จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 215
ฟางเหยียนไม่สนใจเขา ยังคงเดินไปเดินมาด้วยตนเองในห้องโถง
การกระทำนี้พอดีกับเซียวเหอที่เดินเข้ามาเห็นเข้าพอดี เขาเบิกตากว้างเอ่ยถาม “คุณพ่อ เขากำลังทำอะไร?”
เซียวเจิ้นเทียนไม่ได้ตอบคำถามของเซียวเหอตะโกนตำหนิด้วยความโกรธว่า “นายกำลังทำอะไร?”
ถึงแม้ว่าบนร่างของฟางเหยียนยังมีเชือกเส้นใหญ่มัดไว้อยู่ แต่ไม่มีความรู้สึกวิกฤตบนใบหน้าของเขาแม้แต่น้อย กลับกัน เขาเดินไปมาอย่างเอิกเกริกอยู่ในห้องโถงของตระกูลเซียว กลับรู้สึกว่าคือการที่แขกกลายมาเป็นเจ้าบ้าน
เซียวเหอเบิกตากว้าง คิดถึงโครงเรื่องในละครทีวีได้ ดังนั้นจึงเบิกตากว้างตะโกนว่า “ไม่ดีแล้ว คุณพ่อ นี่เขากำลังครุ่นคิดวางแผน รออีกสักพักจะต้องมีคนมาช่วยเขาแน่”
ประโยคเดียว ก็ทำให้จังหวะทุกอย่างเปลี่ยนไป เซียวเหอรีบร้อนตะโกนไปที่ประตู “ใครก็ได้เข้ามา!”
คำสั่งเดียว จากด้านนอกประตูมีชายร่างใหญ่หลายคนพุ่งเข้ามา เซียวเหอชี้ฟางเหยียนตะโกนว่า “จับเขาไว้ให้ฉัน”
ไม่กี่คนนั้นยังไม่ทันมาถึงข้างกายฟางเหยียน ฟางเหยียนก็ตะโกนออกมาเสียงดังคำหนึ่ง “ช้าก่อน!”
คำว่าช้าก่อนคำเดียว เปล่งออกมาอย่างรุนแรงจริงจัง ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นล้วนสั่นสะท้าน รูปร่างของเขาและสีหน้าต่างก็ไม่เหมือนกับคนที่สามารถพ่นคำที่แข็งแกร่งแบบนี้ออกมาได้ แต่เขาก็เปล่งออกมาแล้ว ทำให้ผู้คนต่างก็คิดไม่ถึง
เซียวเจิ้นเทียนกับเซียวเหอแลกเปลี่ยนสายตากัน เซียวเหอหรี่ตาลงโบกมือแล้วเอ่ยว่า “คุมตัวเขาไว้!”
นับตั้งแต่ฆ่าไอตาข้างเดียวไป พลังที่แผ่ออกมาของเซียวเหอก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทำเรื่องอะไรก็รู้สึกว่าท่าทางของตนเองนั้นเก่งกาจมาก
ฟางเหยียนหมุนตัวกลับมามองไปทางเซียวเหอ เอ่ยว่า “ตอนนี้ฉันโดนพวกนายยมัดไว้จนกลายแบบนี้ พวกนายยังกังวลใจว่าฉันจะหนีไป? ฉันจะหนีไปยังไง? ทำไมตัวเองถึงต้องสงสัยความสามารถของตัวเองด้วยล่ะ? หรือว่าพวกนายคนตระกูลเซียวล้วนเป็นของจัดแสดง?”
คำถามนี้ทำให้เซียวเหอกระอักกระอ่วนอยู่ชั่วขณะ เขายกมือขึ้นมาทำท่าทางให้ชายร่างใหญ่ที่เข้ามาออกไป
ฟางเหยียนถึงได้เหอะออกมาเสียงหนึ่งอย่างเย็นชา เอ่ยว่า “ห้องโถงใหญ่ตระกูลเซียวของพวกนาย เคยมีคนตายสินะ?”
“บังอาจ!” เซียวเหอตะโกนอย่างโมโหคำหนึ่ง จากนั้นตะโกนว่า “ห้องโถงตระกูลเซียวของฉันตลอดมาเป็นสถานที่ที่สะอาด ไม่เคยเปื้อนเลือด แกคนเหิมเกริมนี่ ถึงกับพูดจาบ้าบอ เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ฉันจะทำให้ห้องโถงตระกูลเซียวมีเลือดของแกไหลออกมา?”
พูดจบ เซียวเหอควักปืนพกกระบอกเมื่อครู่ออกมา ชี้ไปที่หัวของฟางเหยียนเซียวเจิ้นเทียนยกมือขึ้นมาห้าม “เซียวเหอ อย่าวู่วาม!”
