จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 390
เขากำหมัดทั้งสองแน่น แววตาทั้งคู่จ้องไปที่อ๋าวไท่ ถ้าดวงตาสามารถฆ่าคนได้ อ๋าวไท่ได้ถูกฆ่าไปแล้ว
ตอนนี้ในสายตาของอ๋าวไท่มีเพียงเทียนขุย เขาล้มลงกับพื้นมองไปยังเทียนขุย ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อแล้วกล่าว “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งขนาดนั้น! ทำไมภายในเวลาสั้นๆไม่ถึงหนึ่งเดือนแกแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ มันไม่ใช่อะ มันไม่ใช่”
ความนิ่งใหญ่ของเทียนขุยได้เปลี่ยนความคิดเขาเสียใหม่ ต่อให้ฝันเขาก็ไม่คาดคิด นึกไม่ถึงว่าเทียนขุยจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ได้ ยี่สิบวัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่กับร่างกายของมัน?
นักบู๊ล้วนรู้ดีว่าไม่มีศิลปะการต่อสู้ไหนที่สำเร็จอย่างรวดเร็ว ศิลปะการต่อสู้ทุกแขนล้วนค่อยๆสะสมทีล่ะวันทีล่ะวัน บางครั้งแพ้ก็คือแพ้ ฝีมือดีกว่ายังไงก็ดีกว่า ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ค่า คิดจะเปลี่ยนจากคนที่ต่อกรใดๆไม่ได้เลยกับอ๋าวไท่ให้สามารถเทียบเท่า แล้วยังมีเปอร์เซ็นต์ที่จะชนะอ๋าวไท่ได้มีน้อยมากเมื่อยี่สิบวันก่อน การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ อ๋าวไท่จะไม่แปลกใจได้อย่างไรกัน!
“บอกฉันนมา แกทำได้อย่างไรกัน? แกทำมันได้อย่างไร?” อ๋าวไท่เริ่มบ้าคลั่ง เงยหน้าขึ้นไล่ถามเทียนขุย สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจอย่างสุดขีด
เทียนขุยยิ้มมุมปาก ดูแคลนออกมา เงยหน้าขึ้นมาแล้วกล่าว “คนตาย ไม่คู่ควรจะรู้มากขนาดนั้น”
นี่คือความภาคภูมิของกองทัพวีรบุรุษ เทียนขุยมาจากกองทัพ ในร่างกายมีสายเลือดของกองทัพ ตอนนี้ที่เขาทำแบบนั้น ก็แค่เอาคืนครั้งที่แล้วที่คนนั้นเย่อหยิ่งและผยองใส่เขาก็เท่านั้น
เพิ่งพูดจบ เขาเหยียบพื้นอย่างมั่นคง ราวกับอยากจะให้พื้นดินสั่นสะเทือนเพราะการเหยียบในครั้งนี้ จากนั้นเขาก็กัดฟัน แล้วตะคอกใส่อ๋าวไท่อย่างชัดเจนว่า “เตรียมตัวตายได้เลย!”
