จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 177
นัยน์ตาเทียนขุยแดง เปี่ยมไอสังหาร ทว่าเห็นได้ชัดว่าชายชราค่อนข้างมีใจแต่ไร้กำลังแล้ว เขาหัวเราะเหอๆ แล้วเอ่ยว่า “กำปั้นแกทรงพลังจริงๆ เป็นไปได้ว่าอีกไม่นาน แกก็น่าจะฝ่าด่านไปถึงขั้นต้าชี่แล้วได้แล้วมั้ง? ”
“พล่ามให้น้อยหน่อย! รับความตายซะ!” เทียนขุยระดมพลังทั้งหมดในร่างเข้าห้ำหั่นกับชายชรา
ชายชรามองเทียนขุยอย่างชื่นชมแล้วพูดว่า “ประเทศหัวมีอัจฉริยะอย่างแกได้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ อายุแค่นี้ก็ฝึกฝนหมัดคู่แบบนี้ออกมาได้แล้ว แถมยังบรรลุเป็นนินจาระดับสูงแล้วด้วย ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
“เพียงแต่ น่าเสียดายนะ น่าเสียดายที่แกมาเจอฉัน อายุขัยแกสั้นเกินไปแล้ว!”
พอกล่าวจบ ชายชราก็ยกเท้าถีบเข้าที่ทรวงอกของเทียนขุย
เทียนขุยถูกลูกถีบนี้โจมตีให้ถอยกรูดไป เขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็มีเสียงกึกก้องปานฟ้าผ่าดังขึ้นแล้ว
“แปดทิศ ทะยาน!”
วาจานี้เปล่งออกมาจากปากของชายชรา เทียนขุยเบิกตากว้าง มองเห็นเพียงหมัดคู่หนึ่งที่แฝงเปลวอัคคีไว้พุ่งเข้าใส่ตัวเอง เทียนขุยยกกำปั้นขึ้นมาตั้งรับการโจมตีจากหมัดคู่นี้ตามสัญชาตญาณ
กระแทกเข้าใส่แล้ว สัมผัสได้ในทันใดว่ากำปั้นของตนชนเข้ากับแผ่นเหล็กหน้าสิบเมตร
“ปัง!” เขารู้สึกถึงเสียงแตกร้าวของกระดูกมือทั้งคู่ของตนได้อยู่ลึกๆ
เครื่องเรือนไม่กี่ชิ้นที่อยู่ภายในห้องโถง ยังมีตรวนเหล็กไม่กี่เส้นนั้นด้วย ทั้งหมดล้วนถูกสะเทือนจนตกอยู่บนพื้น
พลังนี้ มันช่างสุดยอดอะไรเยี่ยงนี้!
ขั้นต้าชี่ก็คือขั้นต้าชี่ เป็นขั้นที่เหนือกว่าขั้นสูงไประดับหนึ่ง!
สมองของเทียนขุยไม่มีเวลาได้ใคร่ครวญมากนัก ร่างกายก็ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงจนกระเด็นออกไปแล้ว
“ปัง!” ร่างของเขากระแทกใส่ผนัง จากนั้นก็ร่วงลงมา กระอักโลหิตสดๆ ออกมาอย่างรุนแรง ขายกมือขึ้นทันที แต่กลับพบว่า ไม่อาจควบคุมมือได้แล้ว
กระดูกแขนแตกหัก กระดูกข้อนิ้วยิ่งแหลกละเอียด
พังแล้ว! มือของเขาใช้การไม่ได้แล้ว!
