จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 346
ฟางเหมี่ยวเดินออกมาจากประตูที่สามีของฟางไห่อิงเดินออกมาเมื่อกี๊ เขาสวมชุดสูทสีแดง ที่หน้าอกมีดอกไม้สีแดงอยู่ ผมเรียบเป็นทรง ใบหน้ายิ้มแย้ม ดูท่าทางเป็นกันเอง
“น้องเหยียน พี่ได้ยินจากคุณปู่ว่าแกมา หาแกที่ห้องโถงตั้งนานก็หาไม่เจอ ไม่คาดคิดว่าแกจะอยู่นี่กับคุณน้า” ฟางเหมี่ยวพูดพลางยิ้มพลางเดินมาที่ฟางเหยียน
ท่าทางของฟางเหมี่ยวทำให้คนรู้สึกสบาย ดูจากภายนอกเป็นคนที่เป็นมิตรมาก
ฟางไห่อิงยังไม่ได้รับเรือฟางที่อยู่ในมือของฟางเหยียนมา ด้วยเหตุนี้จึงได้กล่าวไปว่า “พี่เหมี่ยวของแกมาแล้ว แกให้เขาเองก็แล้วกันนะ!”
ฟางเหยียนพยักหน้า เก็บเรือฟางในมือกลับมา จากนั้นก็มองฟางเหมี่ยวที่เดินมาทางตน
“สุขสันต์วันแต่งงานครับ!” ฟางเหยียนส่งเรือฟางให้ฟางเหมี่ยว ตอนที่ฟางเหมี่ยวเห็นเรือฟาง ถึงกับชะงักไป อารมณ์ของเขาเปลี่ยนเป็นตกใจทันที ในขณะเดียวกันก็มีความสุขจนพูดไม่ออก
“น้องเหยียน!ไม่คาดคิดว่าแกยังจำเรื่องนั้นได้!” ฟางเหมี่ยวรับเรือฟางที่อยู่ในมือของฟางเหยียนมา ถือไว้บนมืออยู่สักพักใหญ่ จากนั้นก็กล่าวอย่างตื่นเต้นที่สุดว่า “พี่คิดว่าแกจะไม่มาเสียแล้ว นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันได้ในวันนี้”
ตระกูลฟางมีขาดแคลนเงินทองของล้ำค่าแบบนั้น ถ้าจะบอกว่าล้ำค่าระดับไหน ความจริงเงินทองพวกนั้นเป็นของรองลงมา พวกเขาคุ้นเคย มองเงินทองพวกนั้นเป็นของไม่สำคัญไปนานแล้ว
เมื่อฟางไห่อิงเห็นปฏิกิริยาของฟางเหมี่ยว จึงได้ถามไปว่า “ฟางเหมี่ยว พวกแกทั้งคู่กำลังเล่นอะไรกันหนะ?”
ฟางเหมี่ยวมองฟางไห่อิง แล้วกล่าว “ตอนเล็กผมไปทำงานต่างจังหวัดกับพ่อ แล้วเจอเด็กคนหนึ่งระหว่างทาง เขามอบเรือฟางให้ผม หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน น้องเหยียนรู้สึกแปลกประหลาดหาดูได้ยาก จึงได้แย่งกับผม แย่งไปแย่งมาเรือฟางนั้นก็พัง จากนั้นผมก็ผลักน้องเหยียน แล้วยังทะเลาะกับเขาอีกด้วย ตอนนั้นผมไม่สนใจน้องเหยียนไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง น้องเหยียนบอกว่าผมขี้งก อนาคตถ้าแต่งงานจะไปซื้อมาแล้วมอบให้ผมอันหนึ่ง ต่อมา…”
ฟางเหมี่ยวไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่เอื้อมมือไปวางไว้ที่ไหล่ของฟางเหยียน แล้วกล่าว “ไม่คาดคิดว่าแกยังจำได้!”