เซียวเหอมองเซียวเจิ้นเทียนครั้งหนึ่ง ถึงได้กระฟัดกระเฟียดวางปืนลง
เซียวเจิ้นเทียนมองฟางเหยียน เอ่ยถาม “นายรู้ได้ยังไงว่าห้องโถงตระกูลเซียวของฉันเคยถูกย้อมด้วยเลือดมาก่อน?”
ห้องโถงตระกูลเซียวเคยถูกย้อมด้วยเลือด เคยถูกย้อมด้วยเลือดจริงๆ อู๋เหมยครั้งก่อนไม่ใช่ว่าตายที่ห้องโถงตระกูลเซียวหรอกหรือ?
ฟางเหยียนกวาดสายตาทั่วทั้งห้องรอบหนึ่ง เอ่ยว่า “พูดไปอย่างนั้นเอง คิดไม่ถึงว่าจะเคยเปื้อนจริง! ท่านเซียว คุณควรจะรู้ว่าป้ายวิญญาณในห้องโถงนั้นไม่อาจเห็นเลือดได้ใช่ไหม? ถ้าเกิดเห็นเลือดแล้ว เช่นนั้นก็ต้องเกิดเรื่องใหญ่นะ!”
“แกไอ้บ้านี่! ปากไม่มีกาลเทศะ!” เซียวเหอตำหนิอยากโมโหอีกครั้ง ถูกมัดไว้แล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่ยังสามารถอวดดีแบบนี้ได้อีก ไม่เอาความน่าเกรงขามของตระกูลเซียวมาไว้ในสายตาสักนิด
แต่ว่าเซียวเจิ้นเทียนและฟางเหยียนล้วนไม่สนใจเขา เซียวเจิ้นเทียนหรี่ตาลงถามว่า “นายรู้ได้ยังไง? หรือว่า อู๋เหมยถูกนายซื้อไปใช่ไหม? เป็นนายที่ให้อู๋เหมยมาฆ่าตัวตายที่ตระกูลเซียวของฉัน?”
ฟางเหยียนเผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง เอ่ยว่า “ก็ไม่อาจพูดได้มั้ง ที่จริงแล้วเขาเกลียดพวกนายตระกูลเซียว แล้วก็เข้าใจรูปแบบการจัดการเรื่องราวของพวกนายตระกูลเซียว เปรียบกับเมื่อครู่ เพียงแค่มีวันหนึ่งเขาไม่มีประโยชน์แล้ว จะต้องถูกพวกนายตระกูลเซียวทอดทิ้งแน่นอน ถึงขั้นอาจจะฆ่าเขาก็ได้! ดังนั้นนี่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นฉันที่ให้เขาฆ่าตัวตาย ที่จริงแล้วเป็นเขาฆ่าตัวตายเอง”
“นาย!” เซียวเจิ้นเทียนสีหน้าบึ้งตึง ต่อจากนั้นพยักหน้าต่อกันเอ่ยว่า “คร้านจะฟังนายพูดมากมายขนาดนั้น”
“ตอนนี้ ฉันต้องการแค่หนึ่งประโยคของนาย การตายของลูกชายฉันเซียวเหวินปิน ยังมีการหายตัวไปของเซียวห้าน เกี่ยวข้องกับนายหรือไม่?”
ฟางเหยียนครุ่นคิดชั่วขณะ ตอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดว่า “ใช่! ทั้งหมดเป็นฉันที่ทำ ตอนที่ฉันกลับมา ก็เคยบอกกับเซียวฮั่ว ให้เขาบอกนาย ฉันกลับมาแล้ว หรือว่า เขาไม่ได้บอกนายหรือ?”
คำพูดนี้ออกมา ทำให้เซียวเจิ้นเทียนโมโหจนร่างสั่นสะท้าน เขาสูดหายใจเข้าลึกเอ่ยว่า “คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นนายจริงๆ เป็นนายจริงๆ!”
