จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 392
ฟางเหยียนรีบวิ่งเข้าไปกอดหัวถังยู่ไว้ ส่วนตนรีบก้มหัวลงต่ำ เอาหัวกั้นไว้บนหัวถังยู่ ทำท่าเป็นแม่ไก่กกลูกไก่ตนไว้ นี่เป็นท่าสังหารศัตรูในสนามรบ ระเบิดสะท้านฟ้า
สาวน้อยบอบบางอย่างถังยู่มีหรือจะเคยเจอ ตอนนั้นเธอตกใจจนตัวสั่นเทา! ปากยังร้องกรี๊ดไม่หยุด
ไม่นานเสียงระเบิดซาลงไป ฟางเหยียนปล่อยถังยู่ สายตาเขาจ้องมองเข้าไปในกลางควันโขมงที่ค่อยๆคลายลง
สงครามครั้งนี้ฟางเหยียนเป็นห่วงผลแพ้ชนะของเทียนขุยมาก เทียนขุยเป็นทหารกล้าที่กล้าหาญมีคุณธรรมมาก หลังจากกลับมาจินโจวจนตอนนี้ เทียนขุยคอยอยู่เป็นเพื่อนเขาทั้งนั้น ดั่งที่เขาว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันเกินความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องไปมากแล้ว พวกเขาเป็นพี่น้องกัน
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาปัดควันตรงหน้าหลายครั้ง ท่ามกลางควันที่ค่อยมลายไปไม่มีเสียงอะไรเลยสักนิด บรรยากาศรอบด้านเงียบสงบลงมา ทั้งสองคนต้องได้ผลแพ้ชนะแน่ ดังนั้นเลยเงียบแบบนี้
ช้าช้า ไม่นานร่างทั้งสองคนค่อยๆเริ่มชัดเจนขึ้นมา
ระหว่างนั้น ฟางเหยียนเห็นร่างหนึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ร่างหนึ่งยืนอยู่ไม่ได้ล้ม
คนที่ยืนอยู่ผมเผ้ายุ่งเหยิง กายท่อนบนเปลือย คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นไม่ได้คุกเข่าทั้งสองข้าง แต่คุกเข่าลงด้วยขาข้างเดียว สองหมัด มีหมัดหนึ่งกำลังชกอยู่ที่ร่างตาแก่ที่เปลือยท่อนบน อีกหมัดหนึ่งชกอยู่ที่หัวของเขา
ในที่สุดก็ชัดเจนซะที ฟางเหยียนเห็นท่าของทั้งคู่ชัดเจน อ๋าวไท่ยืนอยู่ แต่ที่ท้องมีหมัดของเทียนขุย
เทียนขุยคุกเข่าอยู่ ที่หัวเขามีหมัดของอ๋าวไท่อยู่ ทั้งสองมองอีกฝ่าย สีหน้าแปลก สองตาแดงก่ำ
“พวกเขา…” ถังยู่ก็เห็นสีหน้าของทั้งคู่ กำลังจะถาม ก็โดนฟางเหยียนยกมือขึ้นเบรกไว้
ผ่านไปราวหนึ่งนาที พรืด! ทั้งคู่กระอักเลือดออกมาพร้อมกัน จากนั้นท่าทีดูไม่จืดขึ้นมา อ๋าวไท่กุมหน้าอกสะท้านถอยหลังไปหลายก้าว เทียนขุยก็รีบเอามือยันพื้นพยุงตัวไว้
ดูจากสีหน้าทั้งคู่แล้ว การต่อสู้เมื่อกี้ทำทั้งคู่เสียพลังไปจนหมดร่างกาย ถึงได้มีสภาพแบบนี้
หลังจากอ๋าวไท่ถอยไปสองก้าว เขาพยายามยืนหยัดตัวเองให้อยู่กับที่