ต่อมาที่ฟางเหมี่ยวไม่พูดให้จบก็คือครอบครัวของฟางเหยีนเกิดเรื่อง แน่นอนว่าเขาจะพูดคำพูดนี้ออกมาไม่ได้
ฟางไห่อิงหัวเราะ “ไม่คาดคิดว่าพวกแกพี่น้องทั้งสองจะมีเรื่องราวแบบนี้ด้วย”
“พอล่ะ ผมยังไม่ธุระต่อ ไปก่อนนะ!” ฟางเหยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา พูดแล้วก็จะไป
แต่ฟางเหมี่ยวจับแขนของฟางเหยียนไว้ แล้วกล่าว “น้องเหยียน พี่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ แกยังไม่เห็นพี่สะใภ้ของแกเลยนะ!ฉันพาแกไปเจอพี่สะใภ้!เจอแล้วค่อยไป ยังไงก็งานแต่งฉันนะ”
ฟางเหยียนเงียบไปสักพัก ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองหยุดไว้ที่ก่อนอายุแปดขวบ ตอนนั้นทั้งสองเที่ยวเล่นด้วยกัน ความสัมพันธ์ดีมาก เพียงแต่ต่อมาเกิดเรื่อง ฟางเหมี่ยวก็ไม่ได้เจอฟางเหยียนอีกแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็จบลงตั้งแต่ตอนนั้น
“ก็ได้!” หลังจากนิ่งเงียบไป ฟางเหยียนก็ได้พยักหน้าตกลง
ฟางไห่อิงออกไปรับแขก และฟางเหมี่ยวพาฟางเหยียนไปที่ห้องหอของทั้งคู่ นี่เป็นห้องที่ใหญ่มาก ด้านในตกแต่งด้วยสีแดงแห่งความสุข แน่นอน ของข้างในมีมูลค่ามหาศาล ห้องนี้ตกแต่งอย่างพิเศษ สถาปัตยกรรมแบบยุโรป ใช้สีเหลืองอร่ามแวววาวมาบรรยายก็ไม่ถือว่ามากเกินไป
หญิงสาวที่สวมชุดสีแดงกำลังนั่งอยู่บนเตียงใหญ่ในห้อง มีหญิงสาวมีสาวชาวต่างชาติที่สวยงามสองคนอยู่ข้างๆ พวกเขาล้วนเป็นผู้หญิงที่มีดวงตาสีฟ้า ดั้งโด่ง ผมทอง ผู้หญิงคนนี้มีจุดเด่นที่พิเศษมาก นั่นก็คือสูงมาก และขายาว
แม่ของตงฟางหยุนเอ๋อร์มาจากต่างประเทศ หญิงสาวเหล่านี้ต้องไปญาติฝ่ายแม่ของเธออย่างแน่นอน
ตงฟางหยุนเอ๋อร์เห็นคนมา ก็หันไปมอง เธอเป็นผู้หญิงลูกครึ่ง ผิวขาวกว่าหญิงสาวทั่วไปมาก และรูปลักษณ์ของเธอก็ไปทางชาวต่างชาติเสียมากกว่า เธอสวมชุดกิโมโนสีแดง บนหัวใส่มงกุฎหงส์ และมีสายสะพายที่ไหล่ ในมือทั้งสองมีกำไลหยกที่หาได้ยากคู่หนึ่ง นี่เป็นเครื่องแต่งกายที่แต่งในวันงานแต่งที่ดั้งเดิมมาก การแต่งงานของตระกูลใหญ่ที่ประเทศหวาใช้การแต่งงานแบบนี้
ความจริงคนส่วนใหญ่ที่ประเทศหวาแต่งงานก็จะแต่งกายแบบนี้ เพียงแต่การแต่งกายของพวกเขาไม่เหมือนคนธรรมดาก็แค่นั้น พวกเขาใส่ทองแท้ และเป็นทองแท้ที่ไม่ผสมสิ่งอื่นใด
บนใบหน้าของซ่างกวนหยุนเอ๋อร์แต่งหน้าแบบบางๆ สีของลิบชัดเจนมาก ซ่างกวนหยุนเอ๋อร์ที่แต่งกายแบบนี้ช่างสวยงามมากจริงๆ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกไกลเกินเอื้อมถึง
ความสวยของหญิงสาวคนนี้ ไม่น้อยไปกว่าหลินถงสาวงามอันดับหนึ่งของเขตซีหนานเลยแม้แต่น้อย!
