จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 348
เมื่อตงฟางหยุนเอ๋อร์เห็นผู้คนเหล่านี้พูดเข้าข้างตัวเอง จึงได้ยิ้มออกมาอย่างสะใจ แววตาคู่นั้นจ้องไปที่ฟางเหยียน ราวกับกำลังบอกว่าจะสู้กับฉัน แกมันอ่อนหัดไปนะ
ในขณะเดียวกันนี้เอง ฟางเหมี่ยวเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู เห็นในห้องค่อนข้างวุ่นวาย เขาจึงเดินไปที่ด้านหน้าของตงฟางหยุนเอ๋อร์ แล้วมองตงฟางหยุนเอ๋อร์ที่ยุ่งเหยิงตั้งแต่หัวจรดเท้า จนตัวเองหัวใจเกือบจะวาย
เขาถามอย่างตกใจว่า “เกิดอะไรขึ้น? หยุนเอ๋อร์”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ชี้ไปที่ฟางเหยียน ด้วยสีหน้าน้อยใจ จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา เธอพูดอย่างตัดๆขัดๆว่า “เขา น้องชายของคุณ น้องชายของคุณจะรังแกฉัน”
ผู้หญิงคนนี้เล่นละครเก่งมากจริงๆ ถ้าไปแสดงละคร ต้องได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแน่นอน
“อะไรนะ?” ฟางเหมี่ยวชะงักไป สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า เขามองไปที่พวกผู้หญิงเหล่านั้น พวกผู้หญิงก็ยังคงพูดจาต่อว่าฟางเหยียน
“ฟางเหมี่ยว นี่เหรอน้องชายของคุณ คิดไม่ถึงว่าเขาจะฉวยโอกาสตอนที่ข้างในไม่มีคน แล้วทำเรื่องเลวทรามแบบนั้นกับหยุนเอ๋อร์ได้!”
ฟางเหมี่ยวทำอะไรไม่ถูก และก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ทำได้เพียงมองไปที่ฟางเหยียน แล้วปลอบโยนตงฟางหยุนเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมกอด
เนื่องจากเสียงที่นี่ค่อนข้างดัง ด้านนอกมีคนของตระกูลฟางเดินมาจำนวนไม่น้อย มีคุณท่าน และยังมีพ่อแม่ของฟางเหมี่ยวและฟางฟัง
หลังจากที่ทุกคนเห็นเสื้อผ้าของตงฟางหยุนเอ๋อร์ยุ่งเหยิง และกำลังร้องไห้ ก็ต่างพากันสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น?” ฟางจินหยวนในฐานะที่เป็นผู้นำของตระกูลถามอย่างหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วมองไปยังทุกคนที่อยู่ในห้อง
เมื่อตงฟางหยุนเอ๋อร์เห็นทุกคนในครอบครัวมาถึงแล้ว จึงได้ร้องออกมาอีกครั้ง ร้องพลาง พูดอย่างสะอื้นว่า “เขา เขา เมื่อกี๊ฟางเหมี่ยวพาเขาเข้ามาหาหนู จากนั้นก็ออกไป หนูเห็นว่าเขาคือน้องชาย คิดว่ายังไงต่อเป็นก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จึงได้พูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว ให้เพื่อนของหนูออกไปทั้งหมด ใครจะรู้ว่าคุยไปคุยมา นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดเหยียดหยามหนู พูดว่าหนูสวยมาก โดยเฉพาะตอนที่สวมใส่ชุดนี้ เห็นแล้วมีอารมณ์ เริ่มแรกหนูคิดว่าเขาชมหนู ล้อเล่นกับหนู แต่ผ่านไป เขาลุกจากเก้าอี้ตัวนั้น แล้วมานั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับหนูมากขึ้นอีก”
“จากนั้น มือของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่ง ค่อยๆขยับมาที่แขนของหนูอย่างช้าๆ แสร้งทำเป็นพูดว่าชุดของหนูใช้วัสดุดีมาก แล้วยังถามหนูอีกว่าบนชุดนี่ใช่ด้ายทองจริงๆหรือเปล่า จากนั้นได้ลูบไปที่ขาของหนู ถามหนูว่าทำไมนุ่มขนาดนั้น! จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาอย่างเร็วกอดหนู บอกว่าชอบหนูมาก หนูสวยมาก เขาทนไม่ไหวแล้ว จากนั้นเขาก็ดีงดันจูบหนู กดหนูลงกับโต๊ะ จะเปลื้องเสื้อหนูออก เขายังพูดอีกว่าอยากให้หนูใส่มงกุฎนั่นทำอย่างนั้นกับเขา แบบนั้นถึงจะมีอารมณ์ หนูรู้สึกขยะแขยง ด้วยเหตุนี้เองจึงดิ้นรนต่อต้านอย่างสุดแรง แต่แรงของเขามากเหลือเกิน หนูเอาเขาไม่อยู่จริงๆ แต่หนูจะถูกเขาเล่นงานแบบนี้ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เองหนูจึงได้รวบรวมแรงทั้งหมดที่มี แล้วผลักเขาออกไป แต่เขากลับไม่คิดจะปล่อยหนูไป แล้วยังจะเข้ามากอดหนูอีก จากนั้นหนูก็ดิ้น จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น เขายังคิดจะลากขาหนูอีก ถ้าหนูไม่ร้องออกมา บางทีหนูอาจจะ อาจจะ…”
เมื่อพูดถึงจุดนี้เธอก็พูดไม่ออกอีกแล้ว และได้ร้องฮือๆๆออกมา
ฟางเหมี่ยวมองฟางเหยียน ด้วยสายตาเหลือเชื่อ คนอื่นๆก็มองฟางเหยียน ด้วยความสงสัย พูดรายละเอียดได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ทำให้คนไม่รู้ว่าจะสงสัยในความจริงเท็จของคำพูดของเธอตรงไหนได้เลย
จะว่าไปหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดา ถ้าเธอไม่ไปเป็นดาราก็ไปเขียนนิยายได้ ต้องได้รับความนิยมแน่นอน เรื่องที่ไม่มีจริงเธอกลับพูดมันได้เป็นช็อตๆ จินตนาการล้ำเลิศ ที่สำคัญที่สุดคือแสดงได้ถึงบทบาท
การแสดงของเธอบวกกับรายละเอียดเมื่อกี๊ มันช่างจริงแท้จนหาตัวจับได้ยาก!
