จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 242
หมดกัน! เซียวเจิ้นเที่ยนเหมือนกับลูกบอลที่ลมรั่วอย่างไรอย่างนั้น ขาอ่อนจนล้มลงไปกับพื้น แพ้แล้ว เซียวติ่งความหวังเดียวของพวกเขาตระกูลเซียวแพ้แล้ว ตระกูลเซียวจบเห่แล้ว ไม่มีทางต่อสู้กับคนที่อยู่ตรงหน้านี้ได้อีกแล้ว
ฟางเหยียนสายตาเลือดเย็นมองเซียวเจิ้นเที่ยน แล้วกล่าว “ฉันพูดไว้ตั้งนานแล้ว ว่าอย่าฝากความหวังกับมัน ตั้งแต่มันฆ่าลูกน้องของฉัน มันก็ถือเป็นคนตายแล้ว ทำไมแกเซียวเจิ้นเที่ยนไม่ยอมเชื่อละ?”
เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนโยนเซียวติ่งที่ชูอยู่บนหัวลงไป เสียงปังดังขึ้น เซียวติ่งที่เมื่อกี๊โอ่อ่าเต็มที่กลายเป็นซากหมาตัวหนึ่ง ล้มตัวอ่อนลงกับพื้น
ร่างของเขาม้วนเป็นวง ในร่างกายไม่มีเนื้อดีแล้ว เนื้อทั้งหมดถูกฟางเหยียนฟันเละ
เซียวเจิ้นเที่ยนรีบวิ่งไป เขาอยากยื่นมือออกไปพยุงไว้ แต่กลับทำไม่ได้ เพราะร่างกายไม่มีเนื้อดีแล้วเหลือแล้ว ฉากอันน่าสลดใจ ทำให้เขาเสียใจที่สุด!
“ติ่งเอ๋อ,ติ่งเอ๋อ!” มือของเขาไม่มีที่ให้วาง ทำได้เพียงเรียกอย่างจนปัญญา
เซียวติ่งกระอักเลือดออกมา สั่นไปทั้งตัว เหมือนกับกำลังดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย
ทันใดนั้นเขามองไปที่เซียวเจิ้นเที่ยนแล้วยกมือขึ้นมา เซียวเจิ้นเที่ยนเห็นดังนี้จึงได้จับมือเขาไว้ โอบกอดเขา แล้วพูดว่า “ติ่งเอ๋อ ติ่งเอ๋อ! แกไม่เป็นไรใช่มั้ย? แก…ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
ประโยคว่าไม่เป็นไรเป็นประโยคที่หลอกตัวเองและคนอื่นอยู่ทั้งนั้น ถูกเล่นงานจนดูไม่จืดขนาดนี้แล้ว ยังไม่เป็นอะไรอีกเหรอ?
เดิมทีคิดว่าเซียวติ่งจะสามารถกู้เกียรติของตระกูลเซียวมาได้ แต่กลับไม่คาดคิดว่าเขาจะแพ้ราบคาบขนาดนี้! ถ้ารู้ว่าเขากลับมาแล้วต้องตายตั้งแต่แรก เขาจะไม่ให้เซียวติ่งออกโรง และไม่ให้เซียวติ่งกลับมา
เสียใจ! น้ำตาแห่งความเสียใจของเซียวเจิ้นเที่ยนได้ไหลรินลงมา ไปที่บนหน้าของเซียวติ่งโดยตรง
เซียวติ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ เขากัดฟัน จับมือเซียวเจิ้นเที่ยนด้วยใบหน้าอันแสนเจ็บปวด แล้วกล่าว “พ่อ ฆ่าผมเถอะนะ รีบฆ่าผมเถอะ!”
