จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 421
เมื่อแรงอาฆาตของตัวเองมีน้อยเดินอีกฝ่าย แรงอาฆาตที่อยู่ในตัวจะถูกอีกฝ่ายห้อมล้อมไว้ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่านี่คือแรงอาฆาตที่ทวีคูณห้อมล้อมแรงอาฆาตของเดิมที่ตัวเองมีอยู่ มียอดฝีมืออันยิ่งใหญ่ได้พุ่งตรงมาที่เธอแล้ว
สาวไร้หน้าตัวสั่นเพราะกลิ่นอายแรงอาฆาตนี้ เริ่มรู้สึกไม่สงบขึ้นมาเบาๆ แรงอาฆาตแบบนี้ เกรงว่าแม้แต่เจ้าสำนักของสำนักไร้หน้าก็ไม่สามารถปล่อยออกมาได้! นี่ นี่มันคืออะไรกันแน่?
หรือเป็นเขา คนนั้นมาแล้วเหรอ?
ไม่สิ เขาจะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไรกัน เป็นแค่คนบ้าพลังในสนามรบไม่ใช่เหรอ? ต่อให้ผ่านสนามรบมาเป็นร้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่มีความสามารถที่แท้จริง ก็เป็นแค่คนไร้น้ำยาไม่ใช่เหรอ! คนที่ฆ่าศัตรูในสนามรบ ไม่มีทางเป็นระดับต้าชี่ได้ และไม่มีทางแข็งแกร่งขนาดนั้นได้!
ในสายตาของสำนักไร้หน้า ยอดฝีมือในโลกภายนอกก็เป็นแค่พวกบ้าพลังเท่านั้นแหละ!
ในตอนที่เธอกำลังคาดเดาอยู่นั้น เสียงที่เยือกเย็นเสียดแทงดังขึ้นมา “มีฉันอยู่ ฉันจะดู ว่าใครที่มันกล้าแตะต้องตระกูลหม่า”
เสียงนี้มาตามสายลม ดังอยู่รอบๆบนหัวของตระกูลหม่า
จากนั้น เห็นคนที่โอหังคนหนึ่งลอยลงมาอย่างสง่าจากหลังคาของตระกูลหม่า ร่างของเขาค่อยๆลงถึงพื้น ขวางไว้ด้านหน้าของทุกคนของตระกูลหม่าอย่างมั่นคง นี่เป็นคนที่กำยำล่ำสัน สูงหนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร แต่งกายชุดทหาร มองจากด้านหลัง เหมือนกับเสือดุที่ใหญ่และแข็งแรงตัวหนึ่ง
ตอนที่สาวไร้หน้าเห็นร่างที่เหมือนกับเสือดุลอยมา เธอก็สีหน้าไม่พอใจ ผ่านไปสักพัก จึงดูแคลนขึ้นมาว่า “ผู้นำตระกูลของแกล่ะ? เรียกผู้นำตระกูลของแกออกมา!”
เทียนขุยไม่พูดไม่จา เพียงแต่มองใบหน้าที่ไม่มีประสาทสัมผัสทั้งห้าอย่างไม่ละสายตา
“แก ยังไม่มีสิทธิ์พอที่จะมาโอหังต่อหน้าฉันได้ เรียกผู้นำตระกูลของแกออกมา!” สาวไร้หน้าเสแสร้งนิ่งสงบ แล้วกล่าวอย่างสบายๆ ต่อให้มีเสียงทั้งชายทั้งหญิง แต่ตอนนี้กลับทำอะไรไม่ได้
เทียนขุยดูแคลน จากนั้นก็เงียบไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นเทียนขุยเยาะเย้ย เธอคิดว่าเทียนขุยจะพูดอะไร ใครจะรู้ว่าจะไม่พูดอะไรอีก
เป็นครั้งแรกที่สาวไร้หน้ารู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก สีหน้าของเธอยิ่งอยู่ยิ่งบูดบึ้งขึ้น และแล้ว เธอก็ชูมือขึ้น วิ่งแล้วตบไปที่เทียนขุยอย่างแรง แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็รู้สึกว่าตัวเองขยับไม่ได้
เพราะมีมืออันเยือกเย็นจับคอของเธอเอาไว้ ขณะเดียวกันนี้เอง แรงอาฆาตอันเลือดเย็นได้ล้อมเธอเอาไว้ เธอรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เพราะความหวาดกลัวจึงได้ขนพองสยองเกล้าขึ้น เธอเป็นใคร? เธอคือไร้หน้า คนที่เคยเจอเธอล้วนเรียกเธอว่าผีไร้หน้า มีเพียงเธอที่ทำให้คนอื่นกลัวจนขนพองสยองเกล้า ไม่เคยมีใครทำให้เธอกลัว แต่วันนี้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะรู้สึกหวาดกลัวแบบนี้ขึ้นมาได้
หลังจากที่ตั้งสติไปหลายวินาที เธอมองไปยังคนที่จับคอเธอจากด้านหลังอย่างเร็ว พอหันไป คอได้หลุดจากการจับของอีกฝ่ายแล้ว และตัวเองก็ได้เห็นใบหน้านั้นแล้ว เป็นใบหน้าที่แสนจะธรรมดา ขาวซีด ร่างกายผอมแห้ง ดูท่าทางแล้วเหมือนเสพยาอย่างไรอย่างนั้น
แต่สาวไร้หน้ากลับไม่รู้สึกว่าคนนี้ปกติ กลับกันมีความกลัวต่อคนนี้เกิดขึ้น เขามาอยู่ด้านหลังของตนได้อย่างไรกัน? ทำไมถึงได้ยืนด้านหลังเธออย่างลึกลับได้นะ และตนยังไม่รู้สึกตัวอีกด้วย
เธอไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ แต่เมื่อกี๊มันได้เกิดขึ้นแล้ว!
