จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 186
จางฉี่เหามองฟางเหยียนอย่างชื่นชม จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “นายคือทหารที่ดี เมื่ออยู่ในกองทัพรู้จักปกป้องประเทศ เมื่ออยู่ในครอบครัวก็รู้จักปกป้องคนในครอบครัว ฉันชื่นชมนายในจุดนี้มาก”
“ขอบคุณครับ!” เมื่อคุยกันเข้าใจแล้ว เย่ชิงหยู่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
ทำไมเธอจะไม่อยากอยู่กับครอบครัวอย่างสงบสุขล่ะ ภาพในตอนนี้คือภาพที่เย่ชิงหยู่อยากจะเห็น เธอหวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ทุกคนทานข้าวกันอย่างสงบสุข จู่ๆ ก็มีเสียงคนดังขึ้นมาจากข้างนอก
“เหล่าหลัว ฉันต้องการห้องหมายเลข 888 มันเป็นห้องที่ฉันอยากได้มาตลอดนะ นายรีบไปเอามาให้ฉันเลย วันนี้ฉันจะต้องต้อนรับแขกวีไอพี” เสียงที่ดูเหมือนเอาแต่ใจดังขึ้น
หลัวเทียนเยว่เจ้าของโรงแรมนานาชาติเทียนเยว่หัวเราะแหะๆ “พี่เจิ้ง คุณเอาห้องหมายเลข 666 เถอะ ห้องหมายเลข 888 มีคนจองไว้แล้ว แล้วตอนนี้พวกเขากำลังทานข้าวกันอยู่ด้วย”
“อะไรนะ” คนที่ชื่อพี่เจิ้งพูดออกมา “เหล่าหลัว ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม ฉันทานข้าวในห้องหมายเลข 888 มาตลอดไม่ใช่เหรอ งั้นฉันพูดอย่างนี้แล้วกัน ถ้านายเปลี่ยนโต๊ะอาหารให้ฉัน ฉันทานข้าวไม่ลงจริงๆ นะ”
หลัวเทียนเยว่พูดว่า “คุณไม่โทรมาบอกผมก่อน เดี๋ยวๆๆๆ ผมจะไปคุยกับคุณ”
“ไม่คุยแต่ต้องทำ คืนนี้มีแขกวีไอพี”
ไม่นาน ประตูห้องอาหารของฟางเหยียนก็ถูกผลักออก หลัวเทียนเยว่เจ้าของโรงแรมนานาชาติเทียนเยว่เดินเข้ามาพร้อมสีหน้ารู้สึกผิด เขาพูดกับคนพวกนี้ว่า “รบกวนทุกท่านสักครู่นะครับ มีแขกประจำของที่นี่ต้องการห้องอาหารของพวกคุณ ผมขอคุยเรื่องการเปลี่ยนห้องทานอาหารได้ไหมครับ”
จางฉี่เหาไม่ได้พูดอะไร จางซื่อตงก็รีบพูดขึ้นมาว่า “ไม่ได้ เราทานข้าวกันแล้ว จะเปลี่ยนได้ไง” เขาแจ้งสถานที่กับนักฆ่าคนนั้นแล้ว ถ้าเปลี่ยนที่แล้วนักฆ่าคนนั้นฆ่าคนอื่น จะทำยังไง
“ใช่ ทำอย่างนี้ได้ที่ไหนกัน ไม่ง่ายเลยกว่าเราจะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ยังจะมาให้เราเปลี่ยนที่อีก ทุกคนจ่ายเงินแล้ว มีสิทธิ์อะไรมาให้พวกเราเปลี่ยน ให้พวกเขาไปห้องอื่นไม่ได้เหรอ” ภรรยาของเขาพูดเสริม
การที่จะให้คนเปลี่ยนห้องอาหารอย่างกะทันหัน เป็นเรื่องที่ไม่มีมารยาท มารบกวนเวลาทานอาหารของพวกเขายังไม่เท่าไร แถมยังมาทำให้เสียหน้า ยังไงตระกูลจางก็เป็นตระกูลอันดับสอง จองห้องทานอาหารแล้วยังมาโดนไล่อีก นี่มันหมายความว่าอะไร
จางฉี่เหาพูดออกมาอย่างดุดัน “ฉันไม่ยอม!”
หลัวเทียนเยว่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “ทุกท่านได้โปรดเข้าใจ พวกที่อยู่ข้างนอกเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเมืองจินโจว มีคนที่ชื่อว่าชื่ออีที่อยู่ในเมืองของเรา อีกทั้งยังมีหัวหน้าในแผนกต่างๆ”
เย่ชิงหยู่ขมวดคิ้ว “หัวหน้าก็ไม่ควรทำแบบนี้ นี่เราทานข้าวกันแล้วนะ!”
เมื่อได้ยินเย่ชิงหยู่พูด ฟางเหยียนก็พูดขึ้นว่า “ใช่ กลับไปบอกพวกเขาว่าพวกเราไม่เปลี่ยน”
หลัวเทียนเยว่สีหน้าลำบากใจ แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงเมื่อกี้ เขาจึงหันไปมอง หลังจากเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงมุม เขาเกือบจะอุทานออกมา เป็นเขา เป็นคนๆ นั้น คุณชายของตระกูลฟาง
ไม่นานมานี้ตระกูลฟางได้ตั้งบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปที่เมืองจินโจว เพียงเพราะคุณชายของตระกูลฟาง เรื่องนี้ทุกคนรู้ดี หลัวเทียนเยว่อยู่ในสายงานนี้ เขาจึงรู้ว่าคุณชายตระกูลฟางคือใคร
ใช่แล้ว ฟางเหยียนคนที่อยู่ตรงหน้า คนที่เป็นลูกเขยที่แต่งเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเย่!
