จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 191
หลังจากที่คนตระกูลจางโรงแรมนานาชาติเทียนเยว่ เหมือนเย่ชิงหยู่คิดอะไรออก เธอพูดกับจางฉี่เหาว่า “ใช่สิ คุณตา หนูมีเรื่องอยากคุยกับคุณตา”
“หืม” จางฉี่เหาถามขึ้น “มีเรื่องอะไรเหรอชิงหยู่”ตอนนี้ท่าทีของจางฉี่เหาที่มีต่อเย่ชิงหยู่เปลี่ยนไปมาก
เย่ชิงหยู่พูดว่า “คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ ตอนนี้หนูคิดว่าลูกพี่ลูกน้องน่าสงสารมาก คุณตาให้เขากลับมาได้ไหม สภาพของเขาในตอนนี้คงจะต้องอดตายอยู่ข้างนอกเป็นแน่”
สองสามีภรรยาจางซื่อตงมองเย่ชิงหยู่ด้วยสีหน้าตื้นตัน จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ใช่พ่อ ไห่เฟิงน่าสงสารพอแล้ว พวกเราให้เขากลับมาเถอะนะ ยังไงตระกูลจางก็เป็นบ้านของเขา”
จางซื่อข่ายก็พูดขึ้นมาว่า “พ่อ ชิงหยู่พูดขนาดนั้นแล้ว ให้เขากลับมาเถอะ ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป็นเด็ก”
จางฉี่เหาได้ยินคำอ้อนวอนของทุกคน เขาลอบถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า “ตาชื่นชมที่เธอไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น แต่จางไห่เฟิงควรจะคิดทบทวนตัวเอง”
“เจียวเจียว เธอเลี้ยงลูกสาวได้ดีมาก”
พูดจบเขาก็ตบบ่าของจางเจียวเจียวแล้วขึ้นไปบนรถ
ครอบครัวของเย่ชิงหยู่ก็ขึ้นรถแล้วกลับบ้าน
สองสามีภรรยาจางซื่อตงกับสองสามีภรรยาจางซื่อข่ายขับรถไปรับจางไห่เฟิงที่โรงพยาบาล แต่เมื่อพวกเขามาถึงห้องพักผู้ป่วย กลับไม่พบจางไห่เฟิง เขาทิ้งจดหมายเอาไว้หนึ่งฉบับ ในจดหมายมีเนื้อความอยู่หนึ่งบรรทัด
ชีวิตนี้ผมจะไม่ลืมสิ่งที่เย่ชิงหยู่กับฟางเหยียนทำกับผม ผมจะแก้แค้นพวกมันอย่างแน่นอน!
จางไห่เฟิงหายตัวไปและทิ้งจดหมายเอาไว้ สองสามีภรรยาบอกให้โรงพยาบาลดูกล้องวงจรปิด แต่น่าแปลกใจที่ในกล้องวงจรปิดไม่เห็นภาพของจางไห่เฟิงเลย
อาจจะเรียกได้ว่าเขาหายวับไปในอากาศ
ครอบครัวของเย่ชิงหยู่กลับมาถึงบ้าน จางเจียวเจียวมีความสุขมาก อย่างน้อยวันนี้เธอก็ได้ทานข้าวอย่างสงบสุข ให้ความรู้สึกถึงการเป็นครอบครัว มันเป็นสิ่งที่ควรจะมีตั้งแต่แรก ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงวุ่นวายจนเป็นแบบนี้ไปได้
ถึงเย่ชิงหยู่จะดีใจ แต่ความสงสัยในตัวของฟางเหยียนกลับเพิ่มขึ้นไม่น้อย
นับวันฟางเหยียนยิ่งเดาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ขนาด ลู่หงปอ ยังต้องเกรงใจเขา
มิน่าล่ะเขาถึงทำอะไรโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แต่นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน ยังไงฟางเหยียนก็ยังเด็กอยู่
วันต่อมา เฉิงฉู่นั่งอยู่ในห้องทำงาน มือทั้งสองเท้าคาง ดวงตาของเขาแดงก่ำ ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเขาจะไม่ได้นอน
เขาอยู่อย่างนี้จนถึงเช้า ในหัวของเขามีแต่เรื่องที่จะบอกครอบครัวยังไงเกี่ยวกับเรื่องการถอนทุนในเมืองจินโจว จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาถอนหายใจออกมาและนั่งหลังตรง
“ใคร” เขาพูดขึ้น
มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากข้างนอก “ หลี่เสว่เองค่ะคุณชาย”
หลี่เสว่คนที่ร่วมรักกับเขาในห้องทำงานเมื่อวาน เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เข้ามา!”
