จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 200
เหลียงจงหัวเราะหึหึ “ประธานเย่ อย่าบอกนะว่าจะให้ไอ้คนซ่อมคอมพิวเตอร์ช่วย เรามาคุยเรื่องความร่วมมือ มีคนที่สามอยู่ที่นี่ น่าจะคุยไม่สะดวก เธอว่าไหม”
พูดจบ เขาจับมือเย่ชิงหยู่แล้วพูดว่า “พอเถอะ เอาเงินแล้วไสหัวไปซะ!”
“เพียะ!” จู่ๆ ก็มีเสียงตบดังขึ้นข้างหูเหลียงจงโดนตบเต็มแรง
แรงตบทำให้ในหัวของเหลียงจงมีเสียงวิ๊งๆ ดวงตาพร่าเลือน เขาเซถอยหลังไปและล้มลงไป
เขาเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ตบเขา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นไอ้คนซ่อมคอมพิวเตอร์ มิน่าล่ะเมื่อกี้เย่ชิงหยู่บอกว่าอย่าบุ่มบ่าม คนที่ลงมือทำร้ายเขาได้เหรอ หรือว่าเป็นบอดี้การ์ดของเย่ชิงหยู่
เหลียงจงไม่เคยโดนตบหน้ามาก่อน คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะโดนไอ้คนซ่อมคอมพิวเตอร์ตบหน้า แถมยังตบหน้าเขาเต็มๆ เลย
“ไอ้ฉิบหาย!” เขากัดฟันและพูดออกมาเหมือนอยากจะฆ่าคน “ไอ้กระจอก แกอยากตายใช่ไหม!”
เสียงตะโกนทำให้บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างนอกวิ่งเข้ามา เมื่อเย่ชิงหยู่เห็นดังนั้น เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “ประธานเหลียง คุณฟังฉันนะคะ เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
“ฟางเหยียน นายอย่ากวน ฉันไม่เป็นไร” เธอหันมาพูดกับฟางเหยียน
แต่ทว่าฟางเหยียนไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย เขาจับแขนเธอและดึงตัวเธอมาไว้ข้างหลังตัวเอง “ไม่เป็นไร ไปอยู่ข้างหลัง เรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เหลียงจงเอามือกุมหน้า เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ เย่ชิงหยู่ ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าเธอ แต่เธอกลับให้ไอ้คนซ่อมคอมพิวเตอร์มาตบฉัน ถ้าจะเล่นทำไมไม่เล่นของที่ดีกว่านี้ล่ะ ไปเล่นกับไอ้คนซ่อมคอมพิวเตอร์ เธอคิดว่ามันเร้าใจมากเหรอ เธอนี่พูดดีๆ ไม่ชอบนะ”
เมื่อเขาพูดจบ ฟางเหยียนก็ก้าวเข้าไป เหลียงจงตกใจจนเดินถอยหลัง บอดี้การ์ดของเขารีบเข้ามาขวางไว้ ได้ยินเพียงเสียงตบดังสนั่น เหลียงจงกลิ้งไปอยู่บนพื้นแล้ว
ฟางเหยียนตบเขาระหว่างที่บอดี้การ์ดกำลังยกมือขึ้นมา นึกว่าจะขวางฟางเหยียนได้แล้ว ใครจะไปรู้ว่าเหลียงจงจะโดนตบบ้องหูอีก
เสียงตบดังมากจนเรียกความสนใจของพนักงานข้างนอก พนักงานต่างพากันมุงเข้ามา
เหลียงจงตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น รอยฝ่ามือสองข้างอยู่บนใบหน้าของเขา
เขาโดนตบสองครั้งติด เขาพูดออกมาอย่างโมโหว่า “จัดการมันเลย เอาให้ไอ้กระจอกนี่เละ!”
เป็นครั้งแรกที่เขาโดนคนๆ เดียวตบสองครั้ง นี่เป็นเรื่องน่าอายสำหรับเขามาก
เขาอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่มาโดนเด็กวัยรุ่นตบแบบนี้ มันน่าอายมาก!
บอดี้การ์ดทั้งสองคนทำเหมือนรับคำสั่งโดยการควักมีดที่พกอยู่ในตัวออกมา การกระทำนี้ทำให้คนที่อยู่ข้างนอกตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก นี่จะทำร้ายคนจริงๆ เหรอ บางคนถึงกับหยิบมือถือขึ้นมาแอบโทรหาตำรวจ
ฟางเหยียนมองทั้งสองคนที่กำลังจะลงมือ เขาจึงยกมือขึ้นมาส่งสัญญาณให้หยุด
เหลียงจงเห็นฟางเหยียนทำท่าแบบนั้น เขาคิดว่าไอ้หมอนี่ต้องยอมแพ้แน่ๆ จึงพูดว่า “ทำไม แกคิดว่าอ้อนวอนตอนนี้จะได้ผลเหรอ แกรู้ไหมตบสองครั้งนี้หมายถึงอะไร ไอ้กระจอก ชีวิตของแกจะมืดมนตลอดไป แกซวยแน่!”
ฟางเหยียนโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ฉันว่านายเข้าใจผิดแล้วล่ะ เหลียงจงตอนนี้ฉันจะให้โอกาสนายคุกเข่าสำนึกผิด ไม่งั้นนายจะต้องรับกรรมกับสิ่งที่นายทำ กรรมที่นายจะต้องชดใช้ก็คือล้มละลาย!”