เทียนขุยในนาทีนี้ ความมั่นใจเต็มเปี่ยม เพราะเมื่อกี๊อ๋าวไท่ถูกเขาโจมตีจนลอยไป กลับกัน อ๋าวไท่ที่เดิมทีสูงส่ง ยโสโอหังอย่างยิ่ง ราวกับเทพก็มิปราณ ตอนนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความตะลึงและความสงสัย
เขาไม่เคยถูกคนทำร้ายถึงขนาดนี้ ในสายตาเขาทุกคนเป็นแค่มด แต่ในวันนี้ เขากลับถูกคนตีจนล้มลงกับพื้น และคนนี้ก็ยังเป็นคนที่เมื่อก่อนเขาชนะมาแล้วด้วย ตอนนี้อ๋าวไท่เสียใจที่ตอนนั้นทำไมถึงไม่เช็กให้ดีๆว่าเขาตายแล้วหรือยัง ถ้าเช็กว่าเขาตายแน่แล้ว ก็ไม่ถึงขั้นต้องเจอกับจุดจบแบบนี้
แต่ สิ่งสำคัญที่สุดของนักบู๊ก็คือเกียรติยศและศักดิ์ศรี ต่อให้ล้มลงกับพื้นแล้ว ต่อให้ในใจจะตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อ๋าวไท่ก็ไม่มีทางก้มหน้ายอมแพ้ เมื่อนึกถึงจุดนี้ อ๋าวไท่จับหน้าอกแล้วค่อยๆยืนขึ้นจากพื้น
ที่แท้ ซี่โครงที่หน้าอกก็แตกแล้วนั่นเอง ถ้าไม่ใช่เพราะมีความอดทนที่แข็งแกร่ง อ๋าวไท่จะลุกขึ้นมาไม่ได้แล้วจริงๆ
“เหอะๆ!” การแสยะยิ้มของอ๋าวไท่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นดูแคลน เขายังคงมีท่าทีที่โอหังอย่างยิ่งเช่นเคย จ้องไปที่เทียนขุยอย่างอาฆาตแล้วกล่าว “แกคิดว่าแกเป็นใคร?ในสายตาของฉัน ก็เป็นแค่มดเท่านั้น!มดยังไงก็เป็นมดอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางเป็นเทพที่สูงส่งได้ ฉันสิ ถึงจะเป็นผู้นำของโลกใบนี้”
เมื่อพูดจบ อ๋าวไท่อ้าแขนออก แขนทั้งสองข้างของเขาเหมือนกับปีก ทันใดนั้นก็ทำให้ทั้งตัวลอยขึ้น ร่างกายของเขาเหมือนนกน้อย ลอยขึ้นในอากาศ
เหตุการณ์นี้ทำให้ถังยู่อดที่จะส่งเสียงตะลึงออกมาไม่ได้ เธอชี้ไปที่ร่างกายของอ๋าวไท่แล้วกล่าวอย่างอ้ำๆอึ้งๆว่า “มัน มันๆๆบินได้!คุณเห็นหรือยัง นึกไม่ถึงว่ามันจะบินได้!”
ในความคิดของถังยู่ มนุษย์ไม่มีทางบินได้ สิ่งที่บินได้ก็เป็นประเภทสัตว์ปีก ในความรู้ที่ถังยู่เรียนมาทั้งหมด แรงโน้มถ่วงไม่สามารถทำให้มนุษย์ลอยได้โดยที่ไม่พึ่งปัจจัยภายนอกใดๆ
การกระทำของอ๋าวไท่เปลี่ยนแปลงวิทยาศาสตร์ปัจจุบันไปอย่างสิ้นเชิง เป็นสิ่งที่ความคิดของคนในปัจจุบันไปไม่ถึง ถังยู่อยากที่จะเรียกนิวตันมาถาม ว่านี่มันอะไรกัน!
ฟางเหยียนเห็นอ๋าวไท่ที่ลอยขึ้น ก็กล่าวอย่างสบายๆว่า “นี่เป็นประโยชน์ของชี่!ความดึงดูดของเขาไปรวมกันอยู่ที่เท้า เมื่อกำลังภายในของเท้ายิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ร่างกายของเขาก็จะลอยขึ้น”
“กำลังภายใน?” ถังยู่มองฟางเหยียนอย่างแปลกใจแล้วกล่าว “ใช่กำลังภายในที่ เฉียวเฟิงหนึ่งในแปดเทพอสูรมังกรฟ้าใช้18ฝ่ามือพิชิตมังกรปล่อยออกมามั้ย?”
ถังยู่มองไม่เห็นกำลังภายในที่ถูกปล่อยออกมา ฟางเหยียนจึงทำได้เพียงพยักหน้าแล้วกล่าว “ก็ใช่นะ!”
