จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 358
“เสี่ยวเหยียน!” ฟางไห่อิงผละตัวออกจากอ้อมกอดของฟางเหยียน “ฉันเธอพูดกับเธอไปตั้งเยอะ ไม่ใช่เพื่อให้เธอไปจัดการกับเขานะ ฉันเพียงแค่อยากบอกหลาน ให้ปฏิบัติกับผู้หญิงของเธออย่างดี อย่าทำให้หล่อนผิดหวังในตัวเธอ! เมื่อผู้หญิงหมดหวังกับผู้ชายที่เธอไว้ใจ นั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก ในจุดนี้ เธออาจจะเอาเธอกลับคืนมาไม่ได้อีก”
ฟางเหยียนผงะไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “อารู้เรื่องของผม?”
“เฮอะ!” ฟางไห่อิงหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ฉันจะไม่รู้ได้ยังไงกัน! เธอเป็นหลานชายของฉัน ในโลกนี้นอกจากคุณปู่ เธอก็เป็นคนที่ฉันสนิทด้วยมากที่สุด ฉันจะไม่รู้เรื่องของเธอได้ยังไงกัน?”
ความรู้สึกลึกๆที่อยู่ภายในใจของฟางเหยียนถูกสะกิดเสียแล้ว เขารู้สึกถึงความอบอุ่นในทันที นี่คือความห่วงใยจากคนในครอบครัว ฟางไห่อิงเป็นญาติคนเดียวในตระกูลฟาง และยังเป็นญาติทางสายเลือดกับเขาด้วย ตระกูลฟางทั้งหมด มีเพียงฟางไห่อิงที่ห่วงใยเขาอย่างจริงใจ ฟางจินหยวน รวมถึงคนอื่นๆ เพียงแค่แอบพึ่งอำนาจเขาเท่านั้น
“คุณอา ไม่ต้องห่วง คนที่รังแกอามันจะต้องได้ชดใช้สำหรับเรื่องนี้แน่”
พูดจบ สีหน้าของฟางเหยียนก็เข้มขึ้นอีกครั้ง มีร่องรอยของเจตนาฆ่าปรากฏอยู่บนแววตาของเขา
ฟางไห่อิงไม่รู้ว่าเจตนาฆ่าอะไร แค่รู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ของฟางเหยียนต้องกำลังจะทำเรื่องไม่ดี เหมือนกับตอนแรกที่เขาเดินเข้าไปในตระกูลฟาง ลงไม้ลงมือกับขวังซือเช่นนั้น ดังนั้นเธอจึงรีบพูดขึ้นมา “เสี่ยวเหยียน เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง โอเคไหม?”
เสี่ยวเหยียนส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ไม่ได้! เรื่องนี้ผมจำเป็นต้องจัดการให้อา ไม่เช่นนั้นเขาจะเข้าใจว่าอารังแกได้ง่าย เพียงแค่มีผมฟางเหยียนคนนี้อยู่ ในโลกนี้ ใครก็ไม่สามารถรังแกอาได้ แม้แต่ฟางจินหยวน ก็ไม่ได้!”
“แต่ ยังไงเขาก็เป็นอาเขยของเธอนะ!”
“ไม่ มันไม่ใช่ ผมเคยพูดไปแล้ว มันไม่คู่ควรกับอา! ผมยอมรับเพียงคนที่คู่ควรกับคุณอาเป็นอาเขยของผม” ฟางเหยียนกล่าวอย่างเด็ดขาด คำพูดของเขาเย็นชามาก เย็นเสียจนไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้
“เสี่ยวเหยียน…” ฟางไห่อิงมองสีหน้าบูดบึ้งของฟางเหยียน ทันใดนั้นก็ทั้งปวดใจและสุขใจไปพร้อมๆกัน
“เทียนขุย ไปบ้านตระกูลฟาง!” ฟางเหยียนสั่งกับเทียนขุยที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้า
ฟางไห่อิงตะลึง แล้วถามว่า “ไปทำอะไรที่บ้านตระกูลฟาง?”