เขาหันไปมองมือตัวเอง เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา เขากำหมัดแน่น พบว่าตอนนี้สองมือไม่มีแรงเลยสักนิด ทำได้แค่ขยับนิ้วมือเล็กน้อย แต่กำหมัดไม่ได้
แต่เขาไม่สามารถแสดงมันออกมาได้ เพราะที่นี่ยังมียอดฝีมือพลังสูงมากอีกคนหนึ่ง ถ้าตอนนี้หมอนั่นลงมือ ต่อให้เขาเป็นแค่นินจาระดับสูง ตนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี
ดังนั้นเขาเลยเชิดหน้าขึ้น ใช้สายตาผู้เหนือชั้นกว่ามองไปที่เทียนขุยว่า “แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก”
เทียนขุยหอบหายใจรัว เขารู้สึกมีภูเขาใหญ่หนักอึ้งกดทับเหนือหัวเขาอยู่ ท่าทีเมื่อกี้ของอ๋าวไท่ประหนึ่งภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่ง กดทับตนไว้เต็มๆ ทำให้ขนาดจะหายใจตนยังหายใจไม่สะดวก
เขาเงยหน้าขึ้นมองอ๋าวไท่ ดวงตาแดงก่ำเส้นเลือดปูด อยากพูดอะไร แต่พึ่งอ้าปาก เสียงไอก็ตามมาเป็นระลอก! เขาเป็นแบบนี้ พูดอะไรไม่ออกเลย
พอเห็นอย่างนั้น อ๋าวไท่ก็มั่นใจมากขึ้นละ เขาบ่นพึมพำว่า “ฉันบอกแล้ว มดก็ยังเป็นมด วันนี้ฉันจะละเว้นชีวิตแกไว้ก่อน ถือว่าฉันให้โอกาสแกอีกครั้ง ไว้แกมีความสามารถฆ่าฉันได้ซะก่อน ค่อยมาหาฉัน!”
พูดจบเขาหมุนตัวจากไป เหมือนหลุดออกมาจากเกม พริบตาเดียวก็โผล่ไปที่หน้าประตูโรงงานเหล็ก
ที่จริงตอนนี้เขาไม่มีความสามารถที่จะฆ่าเทียนขุย การปะทะกันเมื่อกี้ทำให้เขารู้ความสามารถเทียนขุยดี ครั้งหน้าถ้าเจอเขาอีก ตนต้องตายแน่ ที่พูดไปแบบนั้นก็เพื่อรักษาหน้าตนเท่านั้นเอง
ตนเป็นใครกัน? อ๋าวไท่ อ๋าวไท่ที่ทำให้คนที่ได้ยินแล้วหวาดกลัว ไม่ว่าจะเป็นพวกกองทหารประเทศต่างๆ หรือว่าทหารรับจ้างต่างหวาดกลัวตน
ถ้าไม่ใช่ว่ารักษาหน้า แล้วรีบหนี ต่อไปเรื่องนี้แพร่ไปในยุทธภพ ตนคงเก็บรักษาชื่อเสียงไว้ไม่ได้แน่!
ที่ทำให้เขาตกใจจริงๆคือฝีมือหมอนั่นต่างหาก หมัดแปดทิศของเขาพัฒนามาถึงระดับสูงสุดนี้ได้ อ๋าวไท่ไม่เคยเห็นหมัดแปดทิศที่ร้ายกาจแบบนี้มาก่อน หมัดแปดทิศที่สามารถพกลมปราณภายในมาด้วยต้องแข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว
แต่ไหนแต่ไรมาตนถือเป็นตัวแทนสายไม่ยอมคน หมัดแข็ง นิสัยแข็งกระด้าง แต่หมอนั่นกลับแข็งยิ่งกว่าตน หมัดของเขา หมัดแปดทิศของเขาดูน่าอัศจรรย์มาก ถ้าเขาอยู่ที่นี่ต่อ หมอนั่นพักฟื้นพอแล้ว เขาต้องตายแน่
เทียบกับอยู่รอความตายที่นี่ต่อไป เขาควรรีบหนีไปดีกว่า!
พอคิดถึงตรงนี้ อ๋าวไท่แอบดีใจไม่ได้!
แต่เขายังเดินไม่ถึงหน้าประตู ก็มีร่างหนึ่งโผล่พรวดมาเหมือนผี แค่ก้าวเดียวก็มาถึงตรงหน้าและขวางกั้นทางไปของเขาไว้
อ๋าวไท่รีบร้อนจะจากไป ไม่ทันสังเกตเกือบชนร่างนั้นเข้าให้ แต่เขาก็ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ได้ทัน พอเพ่งมองดูดีๆ นั่นเป็นใบหน้าซีดเผือดหนึ่ง พอเห็นใบหน้านั้นเข้า อ๋าวไท่ตกใจกลั้นเสียงไม่ทันอุทานออกมา จากนั้นก็รีบถอยไปสองก้าวพลางถามว่า “แกจะทำอะไร?”
นี่เป็นสิ่งที่อ๋าวไท่กังวลและกลัวมากที่สุด ตอนนี้เขาไม่กลัวเทียนขุย ตรงกันข้ามกลับกลัวคนที่ยืนอยู่นี่ เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ไม่สามารถเดินลมปราณต่อสู้ได้อีก หมอนี่ต่อให้เป็นแค่นินจาระดับสูง ก็สามารถฆ่าตนได้ง่ายดาย พฤติกรรมเขาบอกชัดเจนเลยว่า เขาจะลงมือแล้ว
ฟางเหยียนแสยะยิ้ม พูดเสียงเรียบว่า “แกลืมไปหรือเปล่าว่ามีเรื่องสำคัญบางอย่างยังไม่ได้ทำ?”
อ๋าวไท่ใจกระตุกวูบ แต่เขายังเก๊กหน้านิ่งบอกว่า “ไม่นี่ รีบไสหัวไปเลย ฉันยอมปล่อยพวกแกแล้ว อย่าหาเรื่องอีก”
ระหว่างพูด เขาทำท่าจะเบียดผ่านตัวฟางเหยียนไป แต่ฟางเหยียนจู่ๆก็ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งคว้าหมับเข้าที่คอหอยของเขา เขาดิ้นรนขัดขืนทันที แต่พบว่าไม่ว่าดิ้นรนยังไง ก็สลัดมือนี้ไม่หลุด
แรงที่มือมันมากนัก ดูผอมเป็นฟืนไม้ แต่ที่จริงแล้วแกร่งมาก จะยังไงก็ตามอ๋าวไท่ก็เป็นระดับต้าชี่ ต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ไม่ควรจะโดนใครคว้าหมับเข้าคอหอยในระยะประชิดแบบนี้ได้
แต่หมอนี่ทำได้ เขาใช้แค่มือเดียวก็คว้าหมับคอหอยตน แถมน้ำหนักมือยังมากจนเขาต่อต้านไม่ได้เลย ต่อให้ตนพยายามแค่ไหน สลัดยังไง เขาก็ไม่มีท่าทีจะคลายน้ำหนักมือเลย
ไม่เพียงแค่นั้น ร่างของตนเหมือนจะค่อยๆห่างจากพื้นเรื่อยๆ เขายกร่างตนขึ้น อ๋าวไท่ยกสองมือขึ้นจับแขนฟางเหยียนแน่น สองตาถลนจ้องฟางเหยียนเขม็งด้วยความโกรธ เขาใช้พลังทั้งหมดของร่างแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
แขนของฟางเหยียนเหมือนกับท่อนเหล็กกระดูกเหล็กก็ไม่ปาน ไม่ว่าทำยังไงพลังของตนก็ทำมันขยับไม่ได้เลย
“อย่าดิ้นเลย ไม่มีประโยชน์หรอก!” คำพูดของฟางเหยียนประหนึ่งวิญญาณไร้รูปร่าง แต่ลอยทะลุใจอ๋าวไท่อย่างจัง
หลังพูดจบ ฟางเหยียนปล่อยมือออก ร่างของอ๋าวไท่ตกสู่พื้นอย่างแรง
แต่ฟางเหยียนกลับยกเท้าขึ้นมา เตะอ๋าวไท่กระเด็นลอยออกไป20เมตรได้!