จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 299
คำพูดที่เหลียงจงสั่งไว้ เขาได้เลิกใส่ใจไปนานแล้ว!ถ้าไม่เจอคนนั้น บางทีเขาอาจจะไม่จงใจไปล้างแค้นเขาก็ได้ แต่วันนี้ได้เจอกันอีกครั้ง แล้วยังทำให้เขาเสียหน้ามากอีกด้วย ถ้าไม่ล้างแค้น อย่าเรียกเขาว่าเหลียงเจิ้ง
ภายในห้องโถง งานเลี้ยงวันเกิดได้เริ่มขึ้นแล้ว มีผู้บริหารระดับสูงไม่น้อยของหนานหลิงมาจริงๆ แต่ไม่เห็นหวงหยวนฉาว และไม่เห็นผู้นำตระกูลของตระกูลหม่า ถังเสี่ยนจงต่างเชิญมาแล้ว แต่หวงหยวนฉาวมีธุระ จึงปฏิเสธไป เกี่ยวกับหม่าจงหัว ช่วงนี้เหมือนเขาจะไม่ปรากฏตัว ช่วงนี้ตระกูลหม่าเหมือนหายไปอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีปฏิกิริยามาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เหมือนกับการตายของหม่าซวี่ซง กระทบจิตใจของตระกูลหม่าเป็นอย่างมาก จนทำให้พวกเขาแทบจะไม่ออกงานใดๆ
ฟางเหยียนไม่เคยเป็นกังวลว่าใครจะมาล้างแค้น ถ้ากล้ามา เขาก็กล้าที่จะทำให้มันหายไปจากโลก!ถ้าตระกูลหม่าเล็กๆแห่งเมืองหนานหลิงกล้ามาหาเขา เขาก็ไม่แคร์ที่จะทำให้ตระกูลหม่าแห่งหนานหลิงหายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง
คนที่มางานเลี้ยงตระกูลถังต่างพากันนั่งลง ที่นั่งของฟางเหยียนอยู่แถวหน้าสุด เป็นตำแหน่งที่ใกล้กับเวทีมากที่สุด คนที่นั่งตรงนี้ได้ แทบจะในสถานะระดับเดียวกันกับถังเสี่ยนจง
ผู้เฒ่าทั้งหลายที่นั่งร่วมโต๊ะกับฟางเหยียนล้วนไม่รู้จักเขา ผู้เฒ่าเหล่านั้นก็เป็นนักธุรกิจ บ้างก็ทำงานราชการ เป็นบุคคลระดับสูงทั้งนั้น ไม่งั้นก็ไม่มีทางนั่งทานอาหารที่โต๊ะนี้ได้
ดูออกชัดเจน ว่าคนพวกนั้นรู้จักกัน หลังจากที่นั่งลงแล้วก็พูดคุยกันไม่หยุด พูดคุยกันเรื่องธุรกิจ เรื่องการพัฒนาของหนานหลิง แต่ฟางเหยียน นั่งอยู่ข้างๆ ดื่มชาอย่างเงียบสงบ พูดไปพูดมา พวกเขารู้สึกแปลกประหลาด ทำไมเด็กคนนี้นั่งอยู่ตรงนี้ตลอดเลยล่ะ?เขานั่งที่นั่งตรงนี้ได้ด้วยเหรอ?
ขณะนี้มีผู้เฒ่าสองคนพึมพำออกมา “เด็กคนนี้เป็นใคร?คุณรู้จักมั้ย?”
ผู้เฒ่าที่ถูกถามส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่รู้จัก!ไม่เคยเห็นนะ!”
จากนั้นผู้เฒ่าอีกสองคนกระซิบกระซาบ “คุณรู้จักเด็กคนนี้มั้ย?ทำไมเขาถึงได้นั่งร่วมโต๊ะกับเราได้?”
“ไม่รู้จัก!หนานหลิงของเราไม่มีคนแบบนี้นะ เขาไม่ใช่คนแวดวงธุรกิจของพวกคุณเหรอ?”
“ผมคิดว่าเป็นวัยรุ่นไฟแรงของแวดวงราชการเสียอีก!”