ก่อนหน้านี้เขาเคยมีความคิดเช่นนี้ แต่ว่าที่สุดแล้วก็เป็นแค่การคาดเดา ในความคิดของเขา ฟางเหยียนไม่มีความสามารถเช่นนี้ แล้วยังส่งคนไปฆ่าเขาแก้แค้นให้เซียวฮั่ว แต่ก็ล้วนไม่สำเร็จ เขาคิดไม่ถึงว่า ถึงกับเป็นเขาที่ทำจริงๆ เขายังยอมรับอย่างตรงไปตรงมาแล้วด้วย
เซียวฮั่วหมุนรถเข็นเข้ามา ชี้ไปที่ฟางเหยียนอย่างโมโหเอ่ยว่า “คุณปู่ ฆ่าเขา! ฆ่าเขาสิ”
เสียงของเซียวฮั่วเพิ่งจะหลุดออกมา ผู้หญิงคนหนึ่งพลันพุ่งเข้ามาจากด้านนอกห้อง เธอพุ่งไปที่ฟางเหยียนโดยตรง รวดเร็วมาก เปรียบเทียบสำหรับผู้หญิง ก็ถือว่าเร็วมากแล้ว
เธอเข้าใกล้ฟางเหยียนอย่างรุนแรง ในมือถือมีดสั้นเล่มหนึ่งไว้ก็แทงไปทางฟางเหยียนอย่างโหดเหี้ยม
แต่ก็เป็นตอนที่เธอเกือบจะแทงไปถึงฟางเหยียนนั้น ฟางเหยียนก็หลบเลี่ยงอย่างสบายๆ ก็หลบพ้นแล้ว
หญิงสาวพุ่งสู่ความว่างเปล่า เนื่องจากร่างกายไม่คงที่ ถัดมาจึงล้มคะมำลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง
หญิงสาวคนนั้นหันหน้ากลับมาทันที จ้องเขม็งไปที่ฟางเหยียนอย่างโกรธจัด เธออายุสี่สิบกว่า สีหน้าซีดเผือด บนใบหน้ามีร่องรอยคราบน้ำตา ทั้งใบหน้าดูไปแล้วมีความดุร้ายแบบหนึ่ง หญิงสาวคนนี้แค่มองดู ก็รู้ว่าเธอเป็นตัวละครที่โหดเหี้ยม ดูให้ละเอียด เธอหน้าตาคล้ายคลึงกับเซียวห้าน ถ้าไม่เดาผิดละก็ เธอน่าจะเป็นแม่ของเซียวห้าน ภรรยาของเซียวเหวินปิน
“หวังฮุ่ย! นี่เธอทำอะไร?” เซียวเจิ้นเทียนขมวดคิ้วถามหวังฮุ่ย
หวังฮุ่ยยกมีดสั้นขึ้นมาชี้ไปที่ฟางเหยียนเอ่ยว่า “คุณพ่อ เขายอมรับแล้ว เป็นเขาที่ฆ่าเหวินปิน ฉันจะฆ่าเขา แก้แค้นให้เหวินปิน”
เป็นคนตระกูลเดียวกันจริงๆ ทั้งครอบครัวเซียวเหวินปินนี้ล้วนเป็นคนโหดเหี้ยมจริงๆ! ด้านหน้ามีความโหดเหี้ยมของเซียวเหวินปิน ด้านหลังมีความโหดเหี้ยมของเซียวห้าน ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ก็โหดเหี้ยม ถือมีดสั้นเล่มหนึ่งก็จะมาฆ่าเขาแล้ว
เซียวเจิ้นเทียนถอนหายใจครั้งหนึ่ง เอ่ยว่า “ตอนนี้ความเป็นตายของเซียวห้านไม่อาจรู้ได้ ร่องรอยไม่ชัดเจน ถ้าเธอฆ่าเขาไป พวกเราจะไปหาคนจากที่ไหน? ฉันรู้ว่าเธอจิตใจเป็นทุกข์ จิตใจของฉันยิ่งกว่าเป็นทุกข์”
แล้วกลับมาสะอึกสะอื้นเสียงหนึ่ง เอ่ยว่า “คุณพ่อ พวกเราฆ่าเขาเถอะ ฆ่าเขาแล้วค่อยหาเซียวห้าน เพียงแค่เซียวห้านยังมีชีวิตอยู่ ฉันเชื่อว่าพวกเราตระกูลเซียวจะต้องหาเซียวห้านเจอแน่นอน”
เซียวเจิ้นเทียนยกมือขึ้นมาตะคอกว่า “เหลวไหล!”
ที่จริงแล้วเขาอยากฆ่าฟางเหยียนมากกว่าผู้ใด ตั้งแต่ตอนที่เขาพูดโพล่งคำนั้นออกมา ที่อยากฆ่าเขามากที่สุดก็เป็นตนเองแล้ว แต่ว่าคนผู้นี้ก็ไม่ใช่คนที่ตนอยากฆ่าก็ฆ่าได้ เพราะว่าเขานั้นเป็นบุคคลที่นายน้อยตระกูลฟางส่งมา
“ออกไป!” เซียวเจิ้นเทียนกัดฟันสั่งลงมาประโยคหนึ่ง
หวังฮุ่ยลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ดวงตาทั้งคู่จ้องมองฟางเหยียนอย่างดุร้าย เธอพลันกัดฟัน ตะโกนเสียงสูง “ไปตาย!”
เธอพุ่งไปทางฟางเหยียนพยายามฆ่าอย่างดุดันอีกครั้ง ท่าทางเช่นนั้นราวกับว่าต้องการจะฆ่าฟางเหยียนจริงๆเช่นนั้น!