ถึงเสียงของฟางเหยียนจะไม่ดัง แต่มันก็สร้างความโกลาหลขึ้นในห้องทำงาน คนที่อยู่ข้างนอกได้ยินทั้งหมด ฟางเหยียนมั่นใจเกินไปแล้ว ก็แค่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เหรอ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าคุยโวโอ้อวดต่อหน้าเหลียงจง
เหลียงจงเป็นใครนะเหรอ ทรัพย์สินของเขาพอๆ กับหวงหยวนฉาวในเขตซีหนานเลยล่ะ ทรัพย์สินในครอบครัวเขาเป็นหมื่นล้าน ไม่มีใครที่ไม่รู้ แค่คนที่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์อย่างฟางเหยียน มาบอกว่าจะให้เขาล้มละลาย นี่กำลังล้อเล่นอยู่เหรอ หรือว่าโดนสองคนนั้นทำให้ตกใจจนกลัว เลยอยากพูดโอ้อวด หาอะไรพูดไม่ได้เลยพูดแบบนั้นออกมางั้นเหรอ
แต่ว่ามีบางคนที่คิดว่าฟางเหยียนเจ๋งมาก อย่างน้อยเขาก็ออกโรงแทนผู้หญิงของตัวเอง
เย่ชิงหยู่ต้องโดนเหลียงจงรังแกอย่างแน่นอน ไม่งั้นฟางเหยียนคงไม่ออกโรงจัดการหรอก
คนที่ทำเพื่อผู้หญิงของตัวเองแบบนี้ ผู้ชายที่ไม่กลัวอำนาจ มีผู้หญิงคนไหนจะไม่รักบ้าง
ขนาดเย่ชิงหยู่ยังรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
เหลียงจงเอามือกุมแก้มตัวเอง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “ล้มละลายงั้นเหรอ แกรู้ไหมว่าฉันมีเงินเยอะขนาดไหน”
ฟางเหยียนพูดว่า “ฉันไม่สนว่านายมีเงินเท่าไร ฉันพูดคำเดียวก็ทำให้นายล้มละลายได้ ฉันเห็นแก่ที่พวกเราไม่เคยมีเรื่องเคียดแค้นอะไรกันมาก่อน ฉันจะปล่อยนายไป ถ้านายยอมคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าภรรยาของฉัน”
เหลียงจงเอามือที่กุมแก้มลง จากนั้นจึงมองเย่ชิงหยู่แล้วพูดว่า “ที่แท้มันเป็นสามีของเธอเหรอ ฮ่าๆๆ มิน่าล่ะถึงกล้าตบหน้าฉัน ปกป้องภรรยาตัวเองนี่เอง แต่แกมันอ่อนไป วันนี้แกเจอคนอย่างฉัน แกต้องชดใช้กับสิ่งที่แกทำ”
เขาชี้ไปที่สองคนที่ยืนข้างๆ แล้วพูดว่า “รู้ไหมว่าสองคนนี้เป็นใคร บอดี้การ์ดที่มาจากหม่าเจียปานของตระกูลหม่าแห่งหนานหลิง พวกเขาสามารถสู้แบบหนึ่งต่อสามได้ ไอ้กระจอก วันนี้แกตายแน่”
หม่าเจียปานเป็นสำนักการต่อสู้ของตระกูลหม่าแห่งหนานหลิง ว่ากันว่าคนทั่วไปไม่สามารถเข้าหม่าเจียปานได้ นอกจากคนที่มีร่างกายสุดยอด ไม่ใช่แค่ในหนานหลิง คนในเขตซีหนานต่างรู้กันหมด
เมื่อได้ยินคำว่าหม่าเจียปาน ทุกคนอดถกเถียงขึ้นมาไม่ได้
“หม่าเจียปานเหรอ ลูกชายของพี่สาวฉันอยู่ที่นั่น ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็โดนไล่ออกมา ถ้าร่างกายไม่อึดก็ไม่สามารถอยู่ได้ ว่ากันว่าคนในนั้นเป็นคนมีฝีมือระดับสูงในประเทศ หลังจากที่ออกมาก็จะได้เป็นบอดี้การ์ดของคนใหญ่คนโต”
“ก็ใช่น่ะสิ ได้ยินว่าตอนฝึกไม่ต่างจากพวกกองกำลังพิเศษเลยนะ”
“ดูท่า สามีของประธานเย่ซวยแน่ เฮ้อ น่าเสียดายจัง หายากนะคนที่ซื่อสัตย์กับความรัก แต่มันจะจบแล้วน่ะสิ ฉันเสียดายแทนประธานเย่จริงๆ”
“ถ้าจะโทษก็โทษที่เขาเด็กและบุ่มบ่ามเกินไป จู่ๆ ก็พูดว่าจะให้ประธานเหลียงคุกเข่า ประธานเหลียงเป็นใคร จะให้เขาคุกเข่าก็ทำได้อย่างนั้นเหรอ ไม่รู้อะไรดีอะไรชั่วเลย”
เมื่อได้ยินเสียงถกเถียงของทุกคน ประธานเหลียงหัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “จัดการมันซะ ฉันต้องการให้ขามันพิการ แล้วค่อยสั่งสอนให้มันรู้จักความเป็นคน!”
เมื่อได้รับคำสั่ง สองบอดี้การ์ดก็วิ่งเข้าไปหาฟางเหยียน มีดของทั้งสองคนเร็วและรุนแรงมาก แต่ฟางเหยียนไม่ขยับไปไหน เหมือนว่าเขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก บางคนถึงกับไม่กล้ามอง เพราะกลัวว่าอีกเดี๋ยวจะเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด พวกเขารับไม่ได้อย่างแน่นอน
เหลียงจงก่นด่าออกมา “มาหาเรื่องฉัน ถ้าไม่รนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไรอีก”