จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 253
ฟางเหยียนเคยเน้นหนักไปที่การสืบองค์กรนี้แล้ว แต่ไม่เคยได้ผลลัพธ์อะไรกลับมา นักสืบของสำนักเจ็ดพิฆาตเป็นนักสืบชั้นยอดของโลก สิ่งที่สำนักเจ็ดพิฆาตหาไม่เจอแต่กลับถูกคนที่ชื่อจ้าวเอ้อหาเจอ
ดูท่าแล้ว ยอดฝีมือก็ยังคงอยู่ตามพื้นเมืองทั่วไป เขาต้องไปหนานหลิงเพื่อไปหาคนที่ชื่อจ้าวเอ้อคนนี้เสียแล้ว
“อ้อ การเคลื่อนไหวล่าสุดของพวกเขาที่คุณว่ามานั้น มันเกิดอะไรขึ้นอีก?” ฟางเหยียนถาม
หลัวเทียนเย่ว์กล่าว เพื่อนของผมคนนั้นไม่ได้บอกผมไว้ บอกว่าถ้าผมอยากรู้ก็ให้ไปหาเขาที่หนานหลิง ผมว่าก็ไม่น่าจะได้อะไรจากเขาแล้วละ ผมจึงได้รีบมาบอกคุณ”
“โอเค!” ฟางเหยียนพยักหน้า หลับตาลงอย่างปริยายแล้วถาม “เขาอยู่ที่ไหน?”
“เขตหนานซาโจว!” หลัวเทียนเย่ว์ตอบ “เขาเปิดร้านยาแพทย์แผนโบราณจีน! ชื่อว่าร้านยาสมุนไพรจ้าวเอ้อ!”
เป็นชื่อที่ติดดิน และเหมาะสมกับเจ้าของร้านที่ชื่อนี้
ในขณะเดียวกันนี้เอง สหายของกองทัพสองคนเอาศพของอีเหมยมากองไว้ที่พื้นแล้วถาม “จอมพลโผ้จวิน ให้จัดการกับศพของเขายังไงดีครับ?”
ฟางเหยียนไม่ตอบ หลัวเทียนเย่ว์ส่งเสียงออกมาแล้วกล่าว “นี่มันนั่น ที่ชื่อนักเต๋าอีเหมยไม่ใช่เหรอ?” สายตาของเขาจับจ้องไปที่นักเต๋าอีเหมยพอดี ด้วยสายตาประหลาดใจ เขาก็ไม่คาดคิดว่านักเต๋าอีเหมยจะตายแล้ว
ความรู้ของหลัวเทียนเย่ว์มีมากมาย แม้แต่นักเต๋าอีเหมยนี้เขายังรู้จักเลย ตอนนี้ถ้าจะบอกว่าเขามีชีวิตธรรมดาในสังคม มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ
แต่นี่ก็คิดไม่ยาก ช่วงห้าปีนี้ฟางเหยียนใช้ชีวิตในค่ายทหาร ไม่รู้เกี่ยวกับโลกภายนอกแม้แต่น้อย ความคิดความอ่านก่อนหน้านี้ล้วนอยู่อยู่ที่การเรียนและเย่ชิงหยู่ ตอนที่ยังมาไม่ถึงจุดนี้เขาไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลยแม้แต่น้อย
ฟางเหยียนพยักหน้าแล้วกล่าว “คือเขานั่นแหละ คุณรู้จักเหรอ?”
หลัวเทียนเย่ว์มองไปที่ศพของนักเต๋าอีเหมย พยักหน้าแล้วกล่าว “เมื่อก่อนโชคที่ได้เห็นรูปของเขา แต่ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าเมื่อเห็นเขาอีกครั้ง จะกลายเป็นแบบนี้ไป!
“ทำไม? คุณอาลัยอาวรณ์เขาเหรอ?” ฟางเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
หลัวเทียนเย่ว์หน้าถอดสี รีบกล่าว “ไม่ไม่ไม่ คุณฟางคุณพูดอะไรเนี่ย เพียงแต่ในความเข้าใจของผม บุคคลผู้นี้เป็นคนที่เก่งกาจ อย่าว่าแต่เมืองจินโจวเล็กๆนี่เลย ต่อให้เป็นทั้งประเทศหวา ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว สิบปีก่อน ที่หนานหลิง เขาฆ่าโลกใต้ดินของหนานหลิงทั้งหมด ทำให้โลกใต้ดินระส่ำระสาย! ผมก็แค่ไม่เข้าใจเอามากๆ ว่าเขาจะตายโดยวิธีการนี้ นี่…”
หลัวเทียนเย่ว์ยิ้มแหยๆให้ฟางเหยียน ยังมีเคารพแล้วกล่าว “ขอโทษครับ คุณฟาง ผมไม่รู้มาก่อนว่าเขาทำผิดต่อคุณ!”
ไม่สงสัยเลยสักนิด แค่เห็นก็รู้แล้วว่านักเต๋าอีเหมยถูกฟางเหยียนฆ่าตาย! เมื่อดูไปที่ฟางเหยียนอีกครั้งเขายังคงหน้าตานิ่งเฉย นิ่งสงบดังเดิม เห็นความแตกต่างของทั้งสองว่าต่างกันมาก!
ไม่คาดคิดว่าฟางเหยียนอายุน้อยขนาดนี้ จะทำเรื่องสะเทือนฟ้าดินแบบนี้ได้ ได้รู้จักเขา ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในชีวิต ต่อให้ตัวเองไม่ถึงขั้นเป็นเพื่อนของอีกฝ่ายก็ตาม
หลัวเทียนเย่ว์รู้ว่าฟางเหยียนคือคุณชายของตระกูลฟาง แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ เขาไม่รู้ถึงการแบ่งขั้นของนินจา แต่รู้ว่าบุคคลที่สามารถฆ่านักเต๋าอีเหมยได้ ต้องไปขั้นสุดยอดแน่นอน
ฟางเหยียน อาจจะไม่ได้เป็นแค่คุณชายของตระกูลฟางแค่นั้น เขาจะต้องเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพอย่างแน่นอน
คนอย่างเขารู้เกี่ยวกับยุทธภพอยู่บ้าง แต่ไม่ค่อยรู้เขตแดนสักเท่าไหร่ เพราะต่อให้เขาอยากสืบก็ไม่มีโอกาส ดังนั้นเมื่อกี๊ได้ยินคนนั้นเรียกเขาว่าจอมพลโผ้จวิน เขาก็ไม่รู้ว่านี่หมายความว่าอะไร
“เขาเป็นคนขององค์กรนินจาไหน? คุณรู้มั้ย?” ฟางเหยียนถามอย่าง ตรงไปตรงมา
คิ้วของหลัวเทียนเย่ว์ค่อยๆขมวดขึ้น แล้วกล่าว “เหมือนกับว่าเมื่อก่อนจะเป็นคนขององค์กรนินจา! แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นองค์กรอะไรหรอก เป็นกลุ่มที่ยอดฝีมือรวมตัวกัน เพื่อดูแลคนที่เกี่ยวข้องกับนินจา แต่ หลังจากที่เขาทำลายล้างโลกใต้ดินของหนานหลิงแล้ว ก็ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกเลย ดังนั้นเรื่องที่เขาจะมีหรือไม่มีองค์กรนั้น ผมไม่รู้จริงๆครับ”
องค์กรนินจา เป็นสถานที่ของนินจาระดับสูงกว่านินจาระดับสูงเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ พูดอีกอย่างคือ ต้องเป็นนินจาระดับสูงสุดนั้นเอง ดูเหมือนเป็นนินจาที่ไม่เอาไหน แต่ความจริงแล้วเคารพกฎระเบียบมาก
การที่มีพวกเขาอยู่มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อประเทศ น้อยนักที่จะมีคนทำเรื่องผิกกฎหมาย!
“องค์กรนินจา!” ฟางเหยียนพึมพำออกมากี่คำ
หลัวเทียนเย่ว์ยังจะพูดอะไรต่อ แต่ฟางเหยียนโบกมือ ให้เขาไป
เขาถอนหายใจ แล้วมองขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง เมฆดำบนท้องฟ้าในขณะนี้ได้สลายไปหมดแล้ว ดาวฤกษ์เริ่มปรากฏออกมา
“ลุงเย่ เซียวเจิ้นเทียนได้ตายไปแล้ว องค์กรที่อยู่เบื้องหลัง ก็ต้องตายเช่นกัน! คุณสบายใจได้ ลูกชายที่คุณอุปการะไว้ได้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว!” พูดจบ ฟางเหยียนก็หลับตาทั้งสองลง
ไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ทางการทหารลำหนึ่งมาถึง ฟางเหยียนขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปที่หนานหลิงโดยตรง
มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการก่อน เขายังต้องไปควบคุมเทียนขุย ต้องรู้ถึงสาเหตุที่เทียนขุยเปลี่ยนเป็นแบบนี้ให้ได้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ฟางเหยียนเดินทางมาถึงโรงพยาบาลเขตหนานหลิง ถนนสายนี้ถูกปิดไว้แล้ว รอบๆอาณาบริเวณโรงพยาบาลยังมีพวกที่ไม่กลัวตายกำลังเฝ้ามองอยู่ แต่กองกำลังระดับภูมิภาคของหนานหลิงได้ล้อมที่ตรงนี้ไว้ แล้วถือปืนไว้ในมือ ดังนั้นจึงทำได้เพียงสังเกตการณ์จากไกลๆ
ผู้ชายลายสักที่แขน สวมเสื้อกั๊กสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่
“โรงพยาบาลเขตนี้ดีๆอยู่แท้ๆทำไมถึงได้ถูกปิดได้นะ แล้วยังต้องใช้กองกำลังระดับภูมิภาคอีก เรื่องใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย!”
“แน่นะสิ ได้ยินมาว่าช่วงบ่ายของวันนี้โรงพยาบาลได้ไล่ผู้ป่วยและแพทย์ทุกคนออกมา ด้านในมีคนไข้ฟื้นคืนชีพ ได้ยินว่ายังกินคนไปหลายสิบคนด้วยนะ กินเครื่องในของคนโดยเฉพาะ น่ากลัวมาก”
“เย็ดเข้ จริงหรือเปล่าเนี่ย?”
“เพ้อเจ้อ ก็จริงนะสิ เห็นหรือยัง คนนั้นที่ยืนอยู่ด้านในคือคนระดับสูงสุดของเขตหนานหลิงของเรา ซ่งฉาวอู่ ตระกูลถัง ตระกูลหม่า หวงหยวนฉาวเห็นซ่งฉาวอู่ยังต้องเคารพเลยนะ ซ่งฉาวอู่คนนี้ปกติน้อยนักที่จะออกโรง ครั้งนี้ออกโรงแล้ว แล้วยังปิดโรงพยาบาลไว้ทั้งหมดอีก แสดงว่ามันต้องรุนแรงอย่างแน่นอน”
“ซ่งฉาวอู่? คือสายเลือดอันได้รับความชอบธรรมของหนานหลิงของเรา? แค่โบกมือ ก็สามารถสั่งการทหารกว่าหมื่นนายได้?”
“ถูก เขานั่นแหละ!”
“เฮ้อ ดูสิ เฮลิคอปเตอร์มาอีกแล้ว”
เฮลิคอปเตอร์การทหารลอยอยู่ในอากาศ ห่างจากพื้นอย่างน้อยสิบกว่าเมตร ฟางเหยียนกระโดดลงมาโดยตรง กระโดดลงมาโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์นิรภัยใดๆ ใช่ กระโดดลงมาจากในอากาศ
หลังจากที่ถึงพื้นแล้ว เข่าของเขาไม่บิดเบี้ยวเลยแม้แต่น้อย ความบ้าคลั่งขนาดนั้น ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ตกตะลึง
“เย็ดเข้!” ชายที่สวมเสื้อกั๊กพูดต่อ “สลิง ต้องเป็นสลิงแน่นอน!”
“ฉันว่านะไม่แน่ คนนั้นน่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของซ่งฉาวอู่ เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง! ต้องรู้ไว้นะ ว่าถ้าข้างกายของซ่งฉาวอู่ไม่มียอดฝีมือชั้นนำแบบนี้สักกี่คน เขาอาจจะถูกลอบฆ่าได้!”
“เย็ดเข้!”
“เย็ดเข้!”
ทั้งสองต่างออกเสียงเป็นคำเดียวกัน มองไปยังเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดตรงหน้าอย่างอ้าปากค้าง