จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 286
ก็ไม่รู้ว่าคนพวกนี้คิดยังไง ถึงกับเพื่อผู้หญิงคนเดียว ทำเสียจนข่าวลือกระจายไปทั้งเมือง ฟางเหยียนหมดคำพูดอย่างมาก
“อุ๊บ!” หลินถงยิ้มเอ่ย “คุณคงไม่ใจแคบขนาดนั้นมั้ง? แม้แต่เชิญฉันขึ้นไปยังไม่ได้?”
ฟางเหยียนตอบกลับ “คำพูดอะไรกัน แน่นอนว่าฉันยินดีเชิญคุณขึ้นไปอยู่แล้ว คุณนายงดงามขนาดนี้ ทำไมจะไม่ยินดีล่ะ”
“เหอะๆ!” หลินถงเปิดปากยิ้มหวานครั้งหนึ่ง เธอชี้ไปที่นอกประตูเอ่ยว่า “คุณฟาง ฉันล้อเล่นกับคุณเท่านั้น ที่นี่คนเยอะ พวกเราไปคุยกันที่ด้านนอกเถอะ!”
รอยยิ้มเช่นนี้อยู่บนร่างหลินถงยากมากที่จะได้เห็น ก็เป็นหลังจากที่ชายคนนี้มาแล้ว คนเหล่านี้ถึงได้มีบุญตาเห็นเธอยิ้ม หญิงงามพอยิ้มขึ้นมาช่างสวยจริงๆ สวยมาก คนที่คิดเรื่อยเปื่อยเหล่านี้แทบจะมองจนค้างไปแล้ว
ฟางเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าเอ่ยว่า “ได้!”
ทั้งสองคนมาถึงด้านนอกประตู หลินถงมองไปที่บอดี้การ์ดชุดดำไม่กี่คนนั้นและสาวใช้สองคน สั่งอย่างเย็นชาว่า “พวกนายรออยู่ที่นี่เถอะ! ฉันกับคุณฟางคุยธุระเล็กน้อยในรถ”
พูดจบเธอก็เดินไปที่รถลินคอล์นคันหนึ่งที่จอดอยู่ตรงประตู ตนเองยกมือขึ้นมาเปิดประตูรถ อีกมือวางไว้บนรถ มือที่เปิดประตูข้างนั้นทำท่าทางเชื้อเชิญ พูดไปที่ฟางเหยียนว่า “คุณฟาง เชิญ!”
หัวคิ้วของเทียนขุยขมวดเป็นปม หลินถงคนนี้พิเศษจริงๆ พอจอมพลโผ้จวินมาถึงหนานหลิงเธอก็รู้ ทั้งยังตั้งใจมารอนานขนาดนั้น ตั้งแต่สมัยโบราณสาวงามเป็นเหตุแห่งหายนะ นี่คงเป็นหายนะที่เห็นได้ชัดเจน
จอมพลโผ้จวินนั้นแข็งแกร่งมาก ชื่อเสียงก็เพียงพอ เธอใกล้ชิดจอมพลโผ้จวินขนาดนั้น เพื่อเรื่องอะไรกันนะ? เป็นไปไม่ได้ที่เพียงเพื่อจะมาขอบคุณจอมพลโผ้จวินที่เคยช่วยชีวิตของเธอไว้หรอกนะ? เธอจะต้องมีแผน? หรือว่าต้องการที่จะคิดไม่ดีกับจอมพลโผ้จวิน?
ถึงแม้จอมพลโผ้จวินจัดการธุระจะมีความมั่นใจมาก แต่ว่าในส่วนของผู้หญิงนี้ก็ไม่กล้าพูดแล้ว อย่างไรเสียเขาก็อายุน้อย ง่ายที่จะถูกล่อลวง จิตใจไม่สงบ ในใจมีการสงสัยเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงคว้าแขนของจอมพลโผ้จวินไว้
“จอมพลโผ้จวิน คุณ จะไปจริงๆหรือ?” เทียนขุยถามด้วยใบหน้าจริงจัง
หลังจากสายตาของฟางเหยียนหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเทียนขุยหลายวินาที พยักหน้าเอ่ยว่า “ใช่ นายอยู่ที่นี่รอฉันเถอะ!”
