จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 264
“กลัว?”เทียนขุยถามกลับ:“ความตายพวกเรายังไม่กลัวเลย แล้วต้องกลัวอะไรอีก?”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ถังยู่ตกใจ ตอนนี้เธอเจอคนสิ้นหวังและไม่กลัวตายใช่ไหม ดูการแต่งตัวของพวกเขา คนหนึ่งใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ ส่วนอีกคนชุดลายทหาร สองคนนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่คนที่มีเงินซื้อรถเบนซ์แน่นอน แต่พวกเขากลับมีรถเบนซ์ให้ขับ หรือว่ารถเบนซ์คันนี้พวกเขาขโมยมา?ไม่ว่ารถเบนซ์คันนี้จะถูกขโมยมาหรือเปล่า แต่รถเบนซ์คันนี้ไม่ใช่ของพวกเขาอย่างแน่นอน
ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจมากๆที่เมื่อสักครู่ตัวเองไม่ยอมลงจากรถ
“พวกคุณ พวกคุณเป็นใครกันแน่?”ถังยู่ถามด้วยความหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามระงับความหวาดกลัวที่อยู่ในใจและพูด:“ฉันจะบอกพวกคุณ ไม่ว่าพวกคุณเป็นใครมาจากไหน อย่าทำให้ฉันเป็นอะไรเด็ดขาด เพราะฉันเป็นคุณหนูของตระกูลถัง ถ้าฉันเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น คุณปู่ของฉันถังเสี่ยนจง ไม่ไว้ชีวิตพวกคุณแน่นอน”
เมื่อพูดถึงถังเสี่ยนจงที่เป็นคุณปู่ของตัวเอง ถังยู่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ เธออาจจะไม่มั่นใจในตัวเอง แต่คุณปู่ถังเสี่ยนจงของเขาเป็นคนที่มีคุณธรรมและมีบารมีสูง และตระกูลถังก็เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของหนานหลิงด้วย!
ฟางเหยียนหัวเราะเยาะและกล่าวว่า:“ไม่ต้องกังวล คุณไม่ตายแน่นอน!”
ในขณะที่เขาพูด เขาก็พยายามพูดแบบปกติและผ่อนคลาย แต่คำพูดของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาเกรงกลัวถังเสี่ยนจงที่เป็นคุณปู่ของเธอ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ถังยู่ก็เปล่งเสียงทางจมูกออกมา เธอนั่งกอดอกราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของรถยนต์
เธอคิดในใจว่าผู้ชายที่ดูเย่อหยิ่งอย่างเขา จริงๆแล้วก็เป็นคนขี้ขลาดเหมือนกัน แต่ก็โทษเขาไม่ได้ เพราะในหนานหลิง ทุกคนเกรงกลัวถังเสี่ยนจงที่เป็นคุณปูของเธออยู่แล้ว เขาก็เช่นกัน?
อันที่จริงเมื่อสักครู่เทียนขุยพูดว่าไม่กลัวตาย ไม่ใช่ไม่กลัวตายเพราะพวกเขาเป็นคนสิ้นหวัง เขาพูดถึงการอยู่ในกองทัพและต่อสู้กับศัตรูนับพันนับหมื่นก็ไม่เคยกลัวตาย และพวกเขาไม่เคยกลัวพวกสวะอย่างคนพวกนี้แน่นอน
ถังยู่เห็นว่าทั้งสองคนไม่พูดอะไร เธอก็พูดต่อ:“ฉันจะบอกพวกคุณ เหลียงเจิ้งเป็นลูกชายของเหลียงจงที่เป็นคนร่ำรวยอันดับที่สองของภาคตะวันออกเฉียงใต้ และถนนเส้นนี้ พวกเขาตั้งชื่อว่าถนนท่านชาย กล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือถนนเส้นนี้เป็นของพวกเขา เมื่อพวกคุณบุกเข้ามาใช้ถนนเส้นนี้ และเมื่อสักครู่พวกคุณล่วงเกินและผิดใจกับพวกเขา พวกเขาต้องหาวิธีกำจัดพวกคุณอย่างแน่นอน”
ในขณะพูด สีหน้าของถังยู่มีรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจปรากฏ คิดในใจว่าผู้ชายสองคนนี้คงไม่ใช่คนโง่ พวกเขาต้องขอร้องให้เธอช่วยอย่างแน่นอน ถึงเวลาเธอจะคุณแกล้งพวกเขายังไงก็ได้
แต่สิ่งต่างๆกลับไม่เกิดขึ้นอย่างที่เธอคิด ผู้ชายสองคนนี้ไม่สนใจเธอเลย ที่แย่กว่านั้นคือผู้ชายที่ขับรถพูดว่า:“อยากจะฆ่าพวกเรา คนโง่ๆอย่างพวกเขามีความสามารถฆ่าพวกเราเหรอ มันไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด?”