“จอมพล!” หม่าจงหัวเรียกฟางเหยียนอย่างตื่นเต้น น้ำตาไหลรินลงมา
“จอมพล ตระกูลหม่าของผมไร้ความสามารถ ทำผิดต่อสิ่งที่บรรพบุรุษก่อตั้งขึ้นมา ผมหม่าจงหัว…” ฟางเหยียนยกมือขึ้นทำท่าให้หยุด ขัดจังหวะหม่าจงหัว
เขามองสายไร้หน้า ด้วยความสงบ แววตาทั้งสองข้างของเขาเหมือนกระบี่คมด้ามหนึ่ง อยากจะทิ่มแทงหนังหน้าของสาวไร้หน้าให้ทะลุ สาวไร้หน้าถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้านั้นของเธอเริ่มขยับไม่ราบเรียบแล้ว หลังจากนั้น เธอกล่าวว่า “ฉันรู้จักแก แกก็คือจอมพลของสำนักเจ็ดพิฆาต!”
“ใช่!” ฟางเหยียนตอบอย่างไม่ปฏิเสธ ด้วยเสียงที่มีพลัง ดูๆแล้วเหมือนกษัตริย์ที่สูงส่งคนหนึ่ง ไม่สิ ไม่ใช่เหมือน เดิมเขาก็คือกษัตริย์อันสูงส่งอยู่แล้ว ในร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายของราชา
เหมือนสาวไร้หน้ากำลังจ้องมองฟางเหยียนอยู่ แล้วถาม “งั้นแกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร?”
“รู้! สุนัขรับใช้ของเพลิงเสวน” ฟางเหยียนตอบอย่างไม่อ้อมค้อม ก็จริงนะ ในสายตาของฟางเหยียนสาวไร้หน้าก็เป็นแค่สุนัขรับใช้เท่านั้น นักเต๋าอีเหมย อ๋าวไท่ในสายตาของเขาก็เป็นแค่สวะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวไร้หน้าที่ชั้นต่ำตรงหน้านี้เลย
“ฉันคือคนของสำนักไร้หน้า!” คำพูดของสาวไร้หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชาลง
ฟางเหยียนตอบกลับอย่างเรียบง่ายว่า “อ๋อ!”
หลังจากที่ตอบเสร็จแล้ว ฟางเหยียนถามว่า “แก มีอะไรที่ยังอยากพูดอีกมั้ย?”
สาวไร้หน้าชะงักไป แล้วถาม “หมายความว่ายังไง?”
“ถ้าแกไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ก็ตายได้ล่ะ!” คำพูดของฟางเหยียนทวีความเลือดเย็นขึ้นแล้ว
สาวไร้หน้าถอยหลังไปหลายก้าว เธอดูแคลนออกมาว่า “ทำไมแกถึงกล้าฆ่าฉัน?”
“คนที่เหยียดหยามสำนักเจ็ดพิฆาต ล้วนตายไปหมดแล้ว! เมื่อกี๊แกดูถูกสำนักเจ็ดพิฆาตแล้ว หรือแกคิดว่าตัวเองยังจะมีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกงั้นเหรอ?” ฟางเหยียนยังคงกล่าวอย่างนิ่งสงบ ยิ่งเขานิ่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เห็นความยิ่งใหญ่ของเขามากเท่านั้น
“ไง? แกกลัวมากเหรอ? จะถอยหลังไม่หยุดทำไม!”
สาวไรหน้าถูกฟางเหยียนพูดขนาดนั้น จึงได้หยุดลง แล้วกล่าว “ฉันคือผู้อาวุโสอู๋เมี่ยนของสำนักไร้หน้า! ถ้าแกกล้าทำอะไรฉัน เจ้าสำนักของสำนักไร้หน้าจะต้องไม่ปล่อยแกไว้แน่ๆ แกรู้มั้ยว่าเจ้าสำนักของสำนักไร้หน้าคือใคร? ท่านปรมาจารย์ไร้หน้า!ถ้าแกไม่กลัวตาย ไม่กลัวว่าสำนักเจ็ดพิฆาตของแกจะพังