จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 172
ทิ้งคำกล่าวนี้ไว้แล้ว ฟางเหยียนก็ยกมือขึ้นคว้าเย่ชิงหยู่และจางเจียวเจียวเอาไว้ แล้วพาพวกเธอทั้งสองคนออกมาจากห้องผู้ป่วย ทิ้งให้คนทั้งกลุ่มมองหน้ากัน ห้องผู้ป่วยเองก็เงียบสงัดในทันที
ผ่านไปสักพัก จางไห่เฟิงก็อ้าปากพูดทำลายความเงียบ!
“คุณปู่ คุณปู่เห็นหรือยังครับ? เย่ชิงหยู่คนนี้ต้องการที่จะยึดอำนาจ ขีดเส้นตัดขาดกับตระกูลของเราอย่างชัดเจนไปแล้ว ไอ้เจ้าฟางเหยียนคนนั้นก็ด้วย ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลย ไม่ใส่ใจปู่เลยสักนิด ยังให้เราทุกคนไปทำงานอีก เอาธุรกิจของตระกูลเราไป แล้วยังทำเหมือนเราเป็นทาสที่ทำงานให้กับเขาอีก คุณปู่ เมื่อก่อนที่ผมพูดไว้ไม่ผิดเลยสักนิด ว่าเย่ชิงหยู่จะต้องเอาตงข่ายกรุ๊ปของตระกูลเราไปแน่ เพราะงั้นผมก็เลยทำแบบนั้น ทั้งหมดก็เพื่อตงข่ายกรุ๊ปของตระกูลเรานะครับ แต่เย่ชิงหยู่คนนี้มันเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะจ้างคนมาหักขาสองข้างของผม ตอนนี้เป็นผม อีกหน่อยไม่แน่ก็อาจจะเป็นพ่อกับแม่ของผม แล้วก็อารองอาสะใภ้รอง หรือไม่แน่อาจจะทำกับปู่ก็ได้นะครับ คุณปู่! คุณปู่ต้องคิดวิธีจัดการกับเย่ชิงหยู่ อย่าปล่อยให้เธอลอยนวลไปแบบนั้นนะครับ!”
“ป้าบ!” ทันทีที่คำพูดของจางไห่เฟิงเพิ่งจบลง เขาก็โดนตบเข้าที่ใบหน้าจังๆหนึ่งที
การตบครั้งนี้ทำเอาจางไห่เฟิงโดนตบจนมึน แม้แต่สองสามีภรรยาจางที่อยู่ด้านข้างก็ยังมึยไปด้วย
คนที่ตบเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่คือจางฉี่เหาซึ่งยืนอยู่ตรงหัวเตียง ใบหน้าสูงวัยของเขาซีดเผือด ดวงตาทั้งสองข้างจ้างเขม็งไปยังจางไห่เฟิงพร้อมพูดว่า “จางไห่เฟิง ปู่คิดมาตลอดว่าแกแค่อิจฉาชิงหยู่ ถึงได้กลายเป็นคนชอบเอาชนะ ปู่ไม่ได้คิดเลยจริงๆว่าแกจะทำสิ่งที่ดื้อรั้นแบบนี้ เพื่อความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะพูดยังไงตงข่ายกรุ๊ปก็เป็นเส้นชีวิตของตระกูลจาง ไม่ว่าจะยังไงก็เป็นธุรกิจเพื่อความอยู่รอดของเรา แกลงมือกับธุรกิจของตระกูลตัวเองได้ยังไง แกร่วมมือกับคนภายนอกเพื่อจัดการกับธุรกิจของแกได้ยังไง แกสู้หน้าตระกูลจางของเราได้รึไง?”
จางซื่อตงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “พ่อครับ เมื่อกี้ผมได้ยินแล้ว ที่จริงไห่เฟิงก็ทำเพื่อบ้านเรานะครับ ตอนนี้ชื่อเสียงของตงข่ายกรุ๊ปก็เป็นชื่อของตระกูลจางเรานะครับ แต่อันที่จริงมันกลายเป็นธุรกิจของเย่ชิงหยู่คนเดียวแล้ว”
“แกหุบปากเดี๋ยวนี้!” จางฉี่เหาจ้องเขม็งไปที่จางซื่อตงด้วยความโกรธ ทำเอาจางซื่อตงถูกจ้องจนไม่กล้าพูด
“จางไห่เฟิง เป็นเพราะแก ปู่ถึงได้เข้าใจผิดชิงหยู่ แล้วก็เป็นเพราะแก ภาพลักษณ์ของปู่ต่อหน้าพวกเขาก็เลยถูกทำลาย ตระกูลจางของเราเดินมาถึงวันนี้ ปู่ก็เห็นชัดเจนแล้วว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะสวะอย่างแก”
จางฉี่เหาโกรธจนถึงที่สุดแล้ว เขากำหมัดแน่น แล้วกัดฟันพูดว่า “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป แกไม่ใช่หลานชายตระกูลจางอีก หลังจากนี้ห้ามก้าวเข้าบ้านตระกูลจางแม้แต่ก้าวเดียว”
จางไห่เฟิงสมองไม่ทำงาน นี่ไม่ใช่การล้อเล่น แต่นี่เป็นของจริง
จางซื่อตงรีบพูดทันทีว่า “พ่อครับ ไห่เฟิงกลายเป็นแบบนี้แล้ว พ่อทำแบบนี้ไม่ใช่บังคับให้เขาไปตายเหรอครับ? ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่ความสามารถในการมีชีวิตต่อแล้ว ถ้าตระกูลจางไม่ดูแลเขา ไม่ใช่ว่าเขาก็จะตายเหรอครับ?”
จางฉี่เหาส่งเสียงหึ แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “การที่เขามีวันนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะตัวเขาทำเองรับเอง! ตอนที่เขากำลังทำเรื่องพวกนั้น ก็ควรจะคิดถึงผลลัพธ์วันนี้! ปู่เชื่อแกมากเกินไป จางไห่เฟิง”
“พ่อคะ ไม่เอาสิคะ พ่อจะไม่ดูแลไห่เฟิงไม่ได้เด็ดขาดนะ เขาเป็นหลานคนที่พ่อรักมากที่สุดนะคะ” แม่ของจางไห่เฟิงร้องไห้ไปพร้อมกับกอดรั้งขาของจางฉี่เหาเอาไว้
แต่จางฉี่เหาก็ดึงขาของเขาออก แล้วพูดเสียงดังว่า “ถ้าใครมาขอร้องให้ลูกหลานไร้ยางอายของตระกูลจางเราคนนี้อีก ข้าก็จะขับไล่เขาออกจากบ้านไปด้วยกัน แล้วไม่ได้เป็นทายาทตระกูลจางอีกตลอดไป และห้ามเหยียบเข้าบ้านตระกูลจางของข้าอีก”
“ถ้ายังอยากอยู่ที่บ้านตระกูลจางต่อ พรุ่งนี้ทุกคนต้องไปทำงานที่บริษัท แล้วต้องไปขอโทษเย่ชิงหยู่ด้วย ทำความเข้าใจฐานะของตัวเองแจ่มแจ้งซะ ถ้าใครยังพยายามหลอกล่อหรือขัดขวางทาง ข้าไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่” เมื่อจางฉี่เหาพูดคำนี้จบก็โบกมือ แล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป
ทันทีที่จางซื่อข่ายเห็นสถานการณ์นี้ เขาก็รีบดึงภรรยาของเขาเดินตามหลังจางฉี่เหาออกมา
“พ่อครับ พ่อครับ!” จางซื่อตงตะโกนเรียกจางฉี่เหาที่กำลังเดินจากไปอยู่หลายครั้ง เขารู้ดี ว่าครังนี้พ่อไม่ได้ล้อเล่น เขาผิดหวังต่อตัวจางไห่เฟิงแล้วจริงๆ
จางไห่เฟิงรีบตะโกนอย่างรวดเร็วว่า “พ่อครับ สิ่งที่คุณปู่พูดเป็นความจริงเหรอครับ? ต่อไปปู่จะไม่สนใจผมแล้วเหรอครับ?”