“พวกคุณ…”ถังยู่โกรธมากๆและพูด:“พวกคุณก็อวดเก่งไปก่อนเถอะ!”
ในเวลาเดียวกัน บนถนนมีรถสปอร์ตสองคันตามประกบรถเบนซ์จากทางด้านซ้ายและขวา จู่ๆรถสปอร์ตสองคันก็เร่งความเร็วแซงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ดริฟท์รถสปอร์ต และรถทั้งสองคันก็จอดขวางถนนทันที
รถเบนซ์ขับมาด้วยความเร็ว มันสายเกินไปที่จะหยุดรถ และรถเบนซ์คันนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะหยุดอยู่แล้ว รถเบนซ์วิ่งไปตรงกลางของรถสปอร์ตทั้งสองคัน มีเสียงปังดังขึ้น รถสปอร์ตสองคันโดนชนจนปลิวออกไป
ถังยู่ที่นั่งอยู่ด้านในของรถเบนซ์ตกใจมากๆ เธอตะโกนถามว่า:“คุณตั้งใจฆ่าฉันให้ตายใช่ไหม?”
เทียนขุยเพิกเฉยและไม่สนใจเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“พวกมันก็เป็นได้แค่ตัวตลก ยังกล้าเรียกตัวเองว่าแก๊งท่านชาย ด้วยทักษะแค่นี้ยังกล้ามาแข่งรถ ไม่รู้จักประมาณตน ฉันแค่ขับรถเบนซ์ พวกเขายังเอาชนะฉันไม่ได้เลย”
ถังยู่โกรธมากๆจนหน้าเขียว เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรไปหาเหลียงเจิ้ง แต่โทรศัพท์ของอีกฝ่ายติดต่อไม่ได้ เพราะเมื่อสักครู่เหลียงเจิ้งเพิ่งทุบโทรศัพท์ของตัวเอง เธอไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ด่ามือถือ:“เหลียงเจิ้ง คุณมันเป็นคนโง่ ทักษะการขับรถก็แย่มากๆ แม้แต่รถคันเดียวก็หยุดไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่กล้ารับมือถือของฉันอีก”
หลังจากเธอด่าจบ ถังยู่ก็วางโทรศัพท์ลงด้วยความโมโห นั่งกอดอกและเปล่งเสียงออกมาทางจมูก
เธอนั่งกอดอกและมองฟางเหยียนนี่นั่งอยู่เบาะหลัง เธอพึ่งสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็แสดงความมั่นใจในตัวเองตลอด
“ท่าทางแบบนี้ของคุณหมายความว่าไง?”ถังยู่มองฟางเหยียนและพูด
ฟางเหยียนคนนี้แต่งตัวเรียบง่าย และใบหน้าของเขาก็ขาวซีด แม้จะดูหล่อนิดหน่อย แต่ร่างกายที่อ่อนแออย่างเขา น่าจะเป็นคนที่ถูกชายร่างใหญ่คนนั้นปกป้องอยู่ เขาเป็นคนที่โดนปกป้อง แต่ยังแสดงรอยยิ้มที่น่ารังเกียจเช่นนี้ แค่เห็นก็ทำให้เธอรู้สึกรำคาญ
“อืม?”ฟางเหยียนหันไปเหลือบมองและหัวเราะ
ถังยู่ขมวดคิ้วพูด:“คุณหัวเราะอะไร คุณคิดว่าเขาจะปล่อยพวกคุณไปง่ายๆเหรอ?ฉันจะบอกคุณ ถนนเส้นนี้มีแต่คนของเขา อีกเดียวถ้าพวกคุณเสียเปรียบหรือโดนจับได้ ฉันจะดูว่าคุณยังจะยิ้มแบบนี้อีกไหม”
“เห้อๆ!”ฟางเหยียนยิ้มเยาะเย้ยอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว และส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเห็นรอยยิ้มขอเขา ทำให้ถังยู่ทนไม่ไหวและตะโกน:“คุณ…”
“ฉันจะดูว่าคุณจะยิ้มได้อีกนานแค่ไหน”ถังยู่ทนมองคนเย่อหยิ่งแบบนี้ไม่ไหว เธอคิดในใจว่า คุณยิ้มไปเถอะ ตอนนี้ยิ้มได้สะใจแค่ไหน อีกเดียวคุณก็จะทุกข์ใจมากกว่านั้น
เหลียงเจิ้งที่อยู่อีกด้านโกรธมากๆจนหายใจไม่ทัน เขาโกรธมากๆและเดินลงมาจากรถ เมื่อมองเห็นว่ารถของตัวเองโดนชนจนประตูรถได้รับความเสียหาย เขาโกรธจนหน้าเขียว เขายกเท้าเตะรถสปอร์ตของตัวเองสองครั้ง และด่าด้วยความโกรธ:“แม่งเอ๊ย!แม่งเอ๊ย!แม่งเอ๊ย!”