“คงไม่ได้มานั่งมั่วๆหรอกนะ?หรืออยากเข้าใกล้ใครในกลุ่มของพวกเรา เพื่อผลประโยชน์?”
“ผมว่าเขาไม่เหมือนมาหาผลประโยชน์อะไรนะ ถ้ามาเพื่อผลประโยชน์ ก็ต้องเข้าหาพวกเราตั้งแต่เริ่มแรกสิ นี่ตั้งแต่ต้นจนจบ เขายังไม่ได้คุยอะไรกับใครในบรรดาพวกเราเลยสักคน ดูออกชัดเจน ว่าเขาจะตีเนียนกินฟรีที่นี่”
” เฮ้อ!คนที่มาที่นี่ได้ น่าจะมีมารยาทกันทุกคน ผมคิดว่าท่านถังไม่น่าจะมึนมากถึงขั้นเชิญคนที่ไม่มีมารยาทมานั่งกับพวกเราได้นะ!“
“ไม่เสมอไป งานทางการขนาดนี้แต่งตัวธรรมดาแบบนั้น ผมว่า เขาก็ไม่ค่อยรู้จักมารยาทสักเท่าไหร่ ย่าจะเป็นแบบที่ท่านหยางพูดไปเมื่อกี๊ ก็คือต้องการเข้าใกล้ใครในกลุ่มของพวกเรา เพื่อผลประโยชน์”
เมื่อพูดจบ หลายๆคนก็อดไม่ได้ที่จะมองการแต่งกายของฟางเหยียนตั้งแต่หัวจรดเท้า ใช่ การแต่งกายแบบนี้ ไม่ค่อยเหมาะสมกับงานแบบนี้สักเท่าไหร่ นี่เป็นงานเลี้ยงระดับสูง ถือได้ว่ามีผลต่อหนานหลิง เสื้อเชิ้ต กางเกงยีน นี่เป็นการแต่งกายของเด็กมัธยมปลายนะ งานแบบนี้ จะแต่งกายแบบนี้มาเข้าร่วมได้อย่างไรกัน
ที่ประเทศหวา ให้ความสำคัญกับการเข้างาน งานที่สำคัญ ต้องแต่งกายทางการ ไม่งั้นจะถือเป็นการไม่ให้เกียรติเจ้าภาพ เช่นฟางเหยียน ที่แต่งกายแบบนี้ตลอดกาล หมายถึงเป็นการไม่ให้เกียรติถังเสี่ยนจงโดยปริยาย
แต่ เขาจะให้เกียรติถังเสี่ยนจงได้อย่างไรกัน?ถังเสี่ยนจงมีสิทธิ์อะไรที่เขาต้องเคารพ!
ขณะนี้ มีผู้เฒ่าที่อายุค่อนข้างมากคนหนึ่งกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ผมว่าเขานั่งมั่ว แต่งตัวแบบนี้มาเข้าร่วมงานวันเกิดของท่านถัง เคยดูก็รู้ว่าเป็นเด็กที่ขาดการอบรมสั่งสอน”
ผู้เฒ่าเคราขาวคนหนึ่งพยักหน้าเห็นด้วยแล้วกล่าว “ใช่!เตือนเขาหน่อยมั้ย!เด็กแบบนี้คุณยิ่งไม่เตือนเขายิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่นะ”
หลังจากผ่านการปรึกษากัน ผู้เฒ่าเคราขาวที่อายุมากผู้เฒ่าคนอื่นคนหนึ่งพูดกับฟางเหยียนว่า “น้องชาย มิทราบว่าคุณเป็นคุณชายของตระกูลไหนเหรอ?”
