จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 173
หลี่เสว่พยักหน้าเอ่ยอย่างไม่ใคร่สบายใจ “นายน้อยอย่าพูดแบบนี้สิคะ”
“ฮ่าๆๆ!” เฉิงฉู่หัวเราะ สอดส่ายสายตาพินิจที่ตัวหลี่เสว่ หลี่เสว่คนนี้มีอายุสามสิบ นับว่าเป็นหญิงวัยสุกงอมที่อยู่ในกฎระเบียบ นอกจากร่างกายที่งดงามสมบูรณ์แบบแล้ว ที่ตัวเธอยังแฝงไปด้วยเสน่ห์อันบริสุทธิ์เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง
นี่ก็คือรสชาติหลังจากถูกชีวิตหล่อเลี้ยงมา เป็นสิ่งที่ไม่อาจพบเห็นได้บนตัวของเด็กสาวเหล่านั้น
เฉิงฉู่มองหลี่เสว่ที่กำลังเทน้ำ พลันยกมือมาจับมือน้อยของเธอไว้
“นายน้อย!”หลี่เสว่ราวกับได้รับความตกใจ ทั้งร่างโซซัดโซเซก้าวไปหลายก้าว
ซวนเซจนล้มไปทางฉู่เฉิง ร่างอ่อนนุ่มของเธอล้มอยู่บนตัวของเฉิงฉู่พอดิบพอดี เฉิงฉู่เองก็รับหลี่เสว่ไว้ตามจิตสำนึก ถลาลงอ้อมอกของเฉิงฉู่ หลี่เสว่ร้องเสียงเบาทีหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ขอโทษด้วยค่ะนายน้อย ฉันไม่ได้ตั้งใจ เมื่อครู่ฉันสะดุดส้นสูงของตัวเองไปนิดหน่อย ขอโทษจริง ๆ นะคะนายน้อย”
ขณะพูดเธอก็จัดการรองเท้าส้นสูงบนเท้าของเธอด้วยท่าทีมีเจตนา จากนั้นจึงพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่ว่าสองมือของเฉิงฉู่กลับโอบเอวเธอไว้อย่างเจตนา ไม่ให้เธอลุกออกจากอ้อมอกของเฉิงฉู่
เธอร้องอุ๊ยทีหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยกับเฉิงฉู่อย่างไม่ใคร่สบายใจว่า “นายน้อยฉัน…”
เฉิงฉู่ยกมือขึ้นมาแตะที่ปากของเธอ เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ผมคิดว่าแบบนี้ก็ดีมากนะ”
เฉิงฉู่โอบกอดหลี่เสว่เอาไว้อย่างแนบแน่น จากนั้นมือของเขาจึงเริ่มสำรวจตรวจตราบนร่างกายของเธอ
คนที่สติปัญญายังดีอยู่แค่มองก็รู้ว่าหลี่เสว่คนนี้คิดจะทำอะไร ส่งตัวเองเข้าอ้อมกอดแบบนั้นก็คงอยากประจบประแจงนายน้อย ท่านนี้ของตระกูลเฉิงเป็นแน่ เฉิงฉู่เป็นถึง นายน้อยของตระกูลเฉิงแห่งเจียงตู และตระกูลเฉิงยังเป็นตระกูลใหญ่อันดับสองแห่งเจียงตูอีกด้วย เบื้องหลังชาติตระกูลเช่นนี้ หากใครเกาะเอาไว้ได้ นั่นก็เท่ากับได้เสพสุขในเกียรติยศเงินทองไปทั้งชีวิต อยู่ใกล้เขาเพียงนั้น ใครจะไม่อยากส่งตัวเข้าอ้อมกอดของเขาเล่า
ผู้หญิงทั้งบริษัทแทบจะคิดอยู่ทุกวี่วันว่าจะส่งตัวเองไปอยู่ในอ้อมกอดของเฉิงฉู่อย่างไร หลี่เสว่เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ต่อให้เคยแต่งงานมาแล้ว แต่ถ้าประจบประแจง นายน้อยของตระกูลเฉิงคนนี้ไว้ได้ ก็ดีกว่าอะไรทั้งสิ้น
วันนี้อาศัยตอนที่ไม่มีใครอยู่ในบริษัท เธอก็อาศัยข้ออ้างในการเสิร์ฟน้ำชาเข้ามาในห้องทำงานของเฉิงฉู่ นี่อย่างไร ตรงกับเจตนาของเธอพอดี เฉิงฉู่เองก็ไม่ธรรมดา ลงมือตามอำเภอใจเสียเลย
หลังเฉิงฉู่ลงมือสำรวจตรวจตราบนตัวของหลี่เสว่แล้ว จึงโอบกอดเธอเข้ามา
หลี่เสว่หอบหายใจ เธอคว้ามือของเฉิงฉู่เอาไว้ “นายน้อยคุณกำลังทำอะไรคะ ฉันเคยแต่งงานแล้วนะคะ ฉันเป็นผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้ว ทำแบบนี้เกรงว่าจะไม่ดีนัก!”
เฉิงฉู่หัวเราะหึหึเอ่ย “เคยแต่งงานแล้วยังไง นี่เป็นเจตนาของคุณเองไม่ใช่เหรอ เป็นคุณเองที่ส่งตัวเข้ามา ผมจะทำอะไร คุณก็น่าจะรู้ดีนะ ผมชอบผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้วแบบคุณนี่แหละ”
เดิมทีเฉิงฉู่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร เขาชอบเย่ชิงหยู่ก็จริง แต่ความชอบแบบนั้นไม่ใช่ความชอบที่แท้จริง แต่เป็นเพียงความชอบที่อยากได้เธอมา สำหรับพวกเขาที่เป็น นายน้อยตระกูลร่ำรวยแล้ว สิ่งที่ไม่อาจได้มาล้วนเป็นรสชาติอันงดงามตลอดไป
นับแต่รู้จักเย่ชิงหยู่ เขาก็เกิดความรู้สึกสนใจในผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้วขึ้นมา สาวน้อยที่ยังไม่เคยแต่งงานกลับไม่เข้าตาเขาเท่าใด เพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงแบบนั้นไม่มีความหมายเท่าใดนัก
เมื่อมองอากัปกิริยาของเฉิงฉู่แล้ว หลี่เสว่ก็เอ่ยอย่างตื่นกังวล “นายน้อยพวกเราอยู่ตรงนี้กันคงจะไม่ค่อยเหมาะนัก! ที่นี่คือบริษัทนะ หากว่าอีกครู่ถูกคนพบเห็นเข้าจะทำอย่างไร หรือไม่ หรือไม่ เราเปลี่ยนสถานที่กันเถอะค่ะ!”
หลี่เสว่มีเจตนาเข้าใกล้เฉิงฉู่ก็จริง แต่เธอนึกไม่ถึงว่าเฉิงฉู่จะลงมือทันทีแบบนี้ หากถูกคนพบเข้าในบริษัท จะไม่ดีต่อชื่อเสียงของเธอ ยังไงเธอก็เป็นคนที่เคยแต่งงานมาก่อน
เฉิงฉู่เอ่ย “กลัวอะไรเล่า ที่นี่เป็นอาณาบริเวณของผม หากทำอะไรที่นี่ ต่อให้มีคนรู้เข้า ก็ไม่กล้าพูดอะไรหรอก คุณวางใจได้ ตำแหน่งผู้จัดการใหญ่แผนกโครงการน่ะผมจะเก็บไว้ให้คุณ”
หลังได้ยินคำกล่าวนี้ หลี่เสว่ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นอีกแบบหนึ่ง
ความจริงแล้วในใจของเฉิงฉู่ก็ยังคำนึงถึงเย่ชิงหยู่ และเพราะหญิงคนนี้เคยแต่งงานพอดี เขาถึงได้ทำเช่นนี้
สิบนาทีต่อมา เฉิงฉู่นั่งบนเก้าอี้นั่งอย่างอ่อนแรง เขามองหลี่เสว่พลางเอ่ย “หมดเรื่องแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ! รอตอนไหนที่ผมต้องการคุณ ผมจะเรียกคุณเอง”
หลี่เสว่จัดระเบียบเสื้อผ้าไปด้วย พยักหน้าเอ่ยไปด้วย “ค่ะ ฉันทราบแล้ว นายน้อย”
เอ่ยจบเธอก็เดินออกไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์สายหนึ่งก็ต่อสายมา เฉิงฉู่ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ เสียงแหบพร่าของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมา
“เสี่ยวฉู่ ใช่นายรึเปล่า”
“อารอง!” เฉิงฉู่ร้องเอ่ยอย่างแปลกใจอยู่บ้าง แล้วจึงกล่าวว่า “ผมเองครับอารอง”
เสียงของโทรศัพท์สายนั้นเอ่ย “คนคนนั้นที่นายให้ฉันตรวจสอบ ฉันตรวจสอบพบแล้ว ชื่อฟางเหยียน ห้าปีก่อนเข้ากองทัพไปเป็นทหารที่เมืองจินโจว ถูกจัดสรรไปเป็นทหารประจำการที่ตะวันตกเฉียงเหนือ ปีนี้ถึงอายุปลดประจำการพอดี เขาจึงปลดประจำการแล้ว”
เฉิงฉู่ชะงักครู่หนึ่ง พลางเอ่ยถาม “พื้น ๆ แค่นั้นเองเหรอครับอารอง!“
เสียงนั้นเอ่ยต่อ “ระเบียนข้อมูลของเขาเขียนไว้พื้น ๆ แค่นั้นแหละ แต่เขายังมีระเบียนลับสุดยอดชุดหนึ่ง ก็คือระเบียนลับสุดยอดของเขาเอง เป็นระเบียนลับสุดยอดของชาติ คนที่มีระเบียนลับสุดยอดนี้ได้ ล้วนแต่เป็นคนชั้นยอดของชาติ ปกติพวกเขาจะมีสองสถานะ หนึ่งคือสถานะแสนธรรมดาที่ปลอมแปลงขึ้นมา ส่วนอีกหนึ่งเป็นความลับ ถูกปิดผนึกไว้ในระเบียนลับสุดยอดของชาติ มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือคนคนนี้เป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ของชาติ ส่วนอีกหนึ่งความเป็นไปได้ คือคนคนนี้เป็นคนในหน่วยลับแห่งชาติ มีสถานะพิเศษ ดังนั้นระเบียนจึงกลายเป็นลับสุดยอด”
เมื่อเฉิงฉู่ได้ยินคำกล่าวนี้ เหงื่อที่หลั่งไปเมื่อครู่ก็เยียบเย็นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม ความลับสุดยอด คนของหน่วยลับแห่งชาติ สถานะพิเศษ คำกล่าวนี้เป็น อารองของเขาที่เอ่ยออกมาจากปากเอง
อารองของเขาเป็นถึงยอดฝีมือด้านการข่าว ไม่ว่าข้อมูลอะไรก็ล้วนรวบรวมได้! เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จแน่
“เสี่ยวฉู่ นายยังฟังอยู่หรือเปล่าน่ะ” อารองในสายนั้นส่งเสียงออกมาต่อ
เฉิงฉู่เอ่ย “ครับผม ผมกำลังฟังอยู่ อารองงั้น อารองพอจะทราบได้ไหมว่าสถานะของเขาคืออะไรกันแน่”
“เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นระเบียนลับสุดยอด ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะล่วงรู้ได้ ถ้าฉันรู้เข้า งั้นนี่ก็ไม่ใช่ระเบียนลับสุดยอดอะไรนั่นแล้ว ใช่แล้ว นายตรวจสอบคนคนนี้ไปทำไมกัน คราวหน้าหากเจอคนที่สถานะไม่ชัดเจนแบบนี้ อย่าไปล่วงเกินเขาจะดีที่สุด”
เฉิงฉู่เอ่ย “ครับๆๆ ผมทราบแล้ว อารอง“
“นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ ว่าทำไมนายถึงตรวจสอบคนคนนี้ เพราะไปล่วงเกินเขาเข้าหรือเปล่า” เสียง อารองของเขาคมกริบนัก ราวกับแต่ละคำล้วนกลัดลงใจคนได้
เฉิงฉู่เอ่ย “เปล่าครับ อารองผมไม่ได้ล่วงเกินเขา!”
“อื้อ งั้นก็ดี ฉันไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ ขอเพียงแต่สถานะเป็นลับสุดยอด ก็ไปล่วงเกินไม่ได้ทั้งนั้น! ตระกูลเฉิงของเราล่วงเกินไม่ไหวหรอกนะ!”
ทั้งสองทอดถอนหายใจหนึ่งที โทรศัพท์ก็ตัดสายไป ชั่วครู่เฉิงฉู่ก็นั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงบนเก้าอี้ แม้แต่อารองของเขายังตรวจสอบสถานะคนคนนี้ไม่ออก ดูท่าที่มาของเขาคงจะยิ่งใหญ่มาก
ในขณะที่ทั้งสมองเฉิงฉู่จมดิ่งไปท่ามกลางความเคลือบแคลง โทรศัพท์สายหนึ่งก็พลันดังขึ้นมา
สายนั้นมีเสียงเสนาะหูของหญิงคนหนึ่งดังขึ้น “ฮัลโหล เฉิงฉู่ ฉันคือเย่ชิงหยู่ คืนนี้คุณว่างหรือเปล่า”