หลังจากตะโกนแม่งเอ๊ยออกมาสามครั้ง เขาก็ด่าจนน้ำลายกระเด็นไปไกล!
อานเยว่ก็เดินลงมาจากรถสปอร์ต เมื่อเห็นรถสุดที่รักของตัวเองโดนชน ก็ทนไม่ไหวและพูด:“ผู้ชายคนนั้นมันบ้าไปแล้วใช่ไหม?”
เหลียงเจิ้งโกรธมากๆและยกมือขึ้น พูดว่า:“เอาโทรศัพท์มือถือของคุณมาให้ฉัน”
“คุณชายเหลียง เกิดอะไรขึ้น?แล้วโทรศัพท์มือถือของคุณละ?”อานเยว่ถาม
เหลียงเจิ้งจ้องหน้าอานเยว่และพูดด้วยความโกรธ:“ฉันโยนมันจนเสียหายไปแล้ว ทำไมคุณถึงถามมากอย่างนี้ รีบๆหยิบโทรศัพท์มือถือมาให้ฉัน ถ้าวันนี้ฉันไม่ฆ่าคนที่อยู่ในรถทั้งหมด ฉันจะไม่ใช่นามสกุลเหลียงอีก”
หลังจากด่าจบ เขาก็ถุยน้ำลายออกมา จากนั้นก็รับโทรศัพท์มือถือมาจากมือของอานเยว่ เขากดเบอร์และโทรออกไป พูดกับคนที่อยู่ปลายสายว่า:“ไอ้เสือ ฉันโดนคนรังคุณ รถก็โดนชนเสียหาย คุณเรียกลูกน้องทั้งหมด หยุดรถเบนซ์คันข้างหน้านั้นให้ได้ ฉันจะรีบตามไปจัดการพวกมัน”
“ลูกพี่ใหญ่ รถเบนซ์คันเดียวก็สามารถจัดการรถสปอร์ตของคุณเหรอ?”ไอ้เสือที่อยู่ปลายสายถามด้วยความงุนงง
ตอนนี้เหลียงเจิ้งโกรธมากๆ เขาก็เลยด่าออกไป:“แม่งเหี้ย ฉันบอกให้หยุดคนไว้ และขวางรถมันไว้ อย่าลืมเรียกลูกน้องทุกคนมาด้วย เมื่อสักครู่เขาวิ่งชนระหว่างกลางรถสปอร์ตของฉันกับอานเยว่ คนพวกนั้นมันไม่กลัวตาย และถังยู่ยังอยู่ในรถของพวกเขา อย่าปล่อยให้รถเกิดความผิดพลาดหรือเกิดอุบัติเหตุเด็ดขาด อย่าลืมเอาอาวุธมาด้วย วันนี้ฉันอยากฆ่าคน!”
“ลูกพี่ใหญ่ ฉันรับทราบแล้ว”คนที่อยู่ปลายสายไม่กล้าล้อเล่นอีก เมื่อพูดจบก็วางสายทันที
หลังจากได้ยินอีกฝ่ายวางสาย เหลียงเจิ้งก็ด่าอีกครั้ง เมื่อเห็นรถของตัวเองโดนชนจนได้รับความเสียหาย ความโกรธในใจก็ปะทุอีกครั้ง เขาโยนโทรศัพท์มือถือลงพื้นอย่างแรง และด่าอีกครั้ง:“วันนี้มันต้องตาย!”