จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 190
หลัวเทียนเยว่พาพวกเขามาที่หลังโรงแรม มีคนสวมชุดพนักงานโรงแรมนอนอยู่บนพื้นกว้าง เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด ศีรษะโดนตีจนแตกหลายจุด ตัวของเขาถูกมัดด้วยเชือกขนาดใหญ่ที่ทั้งหยาบและยาว โดยมีผู้ชายร่างกายกำยำเปลือยท่อนบนยืนอยู่ข้างชายคนนั้นสองสามคน ล้วนเป็นนักสู้ฝีมือดี
จางซื่อตงเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจเป็นอย่างมาก โดนจัดการจนสภาพเป็นแบบนี้ มันน่าเวทนามาก แต่นักฆ่าคนนี้ช่างไร้ฝีมือจริงๆ ยังไม่ทันได้ลงมือก็โดนคนของหลัวเทียนเยว่จัดการซะแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือนักฆ่าจะเปิดโปงเขาหรือเปล่า ถ้ามันพูดถึงเขา มีหวังเขาคงอยู่ในตระกูลจางไม่ได้อีก เมื่อถึงตอนนั้นจางฉี่เหาต้องไล่เขาออกจากบ้านแน่ๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ตัวเองจะโดนไล่ออกจากบ้าน ไม่แม้แต่จะได้รับส่วนแบ่งหุ้น 49% นี่มันน่าสมเพชมาก
“คนในห้องอาหารหมายเลข 888 อยู่ที่นี่หมดแล้ว บอกมาว่าแกต้องการฆ่าใคร แล้วใครเป็นคนบงการแก” หลัวเทียนเยว่เดินเข้ามาข้างหน้าชายคนนั้น เขายกเท้าขึ้นมากระทืบไปบนตัวของชายคนนั้นอย่างแรง
คนที่สภาพไม่มีชิ้นดีอยู่แล้วโดนกระทืบเข้าไปอีก ก็ถึงกับกลิ้งออกไป
ชายคนนั้นโดนดึงขึ้นมาให้นั่ง ดวงตาแดงก่ำมองไปยังคนในตระกูลจาง สุดท้ายก็ไปหยุดที่จางซื่อตง เขาถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นดวงตานั้น
แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าขืนเขาทำอะไรอีก จะต้องโดนสงสัยแน่นอน ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่าไอ้หมอนั่นจะไม่เปิดโปงเขา
เมื่อจางฉี่เหาเห็นสภาพของชายคนนั้น เขาจึงเดินเข้าไปถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “ใครสั่งให้แกมา แกต้องการฆ่าใคร”
สภาพของชายคนนั้นพร้อมที่จะตาย เขาพูดออกมาว่า “ผู้แพ้ไม่มีสิทธิ์โต้เถียง จะฆ่าหรือจะประหารก็แล้วแต่พวกนาย เมื่อได้รับเงินของคนอื่นมาแล้ว การตายแทนคนอื่นเป็นสิ่งที่พวกเราทำ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา จางซื่อตงถึงกับถอนหายใจออกมา
เย่ชิงหยู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขาพอดี ดังนั้นเธอจึงหันไปถาม “ลุงเป็นอะไรไป”
จางซื่อตงรีบพูดขึ้นมาว่า “หา! ไม่ๆๆ ไม่มีอะไร”
หลัวเทียนเยว่พูดว่า “คุณฟาง มันปากแข็งมากครับ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ยอมพูด”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาบอกให้หยุด จากนั้นเขาเดินเข้าไปหาชายคนนั้น ตอนนี้คนที่กลัวไม่ใช่ชายคนนั้น แต่เป็นจางซื่อตง เขากลัวมาก กลัวว่าไอ้หมอนั่นจะทนไม่ไหวแล้วพูดออกมา
ใครจะคิดว่าฟางเหยียนนั่งยองๆ ลงตรงหน้าชายคนนั้นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงยืนขึ้นมา “ฉันไม่สนว่าใครเป็นคนบงการ แต่นายช่วยไปบอกคนๆ นั้นด้วยว่าต่อไปอย่าทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ ถ้าฉันจับได้อีกครั้ง ฉันจะลงโทษมันแบบไม่ให้มีทางรอด”
พูดจบ สายตาของฟางเหยียนมองไปยังจางซื่อตง เขามองคนที่ร้อนตัวอย่างจางซื่อตงเหงื่อแตกพลั่ก ฟางเหยียนเดินเข้ามาหาเขา ทั้งแววตาและการก้าวเดิน ทำให้จางซื่อตงแทบจะหยุดหายใจ
คำพูดเมื่อครู่ ฟางเหยียนพูดให้จางซื่อตงได้ยิน ให้ตายเถอะ มันน่ากลัวมาก ถึงเขาจะกล้าขนาดไหนก็ไม่มีทางทำอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน ต่อไปเขาจะไม่มีความคิดแบบนี้อีกแล้ว
“คุณหลัว ปล่อยตัวมันไปเถอะ” ฟางเหยียนพูดสั่งอย่างน่ากลัว
แน่นอนว่าหลัวเทียนเยว่ไม่ขัดอะไร เขารับคำสั่งแล้วเรียกคนมาพานักฆ่าออกไป
การที่ฟางเหยียนไม่แค่นถามออกมา เพราะเขารู้ทั้งหมด เขารู้ว่าจางซื่อตงเป็นคนส่งมา มีเพียงแค่จางซื่อตงเท่านั้นที่จะส่งนักฆ่ากระจอกแบบนี้มาฆ่าเขา ตระกูลเซียวจะส่งคนกระจอกแบบนี้มาได้ยังไง
“คุณฟาง ผมขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมครับ” หลัวเทียนเยว่มายืนข้างฟางเหยียนแล้วพูดขึ้น