“ผมจะพาป้ากลับบ้าน!” ฟางเหยียนยกมือมาคว้ามือของฟางไห่อิง และพูดอย่างเย็นชา
ณ ห้องประชุมตระกูลฟาง
นี่เป็นสถานที่ที่ตระกูลฟางมาประชุมกัน โดยปกติเวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตระกูลฟางจะจัดประชุมและทุกคนในตระกูลต้องเข้าร่วม เมื่อก่อนจะจัดประชุมบ่อยๆ ตามกำหนดการทำงาน แต่ปัจจุบันไม่จำเป็นแล้ว เพราะฟางจินหยวนอายุมากแล้ว เรื่องต่างๆก็ถูกส่งให้ลูกชายทั้งสองคนจัดการ ดังนั้นจึงไม่ได้มีกำหนดการอะไรมากมาย
โดยตามหลัก วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของตระกูลฟาง มันไม่ควรจะเคร่งเครียด แต่บรรยากาศกลับแข็งกระด้าง!
ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ทำเพียงแค่มองไปที่ตำแหน่งของฟางจินหยวนอย่างเงียบๆ!
ฟางจินหยวนนั่งอยู่ในตำแหน่งของผู้นำตระกูล ใบหน้าเคร่งขรึม คล้ายกับว่าทุกคนเป็นหนี้เขาอย่างไรอย่างนั้น มีตัวอักษรฟางตัวใหญ่บนศีรษะของเขา เพื่อให้คนที่เห็นรู้ว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งเล็กๆ!
ประเพณีในตระกูลใหญ่นี้ ตำแหน่งของผู้นำตระกูลถือว่าสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง
ใจของทุกคนล้วนรู้ดีว่าทำไมถึงมีการประชุมครั้งนี้ เป็นเพราะเรื่องของฟางเหยียน หลี่เยว่ภรรยาของฟางไห่เซิงคิดว่าฟางเหยียนเป็นพวกกลับกลอก อยู่ดีๆก็ไม่รู้ว่าวิ่งเข้ามาทำอะไรที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาวิ่งเข้ามาที่นี่มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร เฮ้อ! ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เป็นโศกนาฏกรรมจริงๆ
แม้ว่าชายชราจะไม่เชื่อว่าฟางเหยียนทำเรื่องประเภทนั้น แต่ใจของหลี่เยว่ก็เชื่อมั่นมากว่าฟางเหยียนสามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้
“ฟางเหมี่ยว!” ฟางจินหยวนที่ไม่พูดอะไรสักคำตะโกนเสียงดังไปทางตำแหน่งของฟางเหมี่ยว น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลัง ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่านี่คือชายชราที่กำลังป่วยระยะสุดท้าย
ฟางเหมี่ยวตัวสั่นลุกขึ้นยืน และตอบด้วยสีหน้าเกรงกลัว “ครับ! ฉันอยู่นี่ คุณปู่!”
“แกพูดสิ ว่าแกทำอะไร?” ท่าทางของฟางจินหยวนน่าเกรงขาม ดูเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ แม้ว่าตงฟางหยุนเอ๋อร์จะเป็นเด็กที่เติบโตมาในตระกูลใหญ่ แต่เห็นความน่าเกรงขามเช่นนั้นของฟางจินหยวน ภายในใจของเธอก็แอบตกตะลึง
ฟางเหมี่ยวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ฉัน ฉันไม่ควรสงสัยในตัวน้องเหยียน!”
ฟางจินหยวนถอนหายใจ และกล่าวว่า “โชคดีที่แกยังรู้ว่าแกสงสัยน้องเหยียนของแก แกรู้ว่าน้องเหยียนของแกสามารถมาได้ ฉันใช้ความคิดมากไปเท่าไหร่? นายปฏิบัติแบบนั้นกับน้องเหยียนของแกหรือ? แกไม่ชอบเขามากเลยเหรอ?”