ตอนนี้จางไห่เฟิงกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว หากตระกูลจางไม่สนใจเขา คาดว่าชีวิตนี้ของเขาก็คงจะจบจริงๆแล้ว
จางซื่อตงถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ถ้าจะโทษก็โทษที่ลูกทำตัวโมโหไร้เหตุผลเถอะ ลูกอยู่ดีๆทำไมถึงไปขโมยของตงข่ายกรุ๊ปกันล่ะ ลูกทำแบบนี้ ไม่ได้ทำร้ายแค่เย่ชิงหยู่ แต่เป็นตระกูลจางเราทั้งตระกูล”
ทันทีที่จางไห่เฟิงได้ยินจางซื่อตงก็วิพากษ์วิจารณ์ตัวเขา เขาก็ร้องไห้ออกมาทันที แล้วพูดพร้อมร้องไห้ว่า “พ่อครับ ผมไม่ได้ทำไปเพื่อตระกูลของเราเหรอครับ? ตงข่ายกรุ๊ปแห่งนี้เป็นของเย่ชิงหยู่มาโดยจลอด ผมก็ไม่สมัครใจนะครับ”
จางซื่อตงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ แกพักผ่อนให้เพียงพอซะ! พ่อจะโน้มน้าวปู่ของแกเอง”
เมื่อพูดจบ จางซื่อตงก็เดินออกไป
ทันใดนั้น ภายในห้องผู้ป่วยก็เหลือเพียงแค่แม่ของเขาและเขา เขากอดแม่พร้อมพูดว่า “แม่ครับ ผมควรทำยังไงดี? ถ้าจากนี้คุณปู่ไม่สนใจผมแล้วจริงๆ ผมควรจะทำยังไงดีครับ?”
แม่ของจางไห่เฟิงมองจางไห่เฟิงอย่างเศร้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลูกเลิกพูดอะไรโง่ๆได้แล้ว ลูก คุณปู่น่ะรักลูกมากที่สุดแล้ว เขาไม่มีทางทิ้งลูกแน่ เมื่อกี้ปู่พูดแล้วนี่ ว่าจะเรียกหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดมาทำขาเทียมให้ลูกน่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ลูกพักผ่อนก่อนเถอะ แม่จะไปหาพ่อของลูก!”
เมื่อแม่ของเขาพูดจบก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที จางไห่เฟิงรีบตะโกนตามออกไปทันที “แม่ครับ แม่ต้องกลับมาแน่นะครับ”
ในชั่วพริบตา ห้องผู้ป่วยก็กลายเป็นเงียบสงัด เหลือจางไห่เฟิงอยู่เพียงคนเดียว
จางไห่เฟิงกำหมัดแน่นพร้อมกระหน่ำชกไปที่เตียงของเขา แล้วกัดฟันพูดว่า “เย่ชิงหยู่ ฟางเหยียน ฉันจะให้พวกแกใช้เลือกชดใช้เลือด!”
——
สำนักงานเฉิงฉู่กรุ๊ป
“นายน้อย นี่คือชาของท่านค่ะ!” หญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งหน้าจัด สวมเสื้อผ้าผู้หญิงสไตล์ทำงานออฟฟิศเลดี้และถุงเท้าตาข่ายสีดำ ท่าทางดูมีเสน่ห์ เดินบิดสะโพกตรงเข้ามาหาเฉิงฉู่ที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน ในมือถือชามาเสิร์ฟแก้วหนึ่ง
เสื้อผ้าของผู้หญิงคนนี้ไม่ติดกระดุมสองเม็ดอย่างจงใจ ดังนั้นก็เลยมีเส้นแบ่งของร่องอกโผล่ออกมา เมื่อโน้มตัวลง เธอก็จงใจปล่อยให้เฉิงฉู่ซึ่งอยู่ด้านหน้าเธอมองเห็นเส้นแบ่งของร่องอก
ต้องบอกเลยว่า ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างดีเยี่ยมจริงๆ ทั้งรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ส่วนเว้าโค้งข้างด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงรูปลักษณ์ของเธอก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน
เฉิงฉู่มองไปยังสายอาชีพของหญิงสาว แล้วแววตาก็เปลี่ยนไปในทันที จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงคนนั้น พอดีกับที่สายตาของผู้หญิงคนนั้นก็จ้องมองมาที่ตัวเองด้วย สายตาคู่นั้นของเธอให้ความรู้สึกยั่วยวนอย่างอธิบายไม่ถูกอยู่ด้วย
“เธอเป็นใคร?” เฉิงฉู่ถาม
หญิงสาวตอบว่า “ฉันเป็นรองผู้จัดการแผนกโครงการ ชื่อว่าหลี่เสว่ เห็นว่านายน้อยลำบากทำโอทีอยู่ที่นี่ ก็เลยรินน้ำชามาให้ท่านสักแก้ว หวังว่านายน้อยจะไม่โทษฉันนะคะ”
“อ่อ? ได้ยินว่าเธอแต่งงานแล้วสินะ? ที่บริษัทพากันเรียกเธอว่าอะไรนะ? นักฆ่าโอตาคุ!” เฉิงฉู่ถาม