ฟางเหยียนไม่ได้ปฏิเสธคำขอของหลัวเทียนเยว่ คนๆ นี้เป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ได้ดี อีกทั้งยังเคยช่วยเขามาสองครั้ง ดังนั้นเขาจึงมาที่ห้องชั้นหนึ่งของโรงแรมพร้อมกับหลัวเทียนเยว่ หลังจากที่เข้ามาในห้อง หลัวเทียนเยว่โค้งตัวให้ฟางเหยียนอย่างนอบน้อม “ขอบคุณนะครับคุณฟาง”
“หา?” ฟางเหยียนมองหลัวเทียนเยว่แล้วถามว่า “คุณหลัวหมายความว่ายังไง”
หลัวเทียนเยว่พูดว่า “คุณฟาง ผมรู้ว่าคุณจัดการเรื่องทั้งหมด หลังจากที่ผมเจอคุณครั้งก่อน บริษัทของผมได้รับโอกาสมากมายไม่ใช่เหรอครับ ผมเปิดโรงแรมในพื้นที่อื่นด้วย ตอนนี้โรงแรมนานาชาติเทียนเยว่เป็นกิจการในเครือของเขตซีหนานทั้งหมด ผมไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ยังไง”
หลัวเทียนเยว่เป็นคนฉลาด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งฟางเหยียนวางเอาไว้ เรียกว่าคนที่ทำตามเขาก็จะประสบความสำเร็จ ส่วนคนที่กล้าขัดขืนก็จะพบกับจุดจบ คนที่เชื่อฟังมักจะมีโอกาสเข้ามามากมาย
ฟางเหยียนหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณหลัวเป็นคนกำหนดมันเองต่างหาก”
หลัวเทียนเยว่เข้าใจคำพูดนี้ เขาพูดอย่างจริงใจว่า “ถ้าต่อไปคุณฟางมีอะไรให้ผมช่วยเหลือ ผมจะยอมบุกน้ำลุยไฟเพื่อคุณโดยไม่ปฏิเสธเลยครับ”
“โอเค!” ฟางเหยียนตอบกลับ
เหมือนหลัวเทียนเยว่นึกอะไรได้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจพูดออกมา “คุณฟาง ผมมีเรื่องอยากบอกคุณ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับคุณหรือเปล่า”
“พูดมาสิ” ฟางเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หลัวเทียนเยว่กลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “คืออย่างนี้ครับ ช่วงนี้มีแก๊งลึกลับมาเคลื่อนไหวในเมืองจินโจว ผมไม่รู้ว่าพวกนั้นพุ่งเป้ามาที่คุณหรือเปล่า แต่การที่พวกนั้นมาที่เมืองจินโจวจะต้องมีอะไรแน่นอนครับ”
“แก๊งอะไร ก่อนหน้านี้เคยออกมาหรือเปล่า” ฟางเหยียนถามขึ้น
หลัวเทียนเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “แก๊งนี้เคยปรากฏตัวครั้งหนึ่งเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนครับ เมื่อครึ่งปีก่อนก็ปรากฏตัวครั้งหนึ่ง พวกเขาทิ้งร่องรอยเอาไว้ เดี๋ยวผมจะให้คุณดูครับ บางทีคุณอาจจะรู้ว่าพวกนั้นเป็นใคร”
พูดพลาง หลัวเทียนเยว่ก็เดินมาที่ตู้เซฟ เขาเปิดตู้เซฟแล้วเอาผ้าสองผืนออกมา ส่งให้ฟางเหยียน ฟางเหยียนรับผ้าสองผืนนั่นมา เมื่อเขาเห็นกิเลนไฟบนผ้าก็ถึงกับพูดออกมาว่า “อสูรเพลิง!”
ไม่ผิดแน่ นี่คืออสูรเพลิงที่ฆ่าเทียนหม่ากับพี่น้องในสำนักเจ็ดพิฆาต
เขาตามล่าหาร่องรอยพวกมันที่ชายแดนภาคเหนือมาตลอด คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะมาที่เมืองจินโจว
ฟางเหยียนกำหมัดแน่น เขาถามว่า “นายรู้ความเคลื่อนไหวของพวกมันได้ยังไง”
หลัวเทียนเยว่พูดว่า “ผมพูดตรงๆ นะครับ พ่อของผมเคยเป็นนักสืบ ผมมีข้อมูลบางส่วน ผมจึงสังเกตความเคลื่อนไหวในเมืองจินโจวทันที อย่าว่าแต่เรื่องเล็กๆ เลยครับ ผมมีข้อมูลการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในเมืองจินโจวอยู่ในมือ”
ดูเหมือนหลัวเทียนเยว่จะเป็นคนมีความสามารถ ฟางเหยียนยกมือมาวางบนบ่าของหลัวเทียนเยว่แล้วพูดว่า “ห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร ถ้านายสืบเจอร่องรอยของพวกมัน นายรีบรายงานฉันทันที”
“ครับ!” หลัวเทียนเยว่โค้งตัวเก้าสิบองศาและตอบอย่างนอบน้อม
ฟางเหยียนไม่พูดอะไรและเดินออกไปเงียบๆ
ขณะนั้น ลูกชายของหลัวเทียนเยว่ที่แอบฟังอยู่เดินออกมา “พ่อ เขาเป็นใครกันแน่”
ลูกชายของหลัวเทียนเยว่อายุพอๆ กับฟางเหยียน เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อของตัวเองจะดีกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นขนาดนั้น ถึงขนาดเหล้าเอาเหล้าเหมาไถที่คุณปู่อาลัยอาวรณ์จนไม่กล้าดื่มออกมาให้ชายหนุ่มคนนั้น
หลัวเทียนเยว่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “คนที่ยอดเยี่ยมมากไงล่ะ”