คุณชายของตระกูลไหน นี่เป็นคำพูดตามมารยาทจึงได้ถามแบบนั้น คนที่มางานวันเกิดของผู้นำตระกูลของตระกูลถังได้ จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถอยู่แล้ว แน่นอน ว่าทุกคนไม่คิดว่าวัยรุ่นแบบนี้จะบุคคลที่มีความสามารถของหนานหลิง จะต้องใช้บารมีของพ่อจึงได้มาร่วมงานนี้แน่ๆ อายุรุ่นเขาจะประสบความสำเร็จอะไรได้ เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น ที่หนานหลิงยังไม่มีบุคคลที่เก่งมากและเป็นเจ้าของกิจการที่อายุยี่สิบกว่าปีเลย เกี่ยวกับจุดนี้ พวกเขารู้ดีมาก
ถ้าจะมี ก็มีหนึ่งคน เป็นคนใหญ่คนโตที่มาหนานหลิงฆ่าคุณชายตระกูลหม่าก่อนหน้านี้ แต่นั่นเป็นวีรบุรุษของกองทัพ ฆ่าคนตลอดทั้งปี แล้วยังเป็นวัยรุ่นที่องอาจผ่าเผย
รูปร่างอย่างเขาจะเป็นวีรบุรุษของกองทัพได้อย่างไรกัน?
อีกอย่าง ตระกูลถังก็ไม่มีทางเชิญคนใหญ่คนโตแบบนั้นของกองทัพมาได้!
ผู้เฒ่าใช่ชีวิตมามากขนาดนั้น ถ้าทำอะไรเหมือนเหลียงเจิ้งล่ะก็ ตัวเองก็จะเสียชาติเกิด ดังนั้นตอนที่เขาถาม จึงพูดอย่างมีมารยาทเป็นอย่างมาก
ฟางเหยียนสังเกตผู้เฒ่า เขาสวมชุดเสื้อคอจีน ดูๆท่าทางเมตตาอ่อนโยน และกรุณามาก แน่นอน ฟางเหยียนเข้าใจความหมายของคำพูดเขา ตอนที่พวกเขากระซิบกระซาบกันเขามองอยู่ตลอดเวลา ความหมายของพวกเขาชัดเจน ว่าตนอยู่คนล่ะชั้นกับพวกเขา ไม่ควรจะนั่งตรงนี้
ก็เป็นแบบนี้จริง เขาลดตัวลงมานั่งกับพวกเขา เป็นเรื่องที่ให้คนได้โม้ไปตลอดชีวิต!การที่ได้เขาเข้าร่วมวันเกิดของถังเสี่ยนจง สำหรับถังเสี่ยนจงแล้ว เป็นเกียรติกับเขาตลอดชีวิตอย่างแน่นอน!
ฟางเหยียนเปิดปาก ค่อยๆยิ้ม “ผมไม่ได้เป็นคุณชายของตระกูลไหน ผมชื่อฟางเหยียน!”
ประโยคเดียว ทำให้หลายๆคนชะงักไป ทุกคนต่างสบตากัน รู้สึกไม่ค่อยใจแต่รู้ว่ามันเจ๋งมาก!
ไม่ใช่คุณชายของตระกูลไหน งั้นเขาเข้ามาด้วยความสามารถของตัวเองงั้นหรือ?
ผู้เฒ่าคนนั้นยังคงใช้คำพูดเสียดแทงถาม “งั้นน้องชายก็น่าจะรู้เรื่องตำแหน่งการนั่งใช่มั้ย?”
ฟางเหยียนสงสัยอยู่สักพัก จ้องไปที่ผู้เฒ่า แสดงท่าทางให้เขาพูดต่อ
ผู้เฒ่าพูดตรง แล้วพูดต่อไป “ประเทศหวาของเราเป็นประเทศดั้งเดิม ให้ความสำคัญกับตำแหน่งที่นั่งบนโต๊ะอาหาร ปกติคนที่จะนั่งด้านหน้าสุดของห้องโถงได้นั้นล้วนเป็นผู้เฒ่าที่มีคุณธรรมและบารมีสูง มาเป็นแขกในงานของผู้อื่น จะถูกเรียกว่าเป็นแขกวีไอพี!คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราที่นั่งอยู่นี้เป็นใครกันบ้าง?”
คำพูดของเขาตรงไปตรงมา ประโยคเดียว นั่นคือฟางเหยียนไม่เหมาะที่จะนั่งตำแหน่งนี้
ฟางเหยียนจ้องยังที่ผู้เฒ่าที่สวมชุดคอจีน ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่รู้ครับ!และไม่อยากรู้ด้วย”