”
“นายออกไป!”ฟางเหยียนเดินไปที่หน้าประตูเหล็กและพูดอย่างใจเย็น
ชายคนนั้นกะพริบตา ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เขาก็ถูกเทียนขุยผลักออก พร้อมกับตำหนิว่า “จอมผลโผ้จวิน ท่านยังมีมารยาทปรานีกับนายหรอกนะ ถึงได้ปล่อยนายไป ถ้ายังมีสติดีอยู่ ก็รีบออกไปอย่างว่าง่ายซะ!”
“แต่ว่า!”ขณะที่ชายคนนั้นพูด เขาก็กำลังจะปิดประตูลง แต่กลับโดนเทียนขุยเตะออกไปเสียก่อน ลูกเตะนี้โดนไปที่ร่างกายของเขาอย่างจัง เขาล้มลงไปกับประตูอย่างแรง
การเคลื่อนไหวนี้ดังไปถึงด้านใน ไม่ทันไร ชายผู้แข็งแกร่งที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีสี่สิบถึงห้าสิบคนก็ต่างพากันกรูออกมา
ชายแต่งตัวดี ดูมีมารยาทดีที่สวมแว่นกันแดดได้ถามออกไปว่า “นายมาทำอะไรที่นี่?นี่เป็นที่ส่วนบุคคล คนแปลกหน้าห้ามเข้า กรุณาออกไปเถอะครับ”
ฟางเหยียนยังคงเงียบ เดินต่อไปราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
เมื่อชายคนนั้นเห็นเช่นนี้ เขาจึงมองไปที่ลูกน้องคนอื่นของเขาแล้วพูดว่า “กรุณาออกไป ได้ยินไหม?”
ฟางเหยียนยังคงนิ่งและยังเดินต่อไปเรื่อยๆ บนใบหน้าของเขานั้นไร้อารมณ์ใดๆ ดูเหมือนหุ่นเชิดอย่างไงอย่างงั้น
“จัดการ!” เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าท่าทีของฟางเหยียนนั้นดูจะไม่ยอมถอยออกไป จึงทำได้แต่สั่งการลูกน้อง
ด้วยคำสั่ง ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่สิบหรือห้าสิบคนได้ล้อมเขาไว้ ขณะที่พวกเขากำลังจะโจมตีฟางเหยียนนั้น ก็กลับถูกตีด้วยหมัดหนักกลับมา เป็นหมัดของบอดี้การ์ดเขานั่นเอง
เทียนขุยนำหน้าฟางเหยียนเพียงหนึ่งก้าว ใครก็ตามที่ต้องการจะโจมตีฟางเหยียน ต่างก็จะถูกเทียนขุยโจมตีให้ถอยกลับไปทีละคน เมื่อผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง คนสี่สิบห้าสิบคนทั้งหมดก็นอนอยู่ที่พื้นส่งเสียงคร่ำครวญออกมา
เทียนขุยไม่ได้ต้องการที่จะฆ่าพวกเขา เพียงแค่จะโจมตีให้ล้มลงกับพื้นเท่านั้น
ชายใส่แว่นกันแดดตัวสั่นเมื่อเห็นฉากนี้ ไม่ใช่การกระทำของบุคคลนี้ที่ทำให้เขาตัวสั่น แต่เป็นเพราะความสงบของบุคคลนั้นต่างหาก ดูเหมือนชายคนนั้นจะรู้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน เขายังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างนิ่งงัน
ต่อให้มีคนล้มลงต่อหน้าเขา เขาก็ยังเดินเหยียบบนร่างของคนที่ล้มลงอยู่ดี
หลังประตูเหล็กนั้นมีสะพานทอดยาวอยู่ อย่างน้อยสองร้อยเมตร จะต้องข้ามไปก่อน ถึงจะพบกับประตูวิลล่า
เทียนขุยที่ยืนอยู่ห่างจากฟางเหยียนราวหนึ่งเมตร ก็ได้กล่าวว่า “จอมพลโผ้จวิน ดูเหมือนว่าที่นี่จะยังมีคนอยู่นะครับ!”
