จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 349
ฟางจินหยวนที่ไม่พูดมาโดยตลอดตกใจขึ้น เขาเงยหน้าอันหน้าเหี่ยวย่นที่ประหลาดใจขึ้นมา มองตาของฟางเหยียน จากนั้นก็มองไปที่ใบหน้าของตงฟางหยุนเอ๋อร์ แล้วตะคอกออกมาว่า “โกหกทั้งนั้น!”
การตะคอก ทำให้ตงฟางหยุนเอ๋อร์ถูกด่าจนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ฟางเหยียนยิ้ม “ในเมื่อคนของตระกูลฟางของพวกคุณรีบจะไล่ผมให้ออกไป งั้นผมจะไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนได้เดินออกจากห้องไปโดยตรง
“เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียน!” ฟางจินหยวนมองฟางเหยียนแล้วตะโกน จากนั้นก็จ้องไปที่หางเหมี่ยว แล้วกล่าว “รอฉันก่อน เดี๋ยวฉันจะกลับมาจัดการแก”
คำพูดนี้พูดให้ตงฟางหยุนเอ๋อร์ได้ยิน แต่เขาพูดตรงๆกับเธอไม่ได้ ทำได้เพียงพูดกับหลายชายของตน ก็ถือว่าเชือดไก่ให้ลิงดู! นี่ถือเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาขอวประเทศหวา
หลังจากที่ผู้คนเดินออกมาแล้ว ในห้องก็เหลือเพียงแค่ตงฟางหยุนเอ๋อร์และฟางเหมี่ยว
ฟางเหมี่ยวถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย “หยุนเอ๋อร์ คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
ตอนนี้น้ำตาของตงฟางหยุนเอ๋อร์ได้แห้งไปแล้ว เหมือนเปลี่ยนเป็นคนล่ะคน แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร!”
“ขอโทษนะหยุนเอ๋อร์ ผมก็ไม่รู้ว่าน้องเหยียนจะกลายเป็นคนแบบนี้ อยู่ข้างนอกมาหลายปี ต้องไม่เคยเห็นสาวสวยแบบคุณมาก่อนเป็นแน่ ดังนั้นถึงได้ทำแบบนั้น” ฟางเหมี่ยวกล่าวอย่างทำอะไรไม่ถูก
“พู!” ตงฟางหยุนเอ๋อร์อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ฟางเหมี่ยวชะงัก แล้วถาม “คุณหัวเราะอะไร?”
หลังจากที่ถามแล้ว เขาก็กล่าวเหมือนรู้ได้ทันใด “เมื่อกี๊คุณโกหก?”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ไม่ใช่คนที่ทำอะไรแล้วไม่กล้ายอมรับ เธอพูดอย่างไม่ไตร่ตรองใดๆ “ใครให้เขาเสแสร้งทำตัวสูงส่งแบบนั้น อีกอย่าง ทำไมคุณนี่โง่จัง ถ้ามันไม่ถูกไล่ออกจากตระกูลฟาง แล้วต่อไปคุณจะมีโอกาสเป็นผู้นำตระกูลได้อย่างไรกัน? ฉันกลัวว่าต่อไปจะไม่ได้เจอเขาแล้ว ดังนั้นจึงพูดกับมันตรงๆ ใครจะรู้ว่ามันไม่สนใจฉัน ฉันจึงสร้างเรื่องขึ้นมา”
ฟางเหมี่ยวมองตงฟางหยุนเอ๋อร์อย่างไร้ซึ่งคำพูด ถอนหายใจ แล้วตบที่หน้าขา “ผมว่าแล้วว่าน้องเหยียนไม่มีทางทำเรื่องบ้าบอแบบนั้นได้ คุณนะคุณ คุณกำลังฆ่าผมนะ”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์จับมือแล้วกล่าว “ฉันว่าฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ฉันก็แค่หวังดีต่อคุณ”
“ผมรู้ว่าคุณหวังดีต่อผม แต่คุณทำแบบนี้ คุณปู่ไม่มีทางเชื่อ น้องฟางไม่ใช่คนแบบนั้น เรื่องของเขา ต่อไปคุณจะรู้เอง” ฟางเหมี่ยวกล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ขณะนี้ ฟางเหยียนได้มาถึงที่จอดรถของตระกูลฟาง ด้านหลังมีเด็กสาวผมสั้นสาวงามคนหนึ่งวิ่งมา เด็กสาววิ่งตามมา เธอมาอยู่ข้างๆฟางเหยียน แล้วกล่าว “พี่เหยียน ขอโทษนะ พี่เหยียน!”
