จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 183
ฟางเหยียนโบกมือไปมา “โอเคๆ นายลุกขึ้นมาเถอะ”
เฮียเตาลุกขึ้นมาและโค้งตัวให้ฟางเหยียน ท่าทางของเขาเหมือนคนที่พร้อมจะทำตามทุกอย่าง
ฟางเหยียนเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้ถ้าฉันคิดได้แล้วจะบอกนายอีกที”
พูดจบเขาก็จูงมือเวินหลานแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ!”
เขาพูดแค่นั้นและพาเวินหลานออกมาจากเฮียเตา
เวินกวางมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างตกตะลึง เฮียเตาเป็นตำนานในใจของเขา เมื่อกี้เขาคุกเข่าให้คนๆ นั้น งั้นก็แสดงว่าคนนั้นเจ๋งกว่าเฮียเตา คนที่เจ๋งกว่าเฮียเตาก็ต้องเป็นเจ้าพ่อที่แท้จริงอย่างแน่นอน
เขาพาพี่สาวของตัวเองไปแล้ว เขาต้องเป็นแฟนของพี่แน่ๆ ถ้าเขาเป็นแฟนของพี่ก็ต้องเป็นพี่เขยของตัวเองสินะ ถ้าทำงานกับพี่เขยของตัวเองก็น่าจะมีอนาคตมากกว่าไม่ใช่เหรอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เวินกวางก็พุ่งไปหาฟางเหยียนที่กำลังเดินออกไปด้วยท่าทางดีใจ “รอผมด้วยสิพี่เขย!”
เมื่อมองคนที่เดินออกไป เฮียเตาถึงกับยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ จากนั้นจึงพูดว่า “ผู้หญิงข้างกายของคนมีอำนาจนั้นไม่ธรรมดา ไม่ใช่ดาราก็เป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียง ดูเหมือนว่าชาตินี้ฉันคงไม่มีทางได้กินผู้หญิงสวยๆ”
ลูกน้องที่ยืนข้างๆ เฮียเตาหัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “เฮียเตา ผมว่าพี่สะใภ้ก็ไม่เลวนะ”
เฮียเตาอึ้งไป จากนั้นก็มองลูกน้องแล้วพูดว่า “แกคิดอะไรกับพี่สะใภ้เหรอ”
ชายคนนั้นพูดตะกุกตะกัก “เปล่าครับๆ ไม่มีเรื่องแบบนั้นครับ ผมจะมีความคิดทรยศแบบนั้นได้ยังไงกันครับ”
เฮียเตาส่งเสียงหึออกมา จากนั้นก็ขึ้นรถด้วยความหงุดหงิด
ฟางเหยียนเดินไปกับเวินหลาน
เขาจูงมือของเวินหลานเดินไปข้างหน้า ส่วนเวินหลานที่เดินตามอยู่ข้างหลังรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ได้รับการปกป้องจากคนอื่น ถ้าสามารถเดินตามฟางเหยียนและโดนเขาปกป้องตลอดไปก็คงจะดี
ผู้หญิงคนนั้นก็ประหลาด มีผู้ชายที่เลิศเลออย่างฟางเหยียนอยู่แล้ว ทำไมถึงไปเดทกับผู้ชายคนอื่นอีก เวินหลานไม่เข้าใจจริงๆ
จู่ๆ ฟางเหยียนก็ปล่อยแขนของเธอ “เธอกลับไปเถอะ”
เวินหลานอุทานออกมาอย่างงงๆ แล้วถามว่า “คุณล่ะ”
ฟางเหยียนพูดว่า “กลับบ้านสิ”
“ไม่ใช่” เวินหลานจับแขนของฟางเหยียนเอาไว้ เธอถามอย่างเขินอายว่า “คุณรู้ว่าฉันโดนกลั่นแกล้ง เลยจงใจกลับมาช่วยฉันใช่ไหม”
ฟางเหยียนมองแก้มของเวินหลาน เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าผมต้องว่าไม่ใช่ คุณจะเชื่อไหม”
เวินหลานส่ายหน้า “ฉันไม่เชื่อ!”
“แต่ยังไงก็ขอบใจนะ คุณทำให้ฉันมีวันเกิดที่ยากจะลืมอีกแล้ว ฉันจะจดจำคุณไว้ตลอดไป” เวินหลานพูดกับฟางเหยียน
ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ตลอดไปเหรอ อย่าดีกว่า”
“ไม่!” จู่ๆ เวินหลานก็จับคอของฟางเหยียนเอาไว้ เธอเขย่งเท้าขึ้นไปหอมแก้มเขา
มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนฟางเหยียนไม่ทันตั้งตัว เขาอึ้งไป
“ขอบใจนะ ฉันก็อยากให้คุณจำไว้เหมือนกันว่าเคยหอมแก้มคุณ” เวินหลานพูดขึ้นอีกครั้ง
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง “พี่เขย พี่เขย!”
ไม่ใช่เสียงของใครที่ไหน เป็นเสียงของเวินกวางนั่นเอง
ทั้งสองมองตามเสียง เห็นเวินกวางกำลังวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าดีใจ
เขาวิ่งเข้ามาหาฟางเหยียนกับเวินหลาน เขาพูดขึ้นมาด้วยเสียงหอบ “พี่ไม่ยุติธรรมเลย มีพี่เขยที่เจ๋งขนาดนี้ก็ไม่บอกผม ถ้าพี่บอกผมเร็วกว่านี้ ผมคงไม่ไปอยู่กับเฮียเตา แล้วมาอยู่กับพี่เขยดีกว่า”
“เพียะ!” เพิ่งพูดจบ เวินหลานก็ยกมือขึ้นมาตบบ้องหูเวินกวาง
แรงตบนี้ทำให้เขางงไปหมด เขาเงยหน้าขึ้นมามองเวินหลาน และถามด้วยความโกรธว่า “พี่ตบผมทำไม!”