เซียวเจิ้นเที่ยนมองเซียวติ่งที่หน้าตาเต็มไปด้วยความทุกข์อย่างตกใจ ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่านี่หมายความว่าอะไร
“ลูกชาย แกพูดบ้าอะไร!” เซียวเจิ้นเที่ยนกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ระทม เขาจะฆ่าลูกชายตัวเองด้วยมือของตัวเองได้อย่างไรกัน นี่เป็นเพียงวันเดียววันสุดท้ายของเขาแล้ว ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่มีทางลงมือฆ่าลูกชายด้วยน้ำมือตัวเองเด็ดขาด
เซียวติ่งกลับจับมือเขาไว้อย่างแน่นแล้วกล่าว “พ่อ รีบฆ่าผม ฆ่าผม! ผมทุกข์ระทมเหลือเกิน ผมทุกข์ระทมเหลือเกิน”
ความรู้สึกนี้มันทุกข์เสียยิ่งกว่าการฆ่าเขาเสียอีก เหมือนกับเขาถูกคนอื่นสกัดจุด และมีผึ้งจำนวนนับไม่ถ้วนต่อยที่ร่างกายของเขา
ฟางเหยียนเดินมาข้างหน้า แล้วกล่าวอย่างปกติทั่วไปว่า “ฉันตัดเส้นเอ็นในตัวมันขาดหมดละ แต่เหลือลมหายใจของมันไว้ ตอนนี้เพียงแค่เลือดในตัวมันยังไหลเวียน ก็จะทำให้มันเจ็บปวดอย่างรวดร้าว นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะได้รับ เซียวติ่งเป็นคนที่เหมาะแก่การที่ฉันจะใช้วิธีนี้ด้วย มันน่าจะดีใจนะ”
“แก!” เซียวเจิ้นเที่ยนตะคอกฟางเหยียนอย่างเกรี้ยวกราดตัวสั่น โหดร้าย! คนๆหนึ่งที่อายุแค่ยี่สิบกว่าปีนึกไม่ถึงว่าจะโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้ นี่เป็นปีศาจที่เซียวเจิ้นเที่ยนเจอ เขานึกไม่ถึงจริงๆว่าคนๆหนึ่งต้องเป็นอะไรถึงจะโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้?
แต่ ถ้าฟางเหยียนรู้ว่าในการต่อสู้ฟางเหยียนเก่งกาจในสนามรบ และโหดเหี้ยมเป็นชีวิตจิตใจละก็ ไม่มีทางคิดแบบนี้แน่นอน
คนที่อยู่แต่กับการฆ่าคนตลอดเวลา คุณยังหวังจะให้เขาปกติได้อย่างไรกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ได้ล้ำเส้นฟางเส้นสุดท้ายของชีวิตเขาแล้ว ทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างไปหมด แล้วเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องพูดจาดีๆ และทำดีกับพวกเขาด้วยละ!
ฟางเหยียนกล่าวอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะแก! เซียวเจิ้นเที่ยน แกยังมีโอกาสอีกครั้ง บอกฉันมา องค์กรที่อยู่เบื้องหลังแกชื่ออะไรกันแน่? ถ้าบอกฉัน ฉันจะยกโทษให้ทั้งตระกูลของแกในตอนนี้”
“แน่นอน แกไม่ต้องกังวลว่าคนขององค์กรนั้นจะมาล้างแค้นพวกแก เพราะ ฉันจะไปล้างบางพวกมันโดยเร็วที่สุด”
เซียวเจิ้นเที่ยนเงยหน้าสบตาฟางเหยียน นั่นเป็นแววตาที่ปฏิเสธไม่ได้ เขาขมวดคิ้ว มองไปยังลูกชายที่นอนหอบอยู่บนพื้น นี่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขาแล้ว
แล้วเงยหน้ามองทุกครอบครัวของตระกูลเซียว ถ้าตนไม่พูด พวกเขาก็ตายทั้งหมด!
ตอนนี้ตระกูลเซียวมาถึงทางตัน แล้วองค์กรนั้นก็ไม่ได้มีความคิดที่จะออกมาช่วยตนแต่อย่างใด ถ้าตนไม่พูดถึงองค์กร สิ่งที่รอตนอยู่ก็มีเพียงล้างบางตระกูลทางเดียวแล้วละ แต่ถ้าพูดออกไป คนนั้นจะล้างบางองค์กรนั้นได้จริงเหรอ?
เซียวเจิ้นเที่ยนเงยหน้ามองฟางเหยียนแล้วถาม “แกพูดจริงมั้ย? แกล้างบางองค์กรนั้นได้จริงๆใช่มั้ย?”
ฟางเหยียนเงยหน้ายืดอกแล้วกล่าว “กษัตริย์ตรัสคำไหนคำนั้น!”
กษัตริย์ตรัสคำไหนคำนั้นประโยคเดียวพูดมีพลัง ราวกับทุกๆคำสามารถส่งเสียงออกมาได้ ความกล้าหาญของเขาราวกับกษัตริย์สมัยโบราณ มีเพียงกษัตริย์โบราณเท่านั้นจึงใช้สำนวนนี้ ไม่คาดคิดว่าเขาพูดได้อย่างฉะฉานอย่างนี้
ใช่ เขาคือกษัตริย์ กษัตริย์ที่ปกป้องประเทศหวาทั้งประเทศ! คำนี้ที่เขาพูดออกมา ไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย
“ไม่!” เซียวเจิ้นเที่ยนส่ายหน้าแล้วกล่าว “ฉันไม่เชื่อว่าแกจะสู้พวกมันได้!”
แม้ฟางเหยียนจะบ้าอำนาจ แต่องค์กรนั้นยากที่จะหยั่งรู้ได้ เซียวเจี้ยนเที่ยนไม่เชื่อฟางเหยียนเสียทีเดียว
“ไม่เชื่อฉัน?” ฟางเหยียนถามอย่างเย็นชาต่อไป เขาเริ่มหมดความอดทนแล้ว
เทพแห่งสงครามของประเทศหวา ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ถูกคนพูดใส่ว่าไม่เชื่อ บนโลกนี้มียอดฝีมือมากมาย และมีองค์กรลับมากมาย แต่เมื่อพวกเขาอยู่ต่อหน้าสำนักเจ็ดพิฆาต ก็กลายเป็นจิ๊บจ๊อยไปเลย
ในมือฟางเหยียนมีองครักษ์ทั้งเจ็ด ต่อให้ตอนนี้เหลือแค่หก แต่ทั้งหกนั้นของเขามีใครบ้างที่ไม่เก่งดั่งราชา
ใบหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนยังคงยากที่จะเชื่ออยู่อย่างนั้น ฟางเหยียนจับติดจุดนี้ของเขาแล้ว
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าว “โอเค งั้นฉันจะทำตามใจละ! แกไม่บอกฉัน ฉันก็หาพวกมันเจอ แค่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นแหละ แน่นอน ก่อนที่ฉันจะหาองค์กรนี้เจอ ตระกูลของพวกแกต้องตายทุกคน!”
ฟางเหยียนหน้าตาสบายๆ เขาสะบัดมือ ไม่อยากเสียเวลากับเซียวเจิ้นเทียนอีกต่อไป
ไม่ให้เซียวเจิ้นเที่ยนพูด เขาก็หาองค์กรนั้นเจออยู่ดี ในเมื่อแกเซียวเจิ้นเที่ยนต้องการปกปิด งั้นก็ล้างบางตระกูลแกซะ นี่เป็นสไตล์การจัดการของฟางเหยียน ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ล้วนเป็นสนามรบด้วยกันทั้งนั้น ต้องโหดเหี้ยม
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความเมตตา เพียงแต่เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลที่มั่นใจในตัวเอง จึงไม่จำเป็นต้องเมตตา ถ้าเขาเมตตาต่อตระกูลเซียว งั้นประเทศหวาที่ได้รับการปกป้องมีตระกูลแบบนี้อยู่ แล้วจะมีความหมายอะไร
นี่เหมือนกับในสนามรบ เมตตาต่อศัตรูก็เหมือนทารุณตัวเอง
“มา!” ฟางเหยียนตะโกนเสียงดังออกไปด้านนอก นักรบของกองทัพหลายคนเดินเข้ามา
“ฉันไม่อยากเห็นมีใครมีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว!” ฟางเหยียนสั่งอย่างนิ่งสงบ
ทันใดนั้นในห้องก็เปลี่ยนเป็นความน่าหวาดกลัวขึ้นมา เสียงคร่ำครวญ อ้อนวอนดังจนแสบแก้วหู
“ช้าก่อน!” เซียวเจิ้นเที่ยนพรีบพูดกับฟางเหยียน “ฉันพูด ฉันบอกแกล่ะ ฉันบอกแกล่ะ”