หลี่เสว่เปิดประตูและเดินเข้ามาพร้อมกาแฟที่อยู่ในมือ วันนี้เธออยู่ในชุดสาวออฟฟิศ แต่ว่ากางเกงสั้นมากจนแทบจะเห็นต้นขาทั้งสองข้าง เมื่อเธอเห็นเฉิงฉู่ เธอก็ยิ้มหวานออกมาทันที
เฉิงฉู่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นจึงถามขึ้น “เธอมีธุระอะไร”
หลี่เสว่ยังคงยิ้มหวาน “ไม่มีอะไรค่ะคุณชาย แค่เอากาแฟมาให้คุณ ฉันเห็นว่าคุณไม่ยอมออกมา เลยเข้ามาดู”
เฉิงฉู่ไม่ทันได้ตอบอะไร หลี่เสว่ก็เดินมาข้างเขา แถมยังจับมือของเขาขึ้นมา
ไม่เพียงแค่จับมือ แถมยังเอามือของเขาไปทำอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้
ผู้หญิงยอมเสียสละตัวเองครั้งหนึ่งเพื่อได้มาซึ่งตำแหน่ง แน่นอนว่ามันต้องมีครั้งที่สองและครั้งต่อไป
หลี่เสว่เป็นคนแบบนี้ เธอใช้เรือนร่างของตัวเองสร้างความมั่นคงในวงการธุรกิจ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอมีที่ยืน
เมื่อเฉิงฉู่สัมผัสโดนเขารีบชักมือกลับมา แล้วพูดว่า “พอแล้ว เธอออกไปก่อน”
สีหน้าของหลี่เสว่ เปลี่ยนไป เธอพูดว่า “คุณชาย ฉัน…”
ยังไม่ทันพูดจบ เฉิงฉู่ก็พูดตัดบทขึ้นมาว่า “วางใจเถอะ สิ่งที่ฉันรับปากไป เธอจะต้องพอใจแน่นอน เธอค่อยมาตอนที่ฉันต้องการ ตอนนี้ฉันมีเรื่องต้องจัดการ เธอออกไปก่อนเถอะ!”
หลี่เสว่หน้าแดง เธอก้มหน้าพูด “เข้าใจแล้วค่ะ”
พูดจบเธอจึงเดินออกไปอย่างเขินอาย
แต่ทว่าเมื่อเดินถึงหน้าประตู เฉิงฉู่เรียกเธอเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน”
หลี่เสว่ตอบรับและชะงักฝีเท้าลง เธอหันหน้ามามองเฉิงฉู่ เขาก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง เสน่ห์ของเธอจะต้องดึงดูดเขาได้อย่างแน่นอน หลี่เสว่คิดอย่างมั่นใจ
เธอเดินเข้ามายืนข้างเฉิงฉู่ เขาเอ่ยถามขึ้นว่า “ฉันถามเธอเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้เธอรู้ข่าวของตระกูลเซียวไหม มีหลายกิจการที่ทำความร่วมมือกับตระกูลเซียวแล้วเกิดปัญหาใช่ไหม”
หลี่เสว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดในใจว่าที่แท้ก็ไม่ใช่เรื่องอย่างว่า
เธอพูดขึ้นมาว่า “ใช่ค่ะ ฉันได้ยินมาแบบนี้เหมือนกัน กิจการจากที่ดีๆ ก็ล้มละลายลงอย่างประหลาด ขนาดตระกูลใหญ่อันดับสองอย่างตระกูลตู้ก็มีปัญหาเหมือนกัน หลายคนบอกว่าตระกูลเซียวไปมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย”
“หา?” เฉิงฉู่ถามอย่างแปลกใจ “ไปหาเรื่องใครเหรอ”
หลี่เสว่มองท่าทางประหลาดใจของเฉิงฉู่แล้วตอบว่า “เหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตในพื้นที่ ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ตระกูลเฉิงคงไม่กลัวปัญหานี้หรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าตระกูลเซียวได้รับความช่วยเหลือจากคุณชาย พวกเขาจะต้องดีขึ้นแน่นอน”
เฉิงฉู่ดื่มกาแฟ แล้วโบกมือไปมา “อืม เธอลงไปเถอะ!”
คนใหญ่คนโตในพื้นที่ ถ้าไม่ใช่ฟางเหยียนแล้วจะเป็นใคร
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ แล้วโทรหาเซียวเจิ้นเที่ยน
ตระกูลเซียว
เซียวเจิ้นเที่ยน เซียวเหอและเซียวฮั่วนั่งอยู่ในห้องโถง เซียวฮั่วนั่งอยู่บนรถเข็นด้วยสีหน้าสลด
เซียวเจิ้นเที่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงกลางห้องโถง เขาเอามือข้างหนึ่งขึ้นมากุมหัว สีหน้าดูไม่สู้ดี
เซียวเหอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ยังติดต่อเซียวห้านไม่ได้ พรรคพวกของสามคุณชายแห่งจินโจวก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน เหมือนกับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผมถามไปทั่วเมืองจินโจว แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย”
เซียวฮั่วทนไม่ไหวและตวาดออกมาว่า “คุณปู่ คงไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับเซียวห้านใช่ไหม”
คำพูดนี้ทำให้เซียวเจิ้นเที่ยนสีหน้าไม่สู้ดีเข้าไปอีก เขาเงยหน้าขึ้นมาตวาดใส่เซียวฮั่ว “อย่าพูดไร้สาระ!”
ถึงเซียวเจิ้นเที่ยนจะพูดเช่นนั้น แต่เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเซียวห้านแน่นอน ตอนนี้สถานการณ์ในตระกูลเซียววุ่นวายเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
“ตอนนี้กิจการที่ร่วมมือกับเรา ยังมีกิจการไหนบ้าง” เซียวเจิ้นเที่ยนหรี่ตาลงและถามขึ้น
เซียวเหอตอบว่า “มีแค่ตระกูลเฉิงครับ”
ขณะนั้น ผู้ดูแลบ้านตระกูลเซียววิ่งกุลีกุจอเข้ามา “เกิดเรื่องแล้วครับนายท่าน ตระกูลเฉิงถอนทุนคืนครับ!”