จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 206
ฟางเหยียนได้พูดอีกครั้ง “ฉันถามแกว่ารอยสักบนแขนแกนั่นแปะมาเหรอ?”
คำพูดนี้ของฟานเหยียนทำลายแผนการของไอ้ผอมจนหมดสิ้น เดิมทีคิดว่าเขาจะอ้อนวอนให้ปล่อยไป จากนั้นทั้งสองจะได้ถือโอกาสนี้เรียกเงิน ใครจะรู้ว่าเขาไม่อ้อนวอน แล้วยังพูดไม่ตรงประเด็นเข้าไปอีก
ไอ้ผมมองไปยังรอยสักที่แขน ยกมือขึ้นมาลูบ เมื่อลูบ ก็หลุดออกไปหนึ่งชั้น เขาสบถด่าขึ้น “ไม่ใช่ นี่มันคือการสัก ฝีมือของช่างสักไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
“ฮ่าฮ่า!” ไอ้อ้วนที่ยืนข้างๆหัวเราะ “ไอ้ขี้ก้าง ยังจะโม้อีก ว่าแล้วว่าลายสักของแกนะแปะเอา แกจะบอกฉันว่าไม่ใช่อีก แกซื้อลายสักนี้ที่ไหนเนี่ย? ซื้อให้ฉันสักลายได้มั้ย? ฉันก็อยากแปะเหมือนกัน!”
“ไสหัวไป!” หัวล้านด่าไอ้อ้วน แล้วกล่าว “ทำเรื่องหลักก่อน!”
จากนั้นเขาจ้องฟางเหยียนอย่างดุร้าย “ไอ้เด็กน้อย อย่าเปลี่ยนเรื่อง รู้จุดจบมั้ย?”
ฟางเหยียนกล่าวอย่างสบายใจ “รู้ งั้นแกไปหาคุณชายของตระกูลฟางมาจัดการฉันสิ!”
ชายหัวล้านตาโต พูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ “สหาย แกต้องรู้ไว้นะ ถ้าพวกเราบอกคุณชายแล้ว เขาต้องใช้วิธีร้อยแปดพันเก้าฆ่าแกแน่ ไม่สิ เขาจะใช้ร้อยแปดวิธีให้แกตายทั้งเป็น เอางี้ พวกเราไม่ใช่คนใจแคบอะไร แกให้เงินพวกเราสักหมื่น แล้วเราจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกคุณชาย ว่าไง?”
ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “ไม่มีเงิน! แกไปบอกคุณชายของพวกแกเถอะนะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทั้งคู่ก็ร้อนรน สบตากัน แล้วพูด “คืองี้ น้องชาย พวกเราเห็นว่าแกก็ไม่ได้มีฐานะอะไร งั้นก็ให้ฉันสี่ห้าพันก็แล้วกัน! ถ้าไม่มีจริงๆ หนึ่งพันก็ได้ เราสองคนไม่ได้เป็นคนไม่ใช่คนใจแคบอะไร
ทั้งสองคนนี้น่าขำจริงๆ จะปอกลอกเงินดันปอกลอกตน ประเด็นคือยังอ้างชื่อของตนเองมาปอกลอกตนอีก
ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างไม่กลัวแล้วกล่าว “ท่านทั้งสอง ตอนนี้ในตัวผมไม่มีเงินสักแดง พวกแกเรียนคุณชายมาจัดการฉันเถอะนะ ฉันก็หวังว่าพวกแกจะรู้จักคุณชายของตระกูลฟางจริงๆ
“นี่!” เย่ชิงหยู่ก็เริ่มทนไม่ไหว เดิมทีคิดว่าฟางเหยียนเวิ่นเว้อว่าตัวเองเป็นคุณชายของตระกูลฟางก็ว่าแย่แล้ว ไม่คาดคิดว่าจะเจอคนที่น่าเบื่อกว่าอีก หมดคำพูดจริงๆ!
เธอยืนขึ้นพูด “พวกแกทั้งสอง รีบไปซะ! ฉันมีห้าร้อย สุดๆแล้ว”
เมื่อพูดจบ เย่ชิงหยู่หยิบห้าร้อยออกจากกระเป๋าแล้วโยนไปที่โต๊ะ
เมื่อทั้งสองเห็นห้าร้อย ตาเป็นประกาย จากนั้นก็แสร้งโมโหมาก แล้วตะโกน “สาวน้อย คุณล้อผมเล่นใช่มั้ย? ไม่ว่าจะยังไงเราทั้งสองก็เป็นเพื่อนซี้ของคุณชายตระกูลฟาง คุณใช้ห้าร้อยมาซื้อพวกเรา ทำไม? คุณมองพวกเราเป็นขอทานใช่มั้ย? จะบอกให้นะ คุณต้องเพิ่มให้อีกห้าร้อย ไม่งั้นฉันเหล่าเปาไม่มีทาง…”
“ไม่เอาก็ช่าง!” เย่ชิงหยู่ยื่นมือไปหยิบห้าร้อยนั้นเก็บกลับมา ไอ้ผอมร้อนรน รีบกดห้าร้อยนั้นไว้แล้วกล่าว “ได้ได้ได้ เราสองคนก็ไม่ใช่คนที่ไม่เห็นใจคนอื่น พวกเราเป็นคนมีวัฒนธรรม จัดการอะไรอย่างอ่อนโยน ใช้เหตุผล เด็กน้อยถือว่าแกโชคดีไป เราสองคนจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับแกเรื่องนี้แล้ว แต่ครั้งหน้าอย่าให้พวกเราเจอแกอีกก็แล้วกัน แต่ ฉันมีอีกเรื่องที่อยากขอ เช็กบิลให้ฉันด้วย”
พูดพลาง ไอ้ผอมได้ส่งสัญญาณให้ไอ้อ้วน ทั้งสองเตรียมออกไป
แต่ตอนที่กำลังหันหลังนั้น ได้พูดคำที่มีวัฒนธรรมออกมา “เย็ดแม่!”
นี่เป็นคำที่ไอ้ผอมอุทานออกมา มี“วัฒนธรรม”มากจริงๆ
ด้านนอกมีรถตู้สีดำมาหลายคัน แว็บเดียวมีคนสวมชุดดำลงมามากมายจากบนรถ อย่างน้อยก็ร้อยคน ไม่นานชายชุดดำเหล่านั้นได้เรียงแถวตอนเป็นหนึ่ง ล้อมร้านอาหารcsj’นี้เอาไว้ทั้งหมด
ผู้นำคือชายวัยกลางคนที่ใส่แว่นตาดำ เขาเดินเข้ามาด้วยความมั่นใจ หลังจากที่มาถึงร้านอาหารแล้ว เขาได้หยิบปืนขึ้นมาอย่างไม่ลังเล คนจำนวนไม่น้อยเห็นเหตุการณ์นี้ ล้วนตกใจจนไม่กล้ากินข้าวต่อไป แต่ละคนต่างหน้าตาซีดเซียว ตัวสั่น พวกเขาเป็นเพียงคนทั่วไปเท่านั้น จะเคยเห็นฉากแบบนี้ที่ไหนกัน
เมื่อเจ้าของร้านเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจ รีบเข้าไปถามอย่างลังเล “คุณคุณคุณ คุณผู้ชาย มิทราบว่าคุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?”
ชายแว่นดำไม่ตอบ เพียงแค่มองเขาอย่างเลือดเย็น จากนั้นก็มองไปที่ฟางเหยียนและเย่ชิงหยู่ เมื่อเห็นตรงนี้ ดูออกชัดเจนว่าเขาชะงักไปหลายวินาที จากนั้น เขาหันหลังเดินไปที่หน้ารถตู้สีดำคันหนึ่งอีกครั้ง
เมื่อเดินมาถึงประตูของรถตู้ เขาเปิดประตูรถเหมือนกับคนใช้ แล้วพูดไปด้านใน “ท่านครับ เขาอยู่ที่นี่ครับ”
เมื่อพูดจบ จากนั้นก็เห็นผู้เฒ่าที่หน้าตาเข้มงวดเดินลงมาจากรถ ผู้เฒ่าคนนี้กำยำล่ำสัน แม้จะอายุปาไปเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว แต่ยังคงมีกลิ่นอายของความกล้าอยู่ ท่าทางของเขา ยิ่งใหญ่จนทำให้คนอึดอัด
เขาคือผู้นำตระกูลอันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงดังไปทั้งเมืองจินโจว…เซียวเจิ้นเที่ยน
ไม่คาดคิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้ ตอนเช้าเพิ่งจะให้จัดการไป ตอนเที่ยงก็บรรลุแล้ว เซียวเจิ้นเทียนทำงานใช้ได้ ฟางเหยียนมองอย่างสงบ แล้วหันกลับไป ทานข้าวต่อ!
“เซียวเจิ้นเที่ยนผู้นำตระกูลของตระกูลเซียว เห็นหรือยัง? นี่สิถึงจะเป็นความโอ่อ่าของผู้นำตระกูลอันดับหนึ่งที่แท้จริง ถึงแม้ตระกูลเซียวจะประสบเรื่องราวมามากมาย แต่การปรากฏตัวของเขา ยังคงโอหังอยู่อย่างนั้น! ถ้าวันหนึ่งฉันโอ่อ่าได้ขนาดนั้นบ้าง ก็คงดี” ไอ้ผอมที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆไม่ไกลจากฟางเหยียน บ้วนน้ำลายลงที่รอยสักบนแขน แล้วกล่าวจากส่วนลึก
เซียวเจิ้งเที่ยนสีหน้าเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม หลังจากที่เดินลงมาจากรถแล้ว ในมือได้ถือไม้เท้าหัวมังกรไว้
ชายแว่นดำพยุงเขามา ถึงหน้าประตูของร้านอาหาร
เจ้าของร้านเห็นเซียวเจิ้นเที่ยนมาเยือน ก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อไหล ตระกูลเซียวเผด็จการมาก มีตัวตนอย่างราชาที่เมืองจินโจว ร้านอาหารเล็กๆแบบนี้ไม่เหมาะกับเขา
มือของเขาทั้งสองสั่น กล่าวอย่างยิ้มแหยๆว่า “มิมิมิทราบว่าท่านเซียวจะมา ท่านเซียวได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย”
เซียวเจิ้นเที่ยนไม่แม้แต่สนใจเขา แล้วมองไปที่โต๊ะฟางเหยียนตรงนั้น ฟางเหยียนหันหลังให้ประตู เมื่อมองมา ก็เห็นเย่ชิงหยู่ เย่ชิงหยู่ไม่กล้าสบตาถมึงทึงนั้นโดยตรง เธอหวาดกลัว!
เมื่อเห็นคนของตระกูลเซียว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่ครั้งที่แล้วเธอถูกเซียวห้านจับตัวไป เซียวห้านเป็นคนของตระกูลเซียว และการจับตัวเธอไปก็ต้องเป็นความคิดของตระกูลเซียว เซียวเจิ้นเที่ยนมองมาทางนี้ จะต้องมาที่เธอเป็นแน่
ไม่ พูดให้ถูกต้อง ก็คือมาที่ฟางเหยียน เมื่อฟางเหยียนเห็นเย่ชิงหยู่ตัวสั่น ก็คีบอาหารเข้าปากอย่างไม่สนใจ แล้วถาม “ชิงหยู่ ทำไมไม่ทานแล้วละ?”
เย่ชิงหยู่ยกมือที่สั่นขึ้น แล้วชี้ไปด้านนอก พูดอย่างระมัดระวัง “ผู้นำตระกูลของตระกูลเซียว เซียวเจิ้นเที่ยน!”
ฟางเหยียนไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย แล้วกล่าว “แล้วไง?”
พูดจบเขาคีบอาหารไปไว้ในถ้วยของเย่ชิงหยู่ แล้วกล่าวอย่างนิ่งสงบ “ทานอาหาร”
“ฟางเหยียน!”
เขาพูดจบ เสียงเคร่งขรึมเผด็จการของเซียวเจิ้นเที่ยนดังขึ้น