จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 38
บทที่ 38 เทพสงครามแสดงฝีมือ
“ฟางเหยียน อัญมณีเลือดทองนี่แพงขนาดนั้นเลยหรอ?” พอออกมาจากโรงแรมนานาชาติเทียนเยว่ เย่ชิงหยู่ถามอย่างตกใจ
ฟางเหยียนตอบกลับ “จุดสำคัญของหยกชิ้นนี้ไม่ได้อยู่ที่ราคาเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่าใครเป็นคนใส่”
คำพูดนี้ทำเย่ชิงหยู่หน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฟางเหยียนปากหวานแบบนี้
“แต่ว่า ฉันก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าคุณได้หยกนี้มาจากที่ไหนกัน?” เย่ชิงหยู่ถามอีก
ฟางเหยียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนบอก “หลิวเหอฉางให้ผมมาน่ะ ตอนแรกเขาให้ผมเลือกเอง ผมเลยเลือกมาสองชิ้น”
เย่ชิงหยู่ตะลึง คิดไปถึงว่าหลิวเหอฉางมีทรัพย์สินกว่าหลายพันล้าน ถ้าตายไป เงินก็หมดประโยชน์ บางทีคนที่มีฐานะขนาดเขา อาจจะไม่ได้เห็นเงินสำคัญมากขนาดนั้นก็ได้ล่ะมั้ง!
แต่พอคิดๆถึงคำพูดฟางเหยียนเมื่อกี้ อหังการ์มากจริงๆ!
พอคิดถึงตรงนี้ เธออดยกมือขึ้นมาจับแขนฟางเหยียนไม่ได้
“นี่ เย่ชิงหยู่” เสียงหลิวเหยาเหยาลอยมา
เย่ชิงหยู่หันกลับไป มองเห็นหลิวเหยาเหยาพาการ์ดเจ็ดแปดคนมายืนอยู่ด้านหลัง
เธอยิ้มเย็นถามว่า “เธอคิดว่าวันนี้จะกลับไปได้ง่ายๆหรือไง?”
“เธอคิดจะทำอะไร?” เย่ชิงหยู่ขมวดคิ้วถาม
หลิวเหยาเหยาพูดอย่างโอหังหน้าด้านๆว่า “ไม่ทำอะไรนี่? แค่มาเอาอัญมณีเลือดทองของฉันคืนเท่านั้น เมื่อกี้เธอหยิบผิด อันนี้ต่างหากของเธอ
เธอหยิบอัญมณีเลือดทองของตัวเองออกมา เห็นได้ชัดว่าจะแย่งอัญมณีเลือดทองของเย่ชิงหยู่
“เป็นไปได้ยังไง? เมื่อกี้เราไม่ได้หยิบผิดกันซักหน่อย?” เย่ชิงหยู่ร้องเสียงดัง
หลิวเหยาเหยาแค่นเสียงหึพลางว่า “ฉันบอกว่าหยิบผิดก็คือหยิบผิด ตอนนี้ถ้าไม่เธอคืนมาให้ฉันเอง และเอาของเธอไป หรือไม่งั้นฉันก็ซ้อมพวกเธอสักยก แล้วเอาของที่เป็นของฉันคืนมา”
เย่ชิงหยู่ขมวดคิ้วพลางว่า “เธอ หลิวเหยาเหยา ฉันจะบอกให้นะ อย่ามารังแกกันเกินไปนัก ที่เธอทำน่ะเขาเรียกว่าแย่ง จะแย่งของฉันกลางวันแสกๆ เธอหน้าด้านขนาดนี้หรือไง?”
หลิวเหยาเหยาหัวเราะร่วนพลางว่า “ฉันจะแย่ง แล้วเธอจะทำไม? ไม่ยอมก็มากัดฉันหรอ?!”
“เธอรู้ไหมนี่คือใคร? นี่คืออาเปียว คิงส์ของโลกใต้ดินของเมืองจินโจวเรา เขาจะทำให้เธอหายไปจากโลกนี้ได้ในเวลาแค่ไม่กี่นาทีเอง”
เย่ชิงหยู่ต้องยอมรับว่าเธอกลัว นายอาเปียวนี่ตัวใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่น พวกที่อยู่ด้านหลังก็รูปร่างพอๆกัน ฟางเหยียนชอบอวดเก่ง เกิดตีกันขึ้นมาจริงๆ ฟางเหยียนสู้ไม่ได้แน่
“อาเปียว ลงมือได้!”
การ์ดที่ชื่ออาเปียวและลูกน้องอีกหลายคนดาหน้าเข้าหาเย่ชิงหยู่อย่างโอหัง ฟางเหยียนจับแขนเย่ชิงหยู่แผ่วเบา พลางว่า “ชิงหยู่ หลบด้านหลังผมนะ”
เย่ชิงหยู่รับคำอย่างงงๆ
แต่ตอนนี้เอง อาเปียวยกหมัดขึ้นจะชกฟางเหยียน
ฟางเหยียนยกมือขึ้นจับหมัดอาเปียวไว้ จากนั้นยิ้มร้ายออกมาหนึ่งที
ตามมาด้วยภาพอาเปียวร้องครวญคราง ทั้งตัวลงไปกองที่พื้น
กระดูกหมัดข้างนั้นของเขาแตกแล้ว คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่นี่มันอยู่บนตัวเขาเอง เขารู้ดี
จากนั้นการ์ดอีกหลายคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน และพุ่งเข้าหาฟางเหยียน
ฟางเหยียนใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็ทำทุกคนล้มลงพื้นร้อนครวญครางได้
ฉากนี้ทำเย่ชิงหยู่มองตาค้าง เธอไม่เคยคิดเลยว่า ฟางเหยียนจะมีฝีมือขนาดนี้
หันกลับมาที่หลิวเหยาเหยา เธอตกใจจนหน้าซีดเผือด น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
อาเปียวเก่งแค่ไหนเธอรู้ดี นั่นเป็นคิงส์ตัวจริงเสียงจริง สามารถสู้กับคนยี่สิบกว่าคนด้วยตัวคนเดียว แถมยังเคยเข้าร่วมการแข่งขันต่อสู้อิสระระดับประเทศมาแล้ว เธอคิดว่าเรียกตัวอาเปียวมา ต้องเอาฟางเหยียนอยู่แน่
แต่ใครเลยจะรู้ว่าพวกเขากลับไม่ได้เรื่องสักนิดเมื่ออยู่ต่อหน้าฟางเหยียน!
นายฟางเหยียนนี่เป็นปีศาจหรือไงกัน?
ฟางเหยียนเดินมายืนตรงหน้าหลิวเหยาเหยาอย่างเอื่อยเฉื่อย และเก็บอัญมณีเลือดทองของหลิวเหยาเหยาขึ้นมาจากพื้นยัดใส่มือเธอ หัวเราะว่า “คุณหนูหลิว นี่ของของคุณ อย่าทำหล่นอีกล่ะ”
“คราวหน้ามีเรื่องอะไรมาหาผมได้เลย อย่าคิดจะหาเรื่องภรรยาผมเด็ดขาด พวกคุณมาหาเรื่องผมโดยตรง บางทีผมจะพออะลุ้มอล่วยให้ ถ้ามาหาเรื่องภรรยาผม ผมจะไม่ให้โอกาสพวกคุณแม้แต่จะเสียใจภายหลังด้วยซ้ำ”
“อีกอย่าง กลับไปบอกคุณปู่คุณ ผมจะไปเยี่ยมท่านด้วยตัวเองแน่”
พูดจบ ฟางเหยียนปาดน้ำตาให้หลิวเหยาเหยา ก่อนหมุนตัวเดินจากไป
“ไปเถอะ!” ฟางเหยียนคว้ามือเย่ชิงหยู่เดินต่อไปข้างหน้า
“ฟาง ฟางเหยียน ทำไมคุณสู้เก่งขนาดนี้เนี่ย?” เย่ชิงหยู่อดถามไม่ได้
ฟางเหยียนหัวเราะพลางว่า “ผมเป็นทหารนะ”
“ฉันก็รู้จักคนที่เป็นทหาร พวกเขาไม่ได้สู้เก่งแบบคุณนะ”
“การฝึกฝนไม่เหมือนกัน สภาพแวดล้อมที่ฝึกก็ไม่เหมือนกัน”
ถึงจะดูแปลกๆ แต่เย่ชิงหยู่ก็ไม่ได้ซักถามต่อ
พอทั้งคู่กลับบ้าน
ผู้หญิงผมสั้นหน้าตาสะสวยยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว เหมือนจะรอนานแล้วด้วย พอเห็นฟางเหยียนกับเย่ชิงหยู่ก็พุ่งเข้ามาทันที