ความจริงฟางเหยียนไม่อยากอธิบายให้ถังยู่ฟังมากมายขนาดนั้น กำลังภายในที่แปดเทพอสูรมังกรฟ้าไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นมหาศาล แต่กำลังภายในความเป็นจริง กลับสามารถทำลายจิตใจของคนๆหนึ่งได้ ทำให้คนๆนั้นทรุดลงได้ในทันที
มองอ๋าวไท่ที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ เทียนขุยก็ถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เขาเงยหน้ามองอ๋าวไท่ ขมวดคิ้วขึ้นโดยปริยาย ไอ้แก่คนนี้ถูกตัวเองใช้หมัดแปดทิศทำร้ายจนเจ็บหนัก นึกไม่ถึงว่าจะยังสามารถรวมกำลังภายในได้อีก ดูท่าทีแล้วเทียนขุยยังไม่ชนะ เมื่อกี๊เพียงแค่ได้เปรียบก็เท่านั้น
เมื่อเทียบกำลังภายในกัน กำลังภายในของผู้เฒ่าคนนี้แข็งแกร่งกว่าตัวเองไม่รู้กี่เท่า!
“จำแววตาคู่นี้ของแกเอาไว้!” อ๋าวไท่มองเทียนขุยจากด้านบนแล้วกล่าว “ฉันบอกแล้ว ในสายตาของฉัน แกมันก็เป็นแค่มดอยู่วันยังค่ำ!แกคิดว่าแค่ฝีมือของแก จะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ?ก็แค่ไม่ไอ้พวกไม่เจียมตัวก็เท่านั้น!มดยังไงก็เป็นมดอยู่วันยังค่ำ เทียบกับเทพ ก็ทำได้แค่แหงนมองดู สักการะ คลุกคลาน กลัวตัวสั่น!ครั้งที่แล้วแกไม่ตาย งั้นวันนี้ฉันจะให้แกตาย”
เสียงของอ๋าวไท่เหมือนดังมาจากนรก เต็มไปด้วยความกังวานไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับสามารถทำให้จิตใต้สำนึกของคนวังวนเข้าไปในเสียงแห่งความน่ากลัวนี้ของเขาได้ จู่ๆในหัวของเทียนขุยก็มีเสียงวิ้งๆดังขึ้น จากนั้นก็เหมือนจมลงไปกับเสียงนั้น
ถังยู่มองอ๋าวไท่ แววตาเริ่มระยิบระยับ จิตของตนก็เริ่มฟั่นเฟือง เมื่อคืนคนนี้ใช้เสียงแบบนี้ทำให้ตนตกอยู่ในภวังค์ เสียงของเขาเหมือนมีเวทย์มนตร์บางอย่าง ที่สามารถทำให้คนสูญเสียความนึกคิดได้
มือของถังยู่ขยับไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธออยากจับอะไรบางอย่าง แต่จับไม่ได้ เพราะคว้าอะไรไว้ไม่ได้เลย จึงทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วมากขึ้น อัตราการหายใจเริ่มไม่สม่ำเสมอ
เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว เหมือนกับถูกฟ้าผ่าเข้าให้อย่างไรอย่างนั้น
แต่ ในขณะเดียวกันนี้เอง จู่ๆก็มือที่อบอุ่นและมีพลังจับมือของเธอไว้ เดิมทีหัวใจของเธอกำลังจะหยุดลง แต่เมื่อมีมือนี้ ทำให้มือของเธอควบคุมขึ้นมาได้ทันใด ไม่ใช่เพียงแค่นี้ หัวใจของเธอก็ได้กลับมาเป็นดังเดิมในนาทีนี้ เธอหันไปมองอย่างเร็ว เห็นฟางเหยียนจ้องอ๋าวไท่อย่างเยือกเย็น และมือกำลังจับมาที่มือของตน
เมื่อกี๊เธอนึกว่าตนต้องเวทย์มนตร์แล้วเสียอีก แต่ไม่คาดคิดว่าชายคนนี้ทำให้เธอฟื้นคืนกลับมาได้ในทันใด
“ฟางเหยียน!” ถังยู่จับมือฟางเหยียนอย่างแน่น แล้วเรียกเบาๆ ดวงตาทั้งสองข้างที่มีน้ำตาเป็นประกายมองไปที่ฟางเหยียน ลมหายใจอันอุ่นๆได้กระจายออกไปรอบๆ