เวินหลานส่งเสียงไม่พอใจแล้วพูดว่า “ทำไมงั้นเหรอ แกยังไม่รู้อีกเหรอว่าทำไม ดูสิ่งที่แกทำสิ ถ้าวันนี้ไม่มีฟางเหยียน แกรู้ไหมว่าไอ้ลูกพี่ของแกมันจะทำอะไรฉัน”
เวินกวางก้มหน้าแล้วพูดอย่างรู้สึกผิด “ผมก็โดนหลอกเหมือนกัน ผมคิดว่าเขาแค่อยากจะร้องเพลงกับพี่เท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าเฮียเตาจะคิดแบบนั้น ถ้าผมรู้ ผมก็ไม่ทำแบบนี้หรอก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ยังดีที่พี่เขยมาทันเวลา”
“เพีย!” เสียงตบดังขึ้นมาอีก เวินกวางโดนตบจนหน้าหัน เวินหลานพูดออกมาอย่างเคียดแค้นว่า “ไสหัวไปจากสายตาของฉันเลยนะ ตั้งแต่วันนี้ไปฉันไม่อยากเห็นหน้าแก แกไม่ใช่น้องชายของฉันอีกต่อไป เราตัดความสัมพันธ์กันตั้งแต่วันนี้”
เวินกวางเอามือกุมหน้า เขาพูดขึ้นมาอย่างหน้าไม่อายว่า “พี่ ในโลกนี้เหลือเราแค่สองคนแล้วนะ ถ้าพี่ตัดความสัมพันธ์กับผม พี่ก็ไม่เหลือใครแล้ว” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เวินกวางก็หน้าด้านขึ้นมาสุดขีด
เวินหลานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ได้ งั้นฉันยอมไม่มีคนสนิท มีคนสนิทอย่างแกสู้มีคนแปลกหน้ายังจะดีกว่า”
เวินกวางพูดขึ้นมาว่า “อย่าพูดแบบนั้นสิพี่ เลือดข้นกว่าน้ำนะ ทำไมพี่ถึง…”
“หุบปาก!” เวินหลานง้างมือขึ้นมาหวังจะตบเป็นครั้งที่สาม เวินกวางเดินถอยไปด้านหลังเพื่อที่จะหลบ
เวินหลานชักมือกลับมา เธอหันไปมองฟางเหยียน “ขอโทษนะฟางเหยียน ฉันขอตัวก่อน เจอคนแบบนี้ฉันไม่มีหน้าจะอยู่กับคุณจริงๆ เขาทำให้ฉันอับอายมาก”
พูดจบเวินหลานก็หันหลังเดินออกไป เมื่อเห็นแผ่นหลังของเวินหลาน เวินกวางอยากจะพูดอะไรอีก แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา เขาหันไปหาฟางเหยียนแล้วถามอย่างแปลกใจ “พี่เขย พี่อยู่ในแก๊งไหนเหรอ มีฉายาไหม สะดวกบอกผมหรือเปล่า”
ฟางเหยียนมองเด็กไม่เอาไหนแล้วถามว่า “นายอยากรู้จักฉายาฉันไปทำไม”
เวินกวางหัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “ก็เอาไปพูดโม้ไง เฮียเตากลัวพี่ซะขนาดนั้น คนอื่นก็ต้องกลัวพี่เหมือนกัน ต่อไปถ้ามีคนมาแกล้งผม ผมจะพูดชื่อพี่ออกมา บอกว่าพี่เป็นพี่เขยของผม ดูสิยังมีใครกล้ามาเหิมเกริมกับผมอีกไหม ถึงตอนนั้นถ้าผมทำตัวขวางโลกในเมืองจินโจวยังไง ก็ไม่มีใครกล้ามาขัดขวางผมอีก”
เมื่อคิดถึงว่าต่อไปตัวเองจะสามารถทำตัวกร่างได้ เงินทองรวมถึงสาวสวยก็จะกรูเข้ามา คิดไปคิดมาเขาก็ยิ้มออกมา
“เหอะ!” ฟางเหยียนแสยะยิ้มออกมา เขาถามขึ้นว่า “นายรู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร”
เวินกวางยิ้มแล้วพูดว่า “รู้สิ วันนี้เป็นเทศกาลช้อปปิ้งสุดบ้าระห่ำไม่ใช่เหรอ ของในห้างลดราคาหมดทุกอย่าง”
ฟางเหยียนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “วันนี้เป็นวันเกิดของพี่สาวนาย”
พูดจบฟางเหยียนก็หันหลังเดินออกไป
เวินกวางเกาหัวแกรกๆ แล้วถามว่า “พี่เขยหมายความว่าอะไร”
แต่เมื่อเขามองไปก็ไม่เห็นเงาของฟางเหยียนแล้ว เขาอยากจะตามไป แต่ก็ไม่รู้จะตามไปทางไหน
“เดี๋ยวสิพี่เขย พี่ยังไม่บอกชื่อผมเลย ถ้าต่อไปผมโดนกลั่นแกล้งแล้วผมจะเรียกชื่อใครล่ะ” เวินกวางพูดออกมาท่ามกลางความมืดในซอยเล็กๆ
เขาไม่ได้ยินเสียงตอบรับก็กระทืบเท้าแล้วพูดว่า “ไม่น่าให้พี่เขยไปเลย เขาไปแล้วฉันจะหาเขายังไงเนี่ย”