ชายชราเก็บมือกลับไปแล้ว สาวเท้าเดินเข้ามาเบื้องหน้าของเทียนขุยอย่างไม่เร่งร้อน เอ่ยอย่างอนิจจัง “แก้แข็งแกร่งมากจริงๆ แต่นินจาระดับสูงไม่มีวันเอาชนะขั้นต้าชี่ได้ นี่คือกฏเกณฑ์ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ไปตลอดกาล”
เทียนขุยถลึงตามองชายชราอย่างโกรธเกรี้ยว แววตายังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เขาไม่เปล่งวาจาเลย ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร เขาไม่มีอะไรจะพูด ตอนนี้ เขาค่อนข้างสำนึกเสียใจที่ไม่ได้แจ้งให้โผ้จวินทราบ เขาประเมินความสามารถของตัวเองไว้สูงเกินเกินไป
“แต่พูดในทางกลับกันแล้ว แกอายุแค่นี้ก็มีพัฒนาการมากขนาดนี้แล้ว ในอนาคตอาจจะฝ่าทะลวงไปถึงขั้นต้าชี่ก็ได้ แต่น่าเสียดาย อายุขัยแกสั้นเกินไปแล้ว!” พอชายชราพูดจบ ก็ก้าวข้ามร่างของเทียนขุยไปทันที
เขาเดินไปถึงด้านข้างของศพสองร่างนั้นที่อยู่ด้านหลังเทียนขุย มองแวบเดียวก็เห็นซากศพที่มีแผลบากแล้ว สีหน้าเขาครึ้มลง หลังจากถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก็คว้าซากศพที่มีรอยแผลบากขึ้นมา เอ่ยว่า “เด็กคนนี้ติดตามฉันตอนห้าขวบ ชีวิตลำบากมาแต่เล็ก ฉันไม่นึกเลยว่าจุดจบของเขาลงเอยแบบนี้ แกสบายใจเถอะ อาจารย์จะล้างแค้นให้แก และจำฝังศพให้แกด้วย”
พอพูดจบ เขาก็หิ้วศพมาไว้ตรงหน้าของเทียนขุย เอ่ยว่า “ไอ้หนุ่ม จะมอบโอกาสรอดชีวิตให้แกแล้วกัน ถ้าคุกเข่าโขกศีรษะขอขมาลูกศิษย์ฉัน ฉันจะเหลือทางรอดชีวิตให้แก”
เทียนขุยหัวเราะฮ่าๆ จากนั้นก็ถลึงตามองชายชรา เอ่ยอย่างเคืองขุ่น “ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร แกจะฆ่าก็ฆ่าเถอะ! แต่ว่า แกทำพลาดไปเรื่องหนึ่งแล้ว คนที่ฆ่าลูกศิษย์ของแกไม่ใช่ฉัน”
เทียนขุยเป็นนักรบของกองทัพ ไม่ไยดีความเป็นความตายตั้งนานแล้ว แล้วเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะคุกเข่าโขกศีรษะให้คนอื่นเพื่อเอาชีวิตรอด นักรบมีเพียงสู้จนตัวตายเท่านั้น ไม่มีทางตายอย่างขี้ขลาด!
สีหน้าชายชราแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยถาม“แกว่าอะไรนะ? แกไม่ได้ฆ่าเหรอ?”
เทียนขุยร้องเฮอะคราหนึ่ง พูดไปว่า “ฆ่าเถอะ ถ้าแกกล้าพอก็ฆ่าฉันเลย เบื้องบนของฉันไม่ทีทางละเว้นแกแน่!”
ชายชราหรี่ตามองเทียนขุย ขนาดเขายังร้ายกาจขนาดนี้ หรือว่าเบื้องบนของเขาก้เป็นเช่นเดียวกับตน? เป็นยอดฝีมือขั้นต้าชี่คนหนึ่งหรือ? หากว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ งั้นคนๆ นี้เป็นใครกัน?
เขาไม่มีเวลาพอให้คิดมากมายขนาดนั้น ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ได้! เป็นชายชาตรีจริงๆ งั้นฉันจะฆ่าแกซะ แล้วค่อยเขามาล้างแค้นฉัน จำชื่อของฉันเอาไว้ล่ะ ฉันชื่ออ๋าวไท่!”
ทันทีที่เอ่ยจบ หมัดของเขาก็ทุบลงบนศีรษะของเทียนขุยอย่างหนักหน่วง ดวงตาของเทียนขุยไร้แววไปในทันใด มีโลหิตคาวเหียนไหลรินออกมาจากปาก
เทียนขุยแพ้แล้ว! แพ้อย่างหมดท่า!
แต่เขาได้สู้แล้ว แพ้การต่อสู้ ไม่มีอะไรให้อับอาย
เทียนขุยแตกต่างกับหน้าบาก เขามีความปรารถนาจะเอาชนะ บนโลกใบนี้ นอกจากโผ้จวินที่สามารถสยบเขาได้แล้ว ก็ไม่มีใครที่ทำให้เขาเลื่อมใสอย่างหมดหัวใจได้อีกเลย แม้ว่าจะพ่ายแพ้แล้ว ก็ไม่มีทาง!