ฟางเหยียนเห็นฟางฟัง ใบหน้าแดงก่ำ หายใจเข้าออกอย่างหอบหืด แค่ดูก็รู้แล้วว่าเธอวิ่งมา ส่วนฟางจินหยวน ยังเดินมาไม่ถึงที่นี่
เมื่อกี๊เด็กสาวคนนี้ออกหน้าแทนตน เขาไม่รู้สึกบาดหมางต่อฟางฟัง แต่ถ้าจะบอกว่ารู้สึกดีก็ไม่ใช่ ก็แค่ไม่เกลียดฟางฟัง ดังนั้นจึงได้กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับแก! แกจะขอโทษทำไม”
“พี่เหยียน อย่าไปได้มั้ย?” ฟางฟังยื่นมือไปรั้งแขนของฟางเหยียนไว้ แล้วเขย่าไม่หยุด และเขย่าแขนของฟางเหยียนไปด้วยเลย เหมือนกำลังงอนง้ออยู่
ควาทจริงแล้วฟางฟังอยากใช้วิธีนี้ให้ฟางเหยียนปล่อยวางความระแวงที่มีในใจ แล้วยอมรับพวกเขา
ฟางเหยียนดูแคลน แล้วกล่าว “วันนี้สมาชิกคนใหม่ไม่ชอบฉัน ฉันอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์”
เมื่อพูดจบฟางเหยียนก็เปิดประตูรถ ฟางฟังไม่ขวางอีกต่อไป ทำได้เพียงบึนปากแล้วกล่าว “ก็ได้!”
เมื่อพูดจบฟางฟังได้หยิบกล่องสี่เหลี่ยมที่ใหญ่กว่าฝ่ามือออกมาจากในกระเป๋ายื่นให้ฟางเหยียน แล้วกล่าว “พี่เหยียน ฉันแกะสลักตามลักษณะของพี่ ให้พี่!”
ฟางเหยียนสงสัยอยู่สักแป๊บ แล้วเอื้อมมือไปรับของขวัญของฟางฟังมา แล้วกล่าว “ขอบคุณ!”
เมื่อพูดจบเขาก็ขึ้นรถไป แล้วพูดกับเทียนขุย “ไปกันเถอะ!”
เทียนขุยสตาร์ทรถ แล้วขับออกจากตระกูลฟางไป จนกระทั่งออกไป ฟางเหยียนก็ไม่หันมามองฟางฟังแม้แต่นิดเดียว ทำให้ใจของฟางฟังเหมือนโดนอะไรทิ่มแทงอย่างไรอย่างนั้น พี่ฟางเหยียนน่าสงสารจริงๆ
รถเพิ่งออกไป ฟางจินหยวนก็มาถึงที่นี่ เขาก็เหนื่อยจนหายใจหอบหืด เมื่อเห็นตัวเองมาช้าไปหนึ่งก้าว รถได้ออกไปแล้ว สีหน้าของคุณท่านก็ผิดหวัง
“คุณปู่ พี่เหยียนไปแล้ว!” มือทั้งสองข้างของฟางฟังวางไว้ที่ท้องน้อย แล้วกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
ฟางจินหยวนถอนหายใจ แล้วกล่าว “ฉันมาช้าไปหนึ่งก้าว! ฟางฟัง พี่เหยียนของแกพูดอะไรกับแกมั้ย?”