เขารู้เรื่องราวทั้งหมดแต่ไม่เคยพูดกับใคร เพราะคนแบบนี้เป็นคนที่ไม่ควรไปยั่วโมโห
ถ้าขืนพูดพล่อยๆ ออกมา ไม่แน่ชีวิตของเขาอาจจะหาไม่ก็ได้
ตระกูลฟางแห่งเจียงตู เป็นตระกูลที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงรีบก้มหน้าแล้วพูดว่า “ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
พูดจบเขาก็วิ่งตัวสั่นงันงกออกไปข้างนอก
คนในห้องอาหารต่างพากันอ้าปากค้าง คิดในใจว่าหลัวเทียนเยว่เปลี่ยนสีหน้าเร็วมาก เมื่อครู่ยังมีท่าทีกระอักกระอ่วน ทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ไปได้
เขาออกไปได้ไม่นาน น้ำเสียงหยาบกระด้างก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “อะไรนะ ไม่ยอมเปลี่ยนเหรอ! นายไม่ได้บอกเหรอว่าใครมา ฉันบอกนายแล้วไงว่านี่เป็นแขกวีไอพี ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา นายต้องรับผิดชอบ”
“ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าใครที่มันไม่ไว้หน้าฉันขนาดนี้”
“พี่เจิ้ง อย่าทำแบบนี้สิครับ ผมลำบากใจมากเลยนะครับ”
ไม่นาน ประตูห้องอาหารถูกผลักออกอีกครั้ง เห็นชายร่างอ้วนดำเดินเข้ามา เขากวาดตามองคนในห้องอาหารหมายเลข 888 จากนั้นจึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกนายไม่ยอมเปลี่ยนห้องอาหารเหรอ”
หลัวเทียนเยว่รีบพูดขึ้นมาว่า “ขอโทษนะครับทุกท่าน ผมอยากช่วยแต่ผมจนปัญญาจริงๆ ”
จางฉี่เหามองคนนั้นอย่างประเมิน คนอื่นไม่รู้จัก แต่เขารู้จักเจิ้งต้าไห่คนขับรถและผู้ช่วยของชื่ออี ความคิดของเขาก็คือความคิดของชื่ออี พวกเขาเป็นแค่ตระกูลระดับกลาง จะกล้ายั่วโมโหชื่ออีได้ยังไง
เขารีบยืนขึ้นและฝืนยิ้มออกมา เตรียมที่จะพูด
แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้พูดอะไร ก็โดนฟางเหยียนพูดขึ้นมาก่อนว่า “ใช่ ไม่เปลี่ยน!”
ใบหน้าชราของจางฉี่เหานิ่งไป เขารีบยิ้มแล้วพูดว่า “คุณเจิ้ง เรามาคุยกันดีกว่าครับ”
“ไม่ต้องคุณหรอกคุณตา ไม่เปลี่ยนก็คือไม่เปลี่ยน จะพาใครมาก็ช่วยไม่ได้หรอก ถ้าพวกเรายังไม่ได้เริ่มทานข้าวยังพอคุยกันได้ แต่นี่ทานข้าวกันแล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดกัน ถ้าเราออกไปตอนนี้ คนที่อยู่ข้างนอกจะมองเรายังไง แค่มากินข้าวก็ยังโดนคนไล่ ถ้าเรื่องนี้แดงออกไป ตระกูลจางจะมีหน้าในเมืองจินโจวอีกไหม” ท่าทางของฟางเหยียนแน่วแน่มาก คำพูดแต่ละคำเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม แต่ทว่าล้วนอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล
คนในตระกูลต่างพากันมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจิ้งต้าไห่ไม่ได้โง่ เขาหันไปมองฟางเหยียน
“เหอะๆ มีหน้างั้นเหรอ ถ้านายไม่ไปนายจะทำตัวลำบากในเมืองจินโจวนะ วันนี้นายรู้ไหมว่าแขกวีไอพีที่เชิญมาเป็นใคร” เจิ้งต้าไห่พูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่
ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย คุณหลัวเทียนเยว่ เอาเขาออกไป! เขาอยู่ตรงนี้ เรากินข้าวไม่ได้”
ทานข้าวมื้อเดียวก็มีคนมาวุ่นวาย นี่มันมีเหตุผลไหม เขาคือจอมพลโผ้จวินแห่งสำนักเจ็ดพิฆาต เป็นพลตรีแห่งประเทศหวาเชียวนะ
หลัวเทียนเยว่ได้ยินที่ฟางเหยียนสั่ง จึงรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “ครับๆ”
เขาพยายามลากเจิ้งต้าไห่ออกมาจากห้องอาหาร เจิ้งต้าไห่พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “คนที่พวกเราเชิญมาคือ ลู่หงปอเจ้าของ ป้อมจี๋หลง เชียวนะ!”
ฟางเหยียนอยากขำเมื่อได้ยินชื่อนี้
แต่ทว่าเมื่อคนในตระกูลจางได้ยินกลับสั่นไปทั้งตัว พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
ลู่หงปอเป็นเหมือนเทพสำหรับคนในตระกูลจาง เขาสูงส่งเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าเส้นสายของเขามากมาย พวกเขาจะกล้ายั่วโมโหคนแบบนี้ได้ยังไง คนที่สามารถทำให้ชื่ออีเลื่อมใสได้ขนาดนั้น
ขนาดเซียวเจิ้นเที่ยนผู้นำตระกูลเซียวยังไม่สามารถเชิญบุคคลนี้มาได้เลย เขาเป็นคนที่ทำให้คนแทบจะหมอบลงพื้น