ฟางเหยียนสกัดทันทีด้วยคำพูดว่า “ขอโทษครับ คุณหนูต่ง อัญมณีเลือดทองของเราไม่ขายครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ!” ต่งยู่เข้ามารั้งแขนฟางเหยียนไว้ แต่แป๊บเดียวเธอก็รู้สึกว่าตัวเองทำไม่เหมาะสม เลยรีบปล่อยมือฟางเหยียนพลางว่า “วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ได้มาขอซื้ออัญมณีเลือดทองของพวกคุณ แต่มีเรื่องมาขอความช่วยเหลือคุณต่างหาก”
“เอ่อคือ…” เธอหันไปมองเย่ชิงหยู่
ฟางเหยียนเข้าใจสายตาเธอ เลยหันไปบอกเย่ชิงหยู่ว่า “ชิงหยู่ ขึ้นไปก่อนเถอะ! ผมคุยธุระกับคุณหนูต่งหน่อย”
เย่ชิงหยู่คิ้วขมวดเล็กน้อย ถ้าเป็นฟางเหยียนเมื่อก่อน เธอคงเดินออกไปเลยแบบไม่ลังเล แต่ฟางเหยียนในตอนนี้ดูเด่น เธอไม่ค่อยวางใจ แถมต่งยู่คนนี้ยังสวยขนาดนี้ด้วย
แต่เธอก็พูดอะไรไม่ได้ เลยรับคำและขึ้นชั้นบนไปอย่างว่าง่าย
พอเดินถึงบันได เธอเหลียวกลับมามอง ฟางเหยียนกับต่งยู่เดินไปอีกทางแล้ว
“คุณหนูต่ง มีเรื่องอะไรหรอครับ?” ฟางเหยียนถามเปิดประเด็นเลย
ต่งยู่บอกว่า “คุณฟาง ฉันอยากขอร้องคุณช่วยฉันสักเรื่อง ฉันมีปัญหานิดหน่อยในเมืองจินโจว และไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไงดี เลยอยากขอร้องคุณให้ช่วย”
“หือ?” ฟางเหยียนหัวเราะว่า “คุณหนูต่งขอร้องผิดคนหรือเปล่าครับ เราไม่รู้จักกันสักนิด ทำไมมาขอร้องผมล่ะ? อีกอย่าง ตัดสินใจไม่ถูกเรื่องนี่ไม่ควรมาถามผมนะ”
ต่งยู่พูด “พูดไปก็น่าอาย ฉันรู้ว่าคุณต่างหากถึงเป็นคนชั้นสูงจริงๆ เมื่อกี้ต่อหน้าทุกคนเป็นแค่การหยอกล้อพวกไม่รู้ประสาเท่านั้น คืออย่างนี้นะคะ ฉันถูกใจหินชั้นดีชิ้นหนึ่งที่วังเซ่าเซียนที่อยู่ทิศเหนือของเมือง แต่มองไม่ออกว่ามันเป็นหินชนิดไหน ด้านไหนมีแร่ธาตุอะไรฉันก็ไม่รู้ ดังนั้นเลยอยากขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อย”
“เหอะ พ่อของคุณหนูต่งคือต่งโป๋เหวินนะ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญวัตถุโบราณที่มีชื่อเสียงของประเทศหวา ของที่คุณดูไม่ออก ผมจะดูออก?”
ต่งยู่อึ้งเล็กน้อยก่อนว่า “คุณฟาง คนที่สามารถมีอัญมณีเลือดทองที่มีชีวิต ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ฉันรู้ว่าคุณต้องไม่ใช่คนธรรมแน่นอน ถ้าคุณยอมช่วยฉัน ต่อไปหากต้องการใช้ฉันในเขตภาคตะวันออกเฉียงใต้ ฉันรับรองว่า…”
“ไม่ต้องหรอก ผมไปเป็นเพื่อนคุณดูก็ได้” ฟางเหยียนตอบเสียงเรียบ