“คุณพ่อ!” หลี่เยว่เงยหน้าขึ้นมองชายชราแล้วกล่าวว่า “หนูว่าคุณพ่อพูดแบบนั้นมันเกินไปแล้ว ยังไงมันก็เป็นความผิดของฟางเหยียน! แม้ว่าตั้งแต่เด็กเขาจะโตอยู่ด้านนอก ต้องทนทุกข์มามากมาย หนูรู้ว่าคุณพ่ออยากจะชดเชยให้เขา แต่คุณพ่อก็ไม่อาจมีความเห็นแก่ตัวหรอกนะ? เขารังแกหลานสะใภ้ของคุณพ่อ พูดต่อหน้าหลานสะใภ้ของคุณพ่อแบบนั้น ไม่ใช่กำลังบอกว่าหลานสะใภ้ของคุณพ่อโกหกหรอกเหรอ? ”
“เธอพูดอะไร?” ฟางไห่เซิงสีหน้าตกใจ ยกมือขึ้นปรามหลี่เยว่ หลี่เยว่เม้มปากแม้ว่าอยากจะพูด แต่เธอก็รู้ถึงนิสัยของชายชรา ถ้าทำให้เขาไม่พอใจ ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฟางไห่เซิงรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับฟางจินหยวน “คุณพ่อ! หลี่เยว่เธอไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น! เธอเพียงแค่รู้สึกว่าคุณพ่อพูดเช่นนี้ต่อหน้าหลานสะใภ้ไม่ค่อยดี”
ฟางไห่เซิงเป็นพวกหัวอ่อนใครว่าอย่างไรก็ว่าตาม ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ไม่มีความเห็นทั้งนั้น! เชื่อฟังภรรยา
“ไม่ดี?!” ฟางจินหยวนยกมือขึ้นมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะมองฟางไห่เซิงด้วยสายตาดุดัน
ฟางไห่เซิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เขากลัวฟางจินหยวน แม้ว่าฟางจินหยวนจะแก่แล้วก็ตาม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย เขาไม่กล้าพอที่จะมองฟางจินหยวน พวกเขาแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ เด็กคนอื่นๆอาจจะสามารถทำตัวออดอ้อนเป็นเด็กๆกับพ่อของตนเองได้ แต่พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะได้เพลิดเพลินกับสิทธิ์นี้ ตั้งแต่เกิดมา พวกเขาก็ต้องจำนนต่อความน่าเกรงขามของฟางจินหยวน
คำพูดของฟางจินหยวนก็คือ เมื่อเติบโตในครอบครัวใหญ่ก็ต้องเรียนรู้การดูแลตัวเองของผู้นำตระกูล หากต้องการให้ตระกูลมีอำนาจตลอดไป ยิ่งต้องเอาชนะทุกคน นี่คือเหตุผลที่ตระกูลฟางยังยิ่งใหญ่เกรียงไกรอยู่เสมอ
“คุณพ่อ!” ฟางไห่เซิงพูดเสียงสั่น “ผมไม่ได้คัดค้านความหมายของคุณพ่อ เพียงแค่…”
“พอได้แล้ว!” ฟางจินหยวนยกมือขึ้นขัดจังหวะการพูดของฟางไห่เซิง เขากล่าวว่า “เรื่องนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว! ไม่ว่าใครจะมีความคิดอะไร ใครจะคิดยังไง ฉันรู้หมด ฉันหวังว่าพวกแกละเลิกใช้เล่ห์เหลี่ยมพวกนั้นของตัวเอง แล้วก็จัดการกับความคิดของตัวเองให้ดี หลังจากนี้จะไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าฉันได้อีก ถ้าใครพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันจะไล่ออกจากตระกูลฟาง”
เมื่อได้ยินคำขาดของฟางจินหยวน ทุกคนก็เงียบ ไม่กล้าพูดแม้แต่ครึ่งคำ แม้ว่าหลี่เยว่อยากจะพูดเพื่อพิสูจน์ว่าลูกชายและลูกสะใภ้ของเธอไม่ผิด แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะชายชราโกรธขึ้นมาจริงๆ ซะแล้ว
คนที่โกรธที่สุดคือตงฟางหยุนเอ๋อร์ เธอเป็นไข่มุกที่งดงามบนมือของตระกูลมาตลอด ไม่คิดเลยว่าแต่งเข้ามาตระกูลฟางก็ถูกสั่งสอน แต่คนมากมายในตระกูลยังไม่พูดอะไร แล้วเธอจะกล้าพูดได้อย่างไร