จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 276
ทนายไม่ได้โง่ เขาพยักหน้าแล้วพูดไปว่า“ใช่แล้ว จะพูดแบบนั้นก็ได้!ถ้าจะเป็นคนที่นายแตะต้องได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้เลยนะ ถึงเวลานั้นถ้ามีเรื่องอะไร ปัญหาก็จะไม่ใช่เล็กๆแค่นี้ มันจะเพิ่มทวีคูณขึ้น”
“พอแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!ผมจะรอดูว่าใครมันกล้ามารุกรานผืนแผ่นดินประเทศหวาของผม ถ้ามีคนกล้า มันผู้นั้นก็จะต้องรับโทษ!”คำพูดของเทียนขุยเหมือนดังสายฟ้า ฟาดลงกลางใจของคนทุกผู้!
ทนายคนนั้นหุบปากอย่างว่าง่าย แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างเงียบๆ สัญชาตญาณบอกกับเขาว่า ชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้ที่เก่งกาจมาก
“สอง!”เขามองไปที่ชายผมทองด้วยสายตาเย็นชา แล้วนับสองออกมา
เสียงของเทียนขุยเหมือนสายฟ้าฟาด ที่ทำให้ชายผมทองตกใจจนสะดุ้ง เขาไม่กล้าสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถฆ่าเขาได้หรือไม่ และไม่กล้าสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่กล้าฆ่าเขา!
เทียนขุยเตรียมจะนับสาม แต่ชายผมทองรีบโบกมือพลางพูดขึ้นมาว่า“โน!โน!โน!ฉันจะหมุด จะหมุด!”
พูดจบ ชายผมทองก็ฝืนทนกับความเจ็บปวดเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง คลานไปกับพื้น เขากัดฟันกรอด โกรธจนแทบอยากจะฉีกร่างของหมอนี่อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการมีชีวิตรอด เขาไม่มีวันทำแบบนี้แน่!ในตอนที่เกือบจะไม่มีชีวิตแล้ว ศักดิ์ศรีจะไปสำคัญอะไร ในสายตาของเขาไม่นับประสาอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิต ชีวิตก็จะเสียอยู่รอมร่อ ยังจะพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีอะไรอีก
คนที่มุงดูอยู่มองเห็นชายหนุ่มคนนั้นค่อยๆลอดหว่างขาของเทียนขุยไป จึงเริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“หมอนี่เก่งมากจริงๆ ทำให้ผู้ชายที่หยิ่งจองหองขนาดนั้นคุกเข่าลงได้ แถมยังลอดหว่างขาเขาได้อีก ควรจัดการแบบนี้ตั้งนานแล้ว วันๆ ทำแต่เรื่องหยิ่งผยอง ไม่ถูกเก็บกวาดแบบนี้สักครั้ง เขาไม่มีวันรู้จักเคารพคนอื่นแน่”
“เก่งกาจงั้นเหรอ?เดี๋ยวเขาได้รู้สึกแน่ หมอนี่ไม่ใช่คนที่แตะต้องได้ง่ายๆ เขายิ่งเป็นคนแค้นฝังหุ่นอยู่ด้วย เขาแค่ก้มหัวตอนนี้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งนั้น ผู้ชายคนนั้นต่างหาก ที่อาจจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
“ในบางครั้ง ทำเพื่อความโกรธเพียงชั่ววูบ มันไม่คุ้มจริงๆ น่าเสียดายหมอนี่เสียจริง มีฝีมือ แต่กลับทำเรื่องมุทะลุเกินไป”
บ้างก็ถอนหายใจ บ้างก็เปรมปรีดิ์! ในสายตาของพวกเขา แม้ว่าคนที่จองหองจะคุกเข่าลง มันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการแก้แค้นเท่านั้น
พวกเขารู้จักปีเตอร์น้องไปแล้ว และบนถนนสายนี้ เขาเป็นตำนานของการกดขี่ข่มเหง
ช่วงเวลาก่อนก่อนหน้านี้ เขาเคยตัดมือคนผู้หนึ่งในเขตหนานซาโจว คนผู้นั้นทำอะไรไม่ได้ ต้องชำระค่าใช้จ่ายพยาบาลด้วยตัวเอง ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
หลังจากที่มุดผ่านหว่างขาของเทียนขุยไปแล้ว ชายผมทองก็ทรุดลงกับพื้นตัวอ่อน พลางเอ่ยถาม“ตอนนี้ พอใจหรือยัง?”