ฟางฟังส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่เลยค่ะ เขาแค่พูดว่าสมาชิกใหม่ไม่ต้อนรับเขา หนูคิดว่าความบาดหมางที่พี่เหยียนมีต่อเราไม่เหมือนเมื่อเท่าแล้ววนะคะ เหมือนเขายอมจะพูดคุยกับพวกเราแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนี้ ฟางจินหยวนยิ่งตบมืออย่างโมโห ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นแว็บเดียวก็บึ้งตึงขึ้นมา เขากล่าวอย่างโมโหว่า “ฟางเหมี่ยวนี่ ถ้าไม่ใช่เพราะมัน พี่เหยียนของแกก็ไม่มีทางออกไปเร็วขนาดนั้น”
ฟางฟังพยุงฟางจินหยวน แล้วกล่าว “คุณปู่ อย่าโมโหเลยค่ะ วันนี้เป็นวันมงคลของพี่เหยียนนะ”
ฟางจินหยวนถอนหายใจ มองไปยังทิศทางที่ฟางเหยียนขับรถจากไป ทั้งโทษตัวเองทั้งทำอะไรไม่ได้
เมื่อคิดดังนี้ เขาโทรหาฟางเหยียน แต่ปลายทางไม่รับสาย เขาจะรับสายของตนได้อย่างไรกัน ทะเลาะกันขนาดนี้ เกรงว่าต่อไปเขาคงไม่มีทางกลับมาที่บ้านหลังนี้อีก!
อีกด้านหนึ่ง ในรถ
ฟางเหยียนนั่งเบาะหลัง กำลังมองดูกล่องเล็กที่สวยงามที่อยู่ในมือ หลังจากที่ดูแล้ว เขาค่อยๆเปิดกล่องออก ด้านในมีคนแคระที่เป็นดินเหนียวโผล่ออกมา บนร่างของคนแคระสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีน ใส่รองเท้าคอมแบท ฟางเหยียนมองคนแคระนั่น ตั้งแต่บนจรดล่าง ทำออกมาได้จริงมาก แม้แต่ประสาทสัมผัสทั้งห้าก็เหมือนกับตัวเอง
ฟางฟังนี่ พยายามอย่างหนักจริงๆนะเนี่ย! เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
จากนั้น เขาเห็นกระดาษใบหนึ่งอยู่ในกล่อง บนกระดาษเป็นกระดาษบันทึกที่เคยเขียนอะไรมากแล้ว!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้หยิบออกมาจากด้านใน แล้วเปิดกระดาษดู นี่คือกระดาษจดหมายที่สวยงามแผ่นหนึ่ง รอบๆกระดาษเขียนคำอวยพรไว้มากมาย เช่นวันนี้อารมณ์ดี คิดสิ่งใดสมปรารถนาประมาณนี้ รอบๆของกระดาษเป็นรวดลายดอกไม้ กล่องสวยงาม กระดาษที่ไว้เขียนก็สวยงาม ทำออกมาได้สวยงามขนาดนั้น ดูออกว่านี่เป็นเด็กสาวที่โหยหาความสวยงาม
หลังจากที่มองแล้ว ฟางเหยียนจึงได้สังเกตไปบนกระดาษ ที่ฟางฟังเขียนไว้
พี่เหยียน ฉันไม่มีเบอร์ของพี่ และไม่มีวิธีติดต่ออื่นใดของพี่เลย ให้อภัยที่ฉันทำได้เพียงใช้วิธีนี้ในการส่งต่อความรู้สึกของฉัน
แม้ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่บ้าง แต่ฉันรู้สึกว่าพี่ไม่ง่ายเลย ฉันพูดไม่ค่อยเก่ง และหวังว่าหลังจากที่พี่เห็นคำพูดด้านล่างเหล่านี้แล้ว จะไม่โกรธกันนะ!
ประโยคต่อจากนี้ไปอาจทำให้พี่ไม่พอใจ ฉันขอร้องว่าพี่อย่าได้โกรธกันเลยนะ!