หลี่เย่ว์ภรรยาของฟางไห่เซิงกัดฟัน แล้วตะคอก “เห็นหรือยัง เห็นหรือยัง ฉันบอกแล้ว ว่าไอ้นี่ไม่ใช่คนดีอะไร ป่าเถื่อนจนเคยตัว ต้องสร้างปัญหาอะไรแน่นอน ครั้งที่แล้วที่มาที่บ้านฉันก็เห็นเจตนาไม่ดีของมันแล้ว ครั้งนี้ลงมือเลย พวกเราไม่ควรเชิญมันมา ไม่ควรให้มันเข้าบ้านนี้ นี่คือลูกสะใภ้ของฉัน ตามศักดิ์ก็เป็นพี่สะใภ้ของมัน แล้วมันทำเรื่องทรยศแบบนั้นกันได้อีก นี่มันสัตว์เดรัจฉานชัดๆ สัตว์เดรัจฉาน!”
“พอแล้ว!” ฟางไห่เซิงลากหลี่เย่ว์ เขามองไปที่ผู้คนอย่างอับอายแล้วกล่าว “ผู้หญิง พูดมาก!”
ครั้งที่แล้วที่ฟางเหยียนมาที่บ้าน ทำลายขวังซือสัตว์เจ้าที่ในตำนานของครอบครัว ตำนานแบบนั้นยังถูกเขาทำลาย ถ้าอีกเดี๋ยวกระตุกเส้นเขา บางทีเขาอาจจะฆ่าทุกคนที่นี่ก็ได้
หลี่เย่ว์กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง อะไรคือพูดมาก! ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ถ้าพวกคุณยังไม่ตำหนิมันอีก ต่อไปก็จะยิ่งทำให้มันไม่มีขื่อมีแป!”
“พอแล้ว!”ฟางไห่เซิงกัดฟันแล้วตะคอกใส่หลี่เย่ว์
ตงฟางหยุนเอ๋อร์มองไปที่ฟางเหยียน แล้วกล่าว “ฟางเหมี่ยว เขาเป็นน้องชายของคุณนะ ทำไมคุณไม่พูดอะไรสักคำล่ะ?”
ฟางเหมี่ยวขมวดคิ้ว เขามองไปที่ฟางเหยียน ฟางเหยียนก็ยังคงไม่สะทกสะท้านใดๆ เขาสะอึกสะอื้น แล้วถาม “น้องเหยียน แกไม่คิดจะอธิบายหน่อยเหรอ?”
ความจริงฟางเหมี่ยวก็เริ่มลังเลแล้ว เขาเริ่มเชื่อคำพูดของตงฟางหยุนเอ๋อร์แล้ว ถ้าตงฟางหยุนเอ๋อร์ไม่ได้พูดละเอียดขนาดนั้น เขาอาจจะสงสัยขึ้นมา แต่พูดถึงขนาดนั้นแล้ว เขาสงสัยฟางเหยียนแล้วจริงๆ
อธิบาย ฟางเหยียนดูแคลน เขาต้องอธิบายให้ใครฟังด้วยเหรอ?
แต่ตงฟางหยุนเอ๋อร์เห็นรอยยิ้มของฟางเหยียน จึงกล่าวอย่างน้อยใจว่า “เห็นหรือยัง พวกคุณเห็นหรือยัง เขายังยิ้มได้ ทำเรื่องแบบนี้! นึกไม่ถึงว่ายังยิ้มได้ ถ้าวันนี้ตระกูลของพวกคุณไม่จัดการให้ฉัน ฉันจะ ฉันจะกลับบ้าน! งานแต่งนี่มากสุดก็แค่ล้มเลิก ไม่แปลกอะไร!”
“หยุนเอ๋อร์ อย่าทำแบบนี้สิ พวกเราจะจัดการนะ น้องเหยียน คำพูดที่พี่สะใภ้ของแกพูดหนะจริงมั้ย?” ฟางเหมี่ยวก้าวมาข้างหน้า แล้วถาม
ฟางฟังก้าวมาข้างหน้า แล้วกล่าว “เป็นไปได้ไง พี่เหยียนไม่ใช่คนแบบนั้น! พี่เหยียนจะทำเรื่องไม่แยกหนักเบาได้อย่างไรกัน มันจะต้องมีการเข้าใจผิดอะไรแน่นอน!”
“เข้าใจผิด?” ตงฟางหยุนเอ๋อร์เหอะออกมา แล้วถาม “คุณหมายถึง ฉันพูดโกหกว่างั้น?”
ฟางฟังกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “ใครจะไปรู้ล่ะ คุณรู้ดีอยู่แก่ใจ ยังไงพี่เหยียนก็ไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ฟางเหมี่ยว คุณเห็นแล้วยัง? นี่น้องสาวทคนดีของคุณนะ” ตงฟางหยุนเอ๋อร์จับมือของฟางเหมี่ยวแล้วร้องไห้
ฟางเหยียนมองฟางจินหยวนอย่างสบายอกสบายใจ แล้วถาม “คุณว่าไง?”