“แต่ว่า…” เทียนขุยยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าท้ายที่สุดยังคงปิดปากลงอย่างเงียบๆ เพียงแค่เอาสายตาสงสัยมองไปทางหลินถง
สายตาของหลินถงและเทียนขุยประสานเข้าด้วยกัน เธอหัวเราะเหอะๆเอ่ยว่า “นายวางใจ ฉันไม่มีทางกินนายน้อยของบ้านนายหรอก ถ้าจะกินก็ต้องเป็นนายน้อยบ้านนายที่กินฉัน ฉันเป็นผู้หญิงนะ ไม่รู้จริงๆว่านายกังวลอะไร”
เทียนขุยไม่เอ่ยปาก เพียงแค่ดึงสายตาที่มองหลินถงกลับมาอย่างเฉยเมย
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาตบๆลงบนไหล่ของเทียนขุย ต่อมาก็เข้าไปในรถลีมูซีนคันนั้น หลังจากฟางเหยียนเข้าไปแล้ว หลินถงเองก็เดินเข้าไป ตอนที่ประตูรถถูกปิดลง เกิดเสียงดังขึ้นมา
ทั้งสองคนเพิ่งจะเข้าไปในรถ หลินถงก็ดึงม่านหน้าต่างรถยนต์ขึ้นมา รถยนต์ระดับท็อปสุดหรู ล้วนมีการติดตั้งผ้าม่าน ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือลินคอล์น รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ระดับท็อปคลาสของโลก
ก็ขึ้นรถไปกับเธอภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของทุกคน นี่นี่นี่ไม่ใช่การดูถูกกลุ่มคนที่ตามมาหรือ? วิธีการของหลินถงคนนี้ทำร้ายคนได้ลึกล้ำจริงๆเลย มีไม่กี่คนที่ทนรับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ได้
สำหรับผู้ชายคนนั้น ก็ทำให้คนอิจฉาได้จนน่าเลื่อมใสอย่างยิ่ง หลินถงรอนานขนาดนั้น พอเข้ามาก็เข้าไปพบหน้ากันในรถแล้ว นี่เห็นได้ชัดถึงปัญหาอะไรอย่างหนึ่ง ผู้ชายที่ดูไปแล้วอ่อนแอคนนั้นจะต้องมีจุดแข็งของตนเอง ส่วนจะเป็นจุดแข็งอะไรนั้น ก็ต้องไปคิดกันเอาเองเถอะ!
ในเวลานี้ มีคนอิจฉาชายหนุ่มคนนั้น แล้วก็มีคนรู้สึกว่าวิธีการของหลินถงเช่นนี้ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็เป็นหญิงม่ายคนหนึ่ง แล้วยังเป็นคุณนายใหญ่ตระกูลถัง เปล่าเปลี่ยวจนยากจะทนจนทำเรื่องแบบนี้ออกมานั้นสามารถเข้าใจได้ แต่ว่าก็ไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้
แล้วยังมีอีกก็คือ จะเลือกก็ไม่ควรเลือกเจ้าคนผอมบาง หน้าซีดอมโรค เหมือนกับคนป่วยแบบหมอนั่น!
ชายร่างใหญ่คนนั้น ไม่ใช่ว่าเหมาะกับเกณฑ์การคัดเลือกคู่ครองของหลินถงมากกว่าหรือ?
หลังจากเข้าไปในรถแล้ว ทั้งสองคนนั่งบนตำแหน่งที่หันหน้าเข้าหากัน ในรถคันนี้ก็เหมือนกับโซฟา ตำแหน่งที่หันหน้าเข้ากันตรงกลางยังวางโต๊ะไว้ตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีกาน้ำชา ปากของกาน้ำชามีไอร้อยโชยออกมา แค่มองก็รู้ว่าในนั้นมีชาที่ต้มไว้แล้ว ฟางเหยียนเอ่ยถามอย่างตรงประเด็นว่า “คุณนายถัง ตอนนี้คุณสามาารถพูดได้แล้วสินะ?!”
หลินถงสีหน้ากระอักกระอ่วนเอ่ยว่า “คุณฟาง ถึงกับต้องเย็นชาขนาดนี้เลยหรือ? หรือว่าไม่อยากอยู่ด้วยกันกับฉันขนาดนี้เลย? คุณต้องรู้ว่า คนด้านนอกเหล่านั้นทั้งหมดล้วนชื่นชมในชื่อเสียงของฉันถึงได้มานะ”
“คุณนายถังคำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?” ฟางเหยียนเข้าใจความหมายในคำพูดของหลินถง แต่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
หลินถงยิ้มตอบ “ไม่มีอะไร ฉันแค่รู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมคุณฟางถึงรังเกียจฉันขนาดนี้”
ฟางเหยียนหัวเราะเหอะๆ เอ่ยว่า “คุณนายถังหน้าตางามล่มเมือง หมู่มวลผกายังต้องอาย ฉันฟางเหยียนมีดีที่ไหน จะกล้ารังเกียจคุณได้อย่างไร ชื่นชมคุณยังแทบไม่ทันเลย”
“เหอะๆ!” หลินถงบิดปากหัวเราะ เอ่ยว่า “ที่จริงแล้วที่ฉันมาวันนี้ เพราะได้ยินว่าคุณฟางมาแล้ว ดังนั้นจึงตั้งใจมาพบคุณเป็นพิเศษ คุณเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของฉัน นับตั้งแต่หลังจากครั้งที่แล้วที่คุณแทงฝังเข็มประตูผีสิบสามท่าไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าฉันได้หัวใจของฉันกลับคืนมา ขอเพียงได้ยินข่าวของคุณ ฉันก็อดใจไม่ไหวอยากจะพบคุณ พบคุณแล้วฉันมีความรู้สึกปลอดภัย!”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง!” ฟางเหยียนพ่นคำสองคำออกมาอย่างสบายๆ
“คุณฟาง หรือว่าพวกเรายังไม่นับเป็นเพื่อนกันอีกหรือ?” หลินถงยกกาน้ำชาใบนั้นขึ้นมา หยิบถ้วยชาออกมาสองใบ หลังจากนั้นค่อยๆรินช้าๆลงในถ้วยชา กระบวนการทั้งหมด ล้วนแสดงให้เห็นถึงความสง่างาม
เธอเอาถ้วยชาใบหนึ่งส่งให้ฟางฟางเหยียน จากนั้นตนเองก็ยกขึ้นถ้วยหนึ่ง จิบเบาๆไปหนึ่งคำ
ฟางเหยียนก็ดื่มไปอึกหนึ่ง พยักหน้าเอ่ยว่า “แน่นอนว่าเป็นเพื่อน! แต่ว่าคุณเป็นคนสวยงามสะดุดตาขนาดนั้นคนหนึ่ง ก็เข้ามาในรถกับฉันในตอนกลางวันแสกๆเช่นนี้ ท่ามกลางการจับจ้องของคนมากมาย หรือว่าไม่กลัวข่าวลือติฉินนินทาข้างนอกนั่นเลยหรือ? ถึงตอนนั้นที่โดนทำลายก็คือชื่อเสียงของตระกูลถัง”
หลินถงวางถ้วยชาลง กะพริบดวงตาคู่งามเอ่ยว่า “ถ้าเกิดว่าเกิดข่าวลือติฉินนินทากับคนอื่น แน่นอว่าฉันกลัว! ไม่เพียงแค่กลัว แต่ยังรังเกียจมากด้วย แต่ว่าถ้าเกิดเป็นคุณ เกิดข่าวลือติฉินนินทาอะไร ฉันก็ยินดีนะ”
ความหมายของคำพูดนี้ชัดเจนอย่างมากแล้ว ถึงแม้ฟางเหยียนจะไม่เข้าใจเรื่องรักๆใคร่ๆอย่างไร ก็ไม่มีทางไม่เข้าใจ หลินถงนี่คือกำลังดึงดูดฟางเหยียนอย่างโจ่งแจ้ง ความตั้งใจเด่นชัดจนไม่อาจชัดไปมากกว่านี้แล้ว””
ฟางเหยียนพยักหน้าน้อยๆ ยิ้มตอบ “คุณต้องรู้ว่า ตอนนี้มีเพียงพวกเราสองคน คุณพูดเช่นนี้กับฉัน หรือว่าไม่กลัวฉันทำเรื่องอะไรกับคุณบนรถหรือ?”
หลินถงได้ยินคำพูดนี้ พลันทำท่าทีที่ทำให้ฟางเหยียนคาดไม่ถึงออกมาอย่างหนึ่ง เธอถึงกับยกมือขึ้นมากระชากชุดกระโปรงสีแดงของตนเองออก เผยชุดลูกไม้สีดำออกมาให้เห็น จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออดอ้อนออกมา