ฟางเหยียนพูด “ฉันรู้ นี่เป็นสิ่งที่ลู่หงปอนั้นวางแผนเอาไว้ ทำตัวเป็นจักรพรรดิ อุปสรรคต่างๆมากมายถูกสร้างขึ้นมา แต่อย่ากลัวไปเลย สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงตัวตลกเท่านั้น”
ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น อีกฟากหนึ่งของสะพานก็ปรากฏชายและหญิงคู่หนึ่ง ผู้ชายใส่ชุดสีดำ ส่วนผู้หญิงใส่ชุดขาว เนื่องจากอยู่ไกลกัน จึงมองไม่เห็นหน้าตาของทั้งสองคนนัก แต่ดูจากการแต่งตัวนั้น ก็คงเป็นไปได้ว่ามันคือการเลียนแบบเฮยไป๋อู๋ฉาง ยมทูตหน้าขาวดำ ท่าทีของฟางเหยียนนั้นยังคงเหมือนเดิมและก้าวต่อไปข้างหน้า เทียนขุยเองก็ทำแบบเดียวกัน ติดตามอยู่ด้านหลังอย่างใกล้ชิด
ในสายตาของพวกเขานั้น อะไรคือเฮยไป๋อู๋ฉาง ยมทูตหน้าขาวดำ เขาเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน ใครก็ตามที่อยู่ในกองทัพย่อมรู้ดีว่าการที่พวกเขามีวันนี้ได้ ต่างก็ต้องผ่านเลือดของศัตรูมาทั้งนั้น พบเจอคนตายมากกว่าคนเป็นเสียอีก
สิ่งที่พวกเขารู้ได้ชัดเลยก็คือ การเห็นคนที่อยู่ตรงหน้ามีชีวิตหายใจในหนึ่งวินาทีสุดท้าย ก่อนจะกลายเป็นคนตาย ดังนั้นพวกเล่นละครหลอกลวงพวกนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ซะจริง
สองคนที่อยู่อีกฟากยืนห่างจากฟางเหยียนประมาณสิบเมตรได้หยุดลงและถามว่า “พวกท่านเป็นใคร?ใครก็ตามที่กล้ามาทำร้ายคนของเรา ถือว่าเป็นการกระทำเกินควรไปหน่อย จริงไหม?”
สองคนนี้ดูน่าเกลียดนิดหน่อย นั่นก็คือเพราะพวกเขาน่าเกลียดจริงๆ นั่นจึงทำให้สามารถเป็นเฮยไป๋อู๋ฉาง ยมทูตหน้าขาวดำได้!
“เฮยไป๋อู๋ฉาง ยมทูตหน้าขาวดำ?” ฟางเหยียนยืนบนส้นเท้า พร้อมกับพึมพำชื่อของสองคนนั้น
ชายชุดดำหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า “มีนิมิตสินะ ไม่ผิดเลย พวกเราคือเฮยไป๋อู๋ฉาง ยมทูตหน้าขาวดำ รีบออกไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่เราจะส่งพวกท่านไปลงนรกอเวจี”
“ดูถูกจอมพลโผ้จวิน ต้องถูกโค่นทิ้ง!” เทียนขุยก้าวไปข้างหน้า ตะโกนด้วยเสียงดังอันทรงพลังต่อเฮยไป๋อู๋ฉาง ยมทูตหน้าขาวดำนี้
ฟางเหยียนไม่ได้สนใจสองคนนั้น ใบหน้ายังคงนิ่งงันและก้าวต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ ทั้งสองสบตากัน เมื่อเห็นท่าทางของฟางเหยียนที่ดูไม่ได้แยแสเลยนั้น ทำให้ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนไป มุ่งตรงไปหาฟางเหยียนหวังที่จะฆ่าทิ้งซะ
เมื่อพวกเขามาถึงตัวของฟางเหยียน ยังไม่ทันที่จะได้โจมตี ก็ได้เห็นกำหมัดที่ลอยพุ่งมาที่ตัวของพวกเขา หมัดนั้นช่างรุนแรง จนทำให้ทั้งสองคนนั้นต้องถอยไปหลายก้าวเลยทีเดียว
ฟางเหยียนนั้นยังเดินไปอย่างสงบ เขามั่นใจในตัวของเทียนขุย อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องจัดการกับขยะพวกนี้ด้วยตัวของเขาเอง เขาเดินตรงข้ามสะพานมา อยู่ที่ด้านหน้าของประตูวิลล่าแล้ว
ขณะยืนอยู่ที่ประตูวิลล่า เขายกมือขึ้นพร้อมกับผลักประตูให้เปิดออกโดยไม่ลังเลใดๆ เมื่อมองตรงเข้ามา เขาก็บังเอิญเห็นลู่หงปอนั่งอยู่หน้าประตูพอดี
ลู่หงปอมองมาที่ฟางเหยียน และเดินเข้ามาอย่างเกียจคร้าน พร้อมกับหัวเราะออกมา “น่าสนใจนะเนี่ย?เฮยไป๋อู๋ฉาง ยมทูตหน้าขาวดำฆ่านายไม่ได้ซะด้วย!”
ฟางเหยียนก้าวเข้ามาพร้อมกับตะโกนใส่เขา “นั่นคือวิธีที่นายปฏิบัติต่อเจ้าหนี้หรือไงกัน!”