เทียนขุยทำเสียงหึหนึ่งครั้ง ไม่พูดต่อ เขามองไปที่พนักงานคนนั้นแล้วพูดขึ้นมาว่า“เอาคลิปนี้โพสต์ลงโซเชียล ฉันจะให้ทุกคนเห็นว่าหมาตัวนี้มุดลอดหว่างขาฉันไปยังไง”
ชายผมทองจ้องมองเทียนขุยด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
พนักงานคนนั้นตัวสั่นงันงก เขาแทบอยากจะร้องไห้ เขาถามด้วยเสียงอู้อี้“จะๆจะโพสต์จริงเหรอครับ?”
เทียนขุยพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด“ไม่อย่างนั้นล่ะ?นายคิดว่าฉันล้อเล่นกับนายอยู่เหรอ?”
“เทียนขุย!”ทันใดนั้น ก็มีเสียงเย็นยะเยือกดังมาจากหน้าประตู!
คนในร้านอาหารฝรั่งหันขวับไปในทันที เห็นเพียงชายสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนพร้อมรองเท้าบูทของทหารยืนอยู่หน้าประตู ผิวของขาวซีดมาก รูปร่างผอมบาง เหมือนคนกำลังป่วยหนัก
“แคกๆๆ!”ในเวลานี้เอง เขาไอออกมาหลายครั้ง ยกมือขึ้นมาปิดปากของเขาไว้ มองดูไปแล้วเหมือนชายชราไม้ใกล้ฝั่ง แต่นี่เป็นแค่ชายหนุ่มที่มีอายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น เขาดูน่าสงสารมาก
“จอมพลโผ้จวิน!”ชายร่างกำยำที่อยู่ภายในร้านร่างกายแน่นขนัด เขาพูดกับคนผู้นั้น
เขากวาดตามองคนในร้าน มองเห็นชายฉกรรจ์ที่นอนอยู่ที่พื้นระเนระนาด และมองไปที่ชายผมทองที่ล้มอยู่กับพื้น แล้วพูดไปหนึ่งประโยค“พอได้แล้ว ไปกันเถอะ!”
พูดจบเขาก็หันหลังกลับ เทียนขุยยกมือขึ้นแล้วเข้าไปยึดโทรศัพท์มือถือมาจากมือของพนักงาน สาวเท้าก้าวตามชายหนุ่มออกไป เหมือนบอดิการ์ดผู้จงรักภักดี!
พอเห็นทั้งสองคนเดินออกไป มีคนบางส่วนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม“คนคนนั้นเป็นใครน่ะ?ทำไมพูดแค่ประโยคเดียวก็ทำให้ชายบ้าคลั่งนั่นเดินจากไปได้ล่ะ?”
“น่าจะเป็นลูกชายของเศรษฐีคนหนึ่งมั้ง ดูสภาพเขาไม่สบายขนาดนั้น ดูก็รู้แล้วว่าน่าจะไม่ดูแลสุขภาพของตัวเอง เล่นกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาเลยทำให้มีสภาพแบบนี้”
“ใช่น่ะสิ รวยแต่สุขภาพไม่ดี จะมีประโยชน์อะไร?ชาติหน้าก็พิการอยู่ดี”
“ฉันกล้าพนันเลย เขาเดินไม่เกินร้อยก้าวแน่ เดินเยอะไปเขาต้องทรุดแน่ เวลาลมพัดแรง เขาต้องหลบอยู่แต่ในบ้าน ไม่อย่างนั้นลมจะพัดปลิวได้”
“ฮ่าๆๆ เป็นคนรวยแบบนี้จะไปมีความหมายอะไร!ฉันเดาได้เลยว่าเขาคงไม่มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างสนุกแน่”
คนพวกนั้นที่มองดูร่างกายผอมบาง ใบหน้าซีดเซียวผอมแห้งแรงน้อยของฟางเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเสียดสี ความจริงล้วนเป็นคนกินองุ่นไม่ถึงแล้วเที่ยวพูดว่าองุ่นนั้นเปรี้ยว อิจฉาที่คนอื่นมีชีวิตดีกว่าตนเอง
ถึงอย่างไรก็ตามมีบอดิการ์ดแบบนี้ได้ แน่นอนว่าตำแหน่งฐานะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
พอเดินมาถึงหน้าประตู เทียนขุยก็พูดขึ้นมาว่า“จอมพลโผ้จวินครับ หมอนั่นไม่ยอมย้ายรถครับ ยังใช้ฐานะของเขากดขี่ผมอีก เขาคิดว่าเขามาต่างประเทศ แล้วสมควรได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ!”
“อืม!ฉันรู้แล้ว นายไปขับรถมาเถอะ!”ฟางเหยียนตอบกลับไปหนึ่งคำ หลังจากนั้นก็ก้าวเท้าเดินไปยังรถแลนด์โรเวอร์คันนั้น
เทียนขุยที่มองเห็นแผ่นหลังของจอมพลโผ้จวิน จึงไม่กล้าอยู่ต่ออีก รีบหมุดเข้าไปในรถเบนซ์คันนั้นทันที
มาถึงข้างหน้าของรถแลนด์โรเวอร์ ฟางเหยียนยกเท้าขึ้นอย่างไม่ลังเล แล้วทำท่าที่ทุกคนไม่คิดว่าเขาจะทำ ลูกเตะนั้น ใช้เพียงแค่เท้าข้างเดียวเท่านั้น เขาก็สามารถถีบจนรถแลนด์โรเวอร์ที่หนักหลายร้อยโลกระเด็นไปไกลจากตำแหน่งเดิมถึงสิบกว่าเมตร
หลายคนในร้านอาหารฝรั่งที่มองเห็นฉากนี้ผ่านหน้าต่าง ต่างพากันตกตะลึงจนพูดไม่ออก นี่คือสิ่งที่มนุษย์ทำอย่างนั้นเหรอ?
ใช้แค่เท้าข้างเดียวก็สามารถเตะรถแลนด์โรเวอร์กระเด็นได้ พลังนี้ช่างน่าเหลือเชื่อมาก!
หมอนั่นผอมขนาดนั้น ทำไมถึงหลั่งพลังแบบนี้ออกมาได้ นี่ไม่เหมาะกับโครงสร้างของมนุษย์เลย
อีกอย่าง คนผู้นั้นยังเป็นบอดี้การ์ดของเขาอีกด้วย?หรือ นี่คือลูกน้องของเขา?!
ทั้งสองต่างสวมรองเท้าบูททหาร หรือจะเป็นทหาร?!
คนไม่กี่คนที่ชวนกันทายว่าหมอนี่ต้องเดินไม่เกินหนึ่งร้อยก้าว ล้วนพากันงงเป็นไก่ตาแตก หนึ่งร้อยก้าว!นี่คือคนที่เดินได้ไม่เกินหนึ่งร้อยก้าวอย่างนั้นเหรอ?นี่มันไม่ใช่คนแล้ว นี่คือเทพ!
ใช้ขาเพียงข้างเดียวเตะรถคันหนึ่งกระเด็น นี่ไม่ใช่การถ่ายหนัง นี่คือเรื่องจริง มีคนนับไม่ถ้วนมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว!แต่น่าเสียดายที่ไม่มีคนล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาถ่าย ถ่ายทันแล้วล่ะก็ ต้องเป็นนิยมมากแน่ๆ!
ชายผมทองหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงอยู่ที่พื้น ลงซิ่วซิ่วรีบวิ่งเข้าไปพยุงชายผมทอง พลางเอ่ยถาม“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?ปีเตอร์!”
ชายผมทองพูดด้วยความโมโห“ไม่เป็นไรงั้นเหรอ?ทำไมคุณถึงชอบถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนี้?อะไรคือผมไม่เป็นอะไร?กระดูกของผมแทบถูกจับแยกแล้วนะ คุณบอกว่าผมไม่เป็นอะไร!ผมจะฆ่าคน ผมจะฆ่าไอ้หมอนั่นให้ได้ ผมไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปแน่”
หญิงสาวพยักหน้ารับตอบอืม“ฉันจะเรียกพ่อของฉันมาเดี๋ยวนี้แหละ!