“ฟางเหมี่ยว!”เมื่อเห็นฟางเหมี่ยว เธอก็ทักทายเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว
จากนั้นสายตาของเธอก็มองไปที่ฟางเหยียน การแต่งกายของคนนี้ทำให้เธอประหลาดใจ
แต่ไม่นาน ฟางเหมี่ยวก็ขัดความสงสัยของเธอ แล้วกล่าว “หยุนเอ๋อร์ นี่คือน้องชายของผม ฟางเหยียน!”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์กล่าวอย่างนึกออกทันใดว่า “ฉันนึกออกแล้ว นี่คือฟางเหยียนที่หนีออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว?”
ฟางเหมี่ยวมองฟางเหยียนอย่างระวัง หลังจากที่เห็นเขาไม่ปฏิเสธคำพูดนี้ ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ครับ เขานั่นแหละ!”
ในขณะเดียวกันนี้ มือถือของฟางเหมี่ยวก็ดังขึ้น เขารับสาย แล้วกล่าว “ครับ ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากที่วางสายแล้ว เขามองไปที่ฟางเหยียน แล้วกล่าว “ฟางเหยียน แกคุยกับพี่สะใภ้ไปก่อนนะ!มีเพื่อนมาอยู่ข้างล่างหลายคน ฉันไปต้อนรับสักแป๊บ!”
ฟางเหยียนพยักหน้า แสดงท่าทีเข้าใจ แล้วฟางเหมี่ยวได้สั่งให้อีกว่า “หยุนเอ๋อร์ ดูแลน้องเหยียนดีๆนะ!”
หลังจากที่ฟางเหมี่ยวจากไปแล้ว ตงฟางหยุนเอ๋อร์ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกับหญิงสาวเหล่านั้น จากนั้นก็เห็นผู้หญิงคนนั้นออกไป ทันใดนั้นในห้องก็เหลือแค่ฟางเหยียนและซ่างกวนหยุนเอ๋อร์สองคน จู่ๆบรรยากาศก็อึดอัดขึ้น
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ชี้ไปที่เก้าอี้แล้วกล่าว “นั่งลงเถอะค่ะ!”
ฟางเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้ ตงฟางหยุนเอ๋อร์เดินมาที่โต๊ะ ยกแก้วชามาให้ฟางเหยียน แล้วกล่าว “ฉันกับฟางเหมี่ยวรู้จักกันตอนเรียนอยู่เมืองนอก คุณน่าจะรู้เรื่องตระกูลของพวกเรานะ?”
ฟางเหยียนพยักหน้าแล้วกล่าว “เคยได้ยินมาบ้างครับ”
“อืม!” ตงฟางหยุนเอ๋อร์นั่งตรงข้ามฟางเหยียน แล้วกล่าว “ฉันแปลกใจมาก คุณไม่กลับนานขนาดนั้น จู่ๆตอนนี้กลับมา เพื่ออะไร?”
ฟางเหยียนจ้องสายตาของตงฟางหยุนเอ๋อร์ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเลือดเย็นว่า “หมายความว่ายังไง?”
“เหอะๆ!” จู่ๆสีหน้าของตงฟางหยุนเอ๋อร์ก็บูดบึ้งทันใด แล้วกล่าว “ฉันได้ยินฟงเหมี่ยวบอกว่า คุณปู่ยืนหยัดจะให้คุณสืบทอดวงศ์ตระกูล แล้วยังก่อตั้งฟางซื่อกรุ๊ปที่เมืองจินโจวให้คุณ มีเรื่องราวแบบนี้มั้ย?”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์พูดจาตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ไม่เป็นมิตรจริงๆ !