และเป็นเพราะมีจิตใจเช่นนี้ ถึงได้ทำให้เทียนขุยยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้จนกระทั่งตื่นขึ้นมาแล้วต่อสายหาฟางเหยียน หลังจากต่อสายสำเร็จ เขาก็สลบไปอีกครั้ง จนกระทั่งยามนี้ ถึงได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“โผ้จวิน ขอโทษนะครับ ทุกอย่างเป็นความผิดของผม! เป็นผมจัดการได้ไม่ดี ผมผยองจนเกิดเรื่อง ถ้าผมรายงานให้โผ้จวินทราบ ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โผ้จวินโปรดลงโทษด้วย” เทียนขุยยังคงมองฟางเหยียนด้วยสีหน้าสัตย์ซื่อ
ฟางเหยียนส่ายหน้า ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยพึมพำ “อ๋าวไท่!”
จากนั้นเขาก็ก้มหน้ามองเทียนขุยแล้วเอ่ยถาม “นายอยากล้างแค้นไหม?”
เทียนขุยเบิกตากว้างเอ่ยตอบ “แน่นอนว่าอยาก!” แต่พอเขานึกถึงสองมือของตนขึ้นมา ก็เอ่ยอย่างสิ้นหวัง “โผ้จวิน เกรงว่าเทียนขุยจะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ไม่สามารถอยู่เคียงข้างโผ้จวินได้อีกแล้ว ความแค้นนี้ เกรงว่าผม…”
“เทียนขุย!” ฟางเหยียนเรียกชื่อเขา กล่าวไปว่า “ความแค้นของตัวเองก็ต้องสะสางเอง! ฉันจะฟื้นฟูนายให้ได้ แต่ว่า ฉันมีข้อเรียกร้องหนึ่งต่อนาย ฆ่าอ๋าวไท่ซะ”
เมื่อมองดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นคู่นั้นของฟางเหยียน แววตาของเทียนขุยจึงแปรเปลี่ยนเป็นซาบซึ้งตื้นตันยิ่งขึ้น
เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่นกล่าวไปว่า “ขอบคุณนะครับ โผ้จวิน!”
ความแค้นของเขาแน่นอนว่าเขาต้องสะสางเอง ได้ฆ่าศัตรูที่ต้องการสังหารตนคนนั้นให้ตายซะ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในโลกใบนี้แล้ว
เวลานี้ ฟางเหยียนหยิบมือถือขึ้นมาแล้วต่อสายโทรออกแล้ว
“ซ่งฉาวอู่ ฉันมีเรื่องให้นายช่วย” คำพูดของฟางเหยียนไม่คล้ายขอร้อง แต่คล้ายสั่งการ
ตอนที่ซ่งฉาวอู่ได้รับสายเรียกเข้านี้ เขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ทุกวันเขาล้วนอกสั่นขวัยแขวนยิ่งว่านของกองทัพนั้นจะมาเอาคืนเขา เป็นเหตุให้เส้นประสาทของเขาค่อนข้างตื่นตัวอยู่ตลอด เวลาได้ยินเสียงคนเคาะประตูหรือว่ามารายงานเรื่องราว ล้วนจะหวาดกลัวเป็นพิเศษ จวบจนได้รับสายเรียกเข้านี้ หัวใจที่แขวนแกว่งไกวอยู่ดวงนั้นของเขาถึงได้ผ่อนคลายลงมาบ้าง
อย่างน้อยเขาก็เอ่ยปากว่าต้องการความช่วยเหลือจากตน ขอเพียงต้องการความช่วยเหลือของตน นั่นก็ชัดแล้วว่าจะไม่เอาโทษตน
“ท่านว่ามาเลย! จอมพล” ซ่งฉาวอู่พยายามระงับความตื่นเต้นในหัวใจตัวเอง ตอบกลับอย่างฮึกเหิม
“ฉันต้องการเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งเพื่อไปรับเทียนขุย และจัดหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในภูมิภาคให้เขา ฉันจะส่งพิกัดให้นายเดี๋ยวนี้” พอพูดจบทางนั้นก็ตัดสายไปเลย
หัวใจอขงซ่งฉาวอู่เปี่ยมไปด้วยความยินดี นี่เป็นการช่วยเหลือวีรบุรุษของประเทศหัวเชียวนะ นี่ช่างเป็นเกียรติมากเหลือเกิน
ไม่นานนัก เฮลิคอปเตอร์สามลำของภูมิภาคขับเข้ามาที่ฐานของพวกเขา พอลงจากเครื่องบิน ซ่งฉาวอู่ก็มองเห็นฟางเหยียนที่อุ้มเทียนขุยเอาไว้ จากนั้นมองซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น เบิกตากว้างทันที
“โผ้จวิน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” ซ่งฉาวอู่ถามอย่างประหลาดใจ
——-