จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 212
บทที่ 212 สามีของฉันคือฟางเหยียน
ล่วงเกินนายน้อยแห่งตระกูลฟาง!
ตระกูลฟางเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งที่ทำให้นักธุรกิจทั้งหมดหลบเลี่ยงไปไกล ถึงแม้จะพูดว่าเหลียงจงอยู่ที่เขตซีหนานจะครองอันดับสองในด้านความร่ำรวย แต่ว่าธุรกิจประเภทนี้ของเขาไม่เข้าตาตระกูลฟางเลยแม้แต่น้อย ใครก็ไม่รู้ว่านี่คือตระกูลแบบไหน สรุปแล้วภาพลักษณ์ที่มีให้ผู้อื่นจำจดก็คือยิ่งใหญ่ ร่ำรวย มีอำนาจ และเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศหวา
ทุกการกระทำทุกอย่างของตระกูลฟาง เป็นประเด็นร้อนในประเทศหวามาโดยตลอด เรื่องที่พวกเขามาเปิดฟางซื่อกรุ๊ปที่เมืองจินโจวก็ดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อย เนื่องด้วยการเข้ามาของตระกูลฟาง มูลค่าตลาดของเมืองจินโจวยังเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ก็เป็นตระกูลเช่นนี้ ฟางเหยียนถึงกับกล้าไปล่วงเกินนายน้อยของพวกเขา นี่ไม่ใช่หาเรื่องตายแล้วจะเป็นอะไร?
เหลียงจงเบิกตากว้าง มองไปที่เย่ชิงหยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ! เขาค่อนข้างไม่เชื่อหูตัวเองเล็กน้อย
“เป็นอะไรไปหรือ?” เห็นการแสดงออกที่ซับซ้อนของเหลียงจงเช่นนั้น เย่ชิงหยู่จึงถามอย่างระมัดระวัง
เหลียงจงอ้อออกมาเสียงหนึ่ง มีสติกลับมา เอ่ยถามว่า “นายน้อยตระกูลฟาง? ที่คุณพูดถึงก็คือคนที่เติบโตอยู่ที่เมืองจินโจวตั้งแต่เล็กคนนั้น?”
เย่ชิงหยู่กัดริมฝีปาก พยักหน้าอย่างหนักแน่เอ่ยว่า “ใช่แล้ว!”
เหลียงจงตบหน้าผาก เอ่ยอย่างจนปัญญา “ไอหยาพระเจ้าช่วย ทำไมถึงไปหาเรื่องตระกูลฟางได้ล่ะ”
สมองของเขาวูบวาบอย่างรวดเร็ว อยากจะพูดว่าตระกูลฟางนั้นอิทธิพลแข็งแกร่ง จุดนี้นั้นไม่มีทางต่อต้านได้
เขาเหลียงจงเป็นตระกูลร่ำรวยอันดับสองของเขตซีหนาน ในเมืองจินโจวแน่นอนว่าจะต้องมีหน้ามีตาอยู่บ้าง แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนของตระกูลฟาง หน้าตาของตนเองก็เป็นแค่ผายลม! คนเขาไม่ได้สนใจนายสักนิด
แต่ว่าพูดกลับมา สถานะของฟางเหยียนคนนี้ก็แปลกจริงๆ สามารถหาเรื่องนายน้อยตระกูลฟางได้ นั่นก็ไม่ใช่การดำรงอยู่ที่ปกติ โทรศัพท์สายหนึ่ง ในเวลาหนึ่งชั่วโมงก็สามารถทำให้บริษัทของตนเองอยู่สภาวะหยุดชะงักได้ เกรงว่าถึงจะเป็นตระกูลฟางก็ยากที่จะทำได้
คิดมาถึงตรงนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะเช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผาก เอ่ยถามว่า “ตอนนี้ เขายังไม่ถึงฟางซื่อกรุ๊ปสินะ?”
เย่ชิงหยู่นับดูเล็กน้อย ต่อมาก็เงยหน้าขึ้นส่ายหัวเอ่ยว่า “ฉันไม่รู้”
เหลียงจงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร คุณเย่ ไม่เช่นนั้นเอาแบบนี้ก่อน ฉันไปดูตระกูลเซียวทางด้านนั้นว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้าคนยังอยู่ในมือของเซียวเจิ้นเทียน ฉันไปขอคนจากเขา เขาอาจจะเห็นแก่หน้าฉันสักหลายส่วน คุณก็สามารถไปที่ฟางซื่อกรุ๊ปทางด้านนั้นทำความเข้าใจสถานการณ์ก่อนได้ เรื่องนี้ต้องจัดการด้วยความระมัดระวัง”
“ได้!” เย่ชิงหยู่รีบพยักหน้าตอบ ถ้ามีเหลียงจงช่วยเหลือ จะต้องมีความหวังสักเล็กน้อย
ที่จริงแล้วเหลียงจงนั้นไม่ได้ทำเพื่อช่วยเธอ เพียงเพื่อช่วยตนเองเท่านั้น ตอนนี้บริษัทอยู่ในสภาพแบบนี้ พอดีที่เจอกับคนคนนี้มีความลำบาก ถ้าเกิดสามารถช่วยเขาออกมาได้ บริษัทก็สามารถได้รับการช่วยเหลือ
เย่ชิงหยู่ไม่ได้ขึ้นไปบนตึก หลังจากฟังคำพูดนี้ของเหลียงจงแล้ว เธอก็หมุนตัวเดินไปที่โรงรถ ขับรถของตนเองไปที่ฟางซื่อกรุ๊ป นั่งอยู่ในรถ เธอก็คิดถึงฟางเหยียนขึ้นมาอีก รถคันนี้ยังเป็นรถที่ฟางเหยียนซื้อให้เธอด้วยนะ
เธอยิ่งไม่เข้าใจยิ่งขึ้น ฟางเหยียนคนนี้ที่แท้แล้วทำอะไรไปกันแน่ ทำไมถึงได้ไปล่วงเกินนายน้อยของตระกูลฟาง หรือว่าจะเป็นครั้งก่อนที่ให้เขามาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่นี่ ช่วงที่ทำงานล่วงเกินนายน้อยตระกูลฟางไปหรือ?
ไม่ว่าจะไปล่วงเกินอย่างไร สรุปแล้วคนเช่นนี้พวกเขาจะสามารถล่วงเกินได้อย่างไร
ไม่นาน เย่ชิงหยู่ก็มาถึงประตูของฟางซื่อกรุ๊ปแล้ว เพิ่งเดินมาถึงประตูของฟางซื่อกรุ๊ป เธอก็ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนที่หน้าประตูหยุดไว้ ใบหน้าไร้อารมณ์ “คุณผู้หญิง ขอถามว่าคุณมีธุระอะไรหรือ?”
“ฉันอยากมาพบนายน้อยของพวกนายคุยเรื่องการร่วมมือ!” เย่ชิงหยู่เข้าประเด็น
พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นสำรวจเย่ชิงหยู่เล็กน้อย ต่อจากนั้นเอ่ยว่า “กรุณารอสักครู่ ฉันเข้าไปรายงานสักหน่อย” พูดอยู่ พนักงานรักษาความปลอดภัยก็หมุนตัวแล้วเดินเข้าไปในบริษัท ไม่นานนัก ผู้หญิงในชุดเครื่องแบบ OL ก็เดินออกมา เป็นผู้หญิงครั้งก่อนคนนั้น เซียวเจิ้นเทียนเกรงใจกับเธอเป็นอย่างมาก ยังเรียกเธอว่าประธานหวัง
กลิ่นอายของหวังชิงชิงยังคงยิ่งใหญ่ ทุกก้าวเดิน ราวกับมีสายลมพัดอยู่ด้วยที่ด้านหลังร่างกาย
มาถึงด้านหน้าของเย่ชิงหยู่ มองสำรวจเย่ชิงหยู่ขึ้นลงเล็กน้อย เอ่ยถาม “เป็นคุณที่ต้องการมาพบนายน้อยของพวกเราเจรจาเรื่องความร่วมมือหรือ?”
หวังชิงชิงรู้จักผู้หญิงคนนี้ และก็รู้ว่านายน้อยปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ธรรมดา ครั้งก่อนให้แก้ไขแบบแปลน เรื่องที่ละเมิดจรรยาบรรณทางธุรกิจแบบนี้ ก็ล้วนช่วยเธอไปแล้ว ดังนั้นเธอเดาว่าความสัมพันธ์ของนายน้อยกับเธอนั้นไม่ธรรมดามาก
เธอรู้เรื่องที่นายน้อยมีภรรยา แต่ไม่รู้ว่าภรรยาของนายน้อยเป็นใคร เพราะว่าบริษัทไม่ให้ตรวจสอบสถานะของนายน้อย ใครก็ตามที่ตรวจสอบสถานะของนายน้อยแล้ว ล้วนถูกไล่ออก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าเย่ชิงหยู่ก็คือภรรยาของฟางเหยียน
เย่ชิงหยู่มองหวังชิงชิงที่ใบหน้าไร้อารมณ์ ใบหน้ากังวลเอ่ยว่า “ประธานหวัง ขอโทษด้วย เมื่อครู่ฉันพูดโกหก แต่ฉันอยากพบนายน้อยของพวกคุณสักหน่อยได้ไหม? ฉันรู้ว่านายน้อยแห่งตระกูลฟางฐานะสูงส่ง ไม่ใช่คนประเภทพวกเราอยากพบก็สามารถพบได้ แต่ว่าฉันมีเรื่องที่สำคัญมากจะพูดกับนายน้อย ขอร้องคุณแล้วประธานหวัง ขอร้องคุณให้ฉันได้พบนายน้อย ได้ไหม?”
เย่ชิงหยู่โค้งเอวลงเก้าสิบองศาต่อหน้าหวังชิงชิง ใบหน้าจริงใจ
หวังชิงชิงยกมือขึ้นประคองเย่ชิงหยู่ไว้ เอ่ยว่า “คุณเย่ คุณมีเรื่องอะไรสามารถบอกกับฉันได้โดยตรง นายน้อยตอนนี้ไม่อยู่บริษัท เขามีเรื่องสำคัญไปจัดการแล้ว พูดกับฉัน ฉันจะถ่ายทอดให้นายน้อยเอง”
สีหน้าของเย่ชิงหยู่เปลี่ยนเป็นกลัดกลุ้มใจยิ่งขึ้นแล้ว ในที่สุด ขอบตาของเธอก็มีน้ำตาแห่งความวิตกกังวลไหลออกมา ราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เอ่ยว่า “ฉันไม่รู้ว่าสามีของฉันไปล่วงเกินนายน้อยของตระกูลฟางได้อย่างไร แต่ว่าพวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันอยากขอร้องนายน้อยให้ปล่อยสามีของฉัน”
ได้ยินคำพูดนี้ ตอนแรกหวังชิงชิงชะงักไป ต่อจากนั้นเอ่ยถามว่า “คุณพูดว่า สามีของคุณล่วงเกินนายน้อยของพวกเรา?”
นายน้อยคนนี้ถึงจะแปลก แต่ว่าไม่ได้ยินว่ามีคนล่วงเกินเขานะ
เย่ชิงหยู่พยักหน้าพร้อมอืมคำหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ก็เป็นเมื่อครู่นี้เอง เซียวเจิ้นเทียนจับตัวสามีของฉันไปแล้ว ขอร้องคุณ ขอร้องคุณให้ฉันพบนายน้อย ฉันขอร้องเขาให้ปล่อยสามีของฉันได้ไหม? พวกเราเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป จะยั่วหาเรื่องคนเช่นนายน้อยได้ที่ไหนกัน”
การแสดงออกบนใบหน้าของหวังชิงชิงมีความสงสัยแบบหนึ่ง จากนั้นถามว่า “สามีของคุณ ชื่อว่าอะไร?”
“ฟางเหยียน!” เย่ชิงหยู่พ่นสองคำนี้ออกมา
ทั้งตัวของหวังชิงชิงตกตะลึง ใช้สายตาที่ไม่อยากจะเชื่อมองเย่ชิงหยู่ ที่แท้เป็นเช่นนี้ ที่แท้แล้วเธอก็คือภรรยาของนายน้อย ไม่แปลกใจที่ครั้งก่อนนายน้อยบอกว่าไม่ว่าเธอจะยื่นข้อเสนออะไรออกมา ล้วนต้องรับปากเธอ
ผู้หญิงคนนี้ผิวขาวสะอาด ตัวเธอมีความสวยแบบสาวคลาสสิคแบบหนึ่ง พูดไม่ได้ว่าเป็นผู้หญิงแกร่งคนหนึ่งเช่นเธอ แต่ว่ามีความเป็นสาวน้อยอบอุ่นแบบหนึ่ง มองไปมองมา ในใจของหวังชิงชิงก็เกิดความอิจฉาริษยาสายหนึ่งออกมา ถึงแม้ว่าเธอไม่มีกลิ่นอายแข็งแกร่งเทียบเท่าตนเองขนาดนั้น แต่กลับจับหัวใจของนายน้อยไว้ได้อย่างมั่นคง จุดนี้นั้น ไม่มีใครเทียบได้
ก็เป็นผู้หญิงคนนี้ ที่ทำให้นายน้อยไม่ไปมองผู้หญิงคนอื่นรอบตัวเขาสักคน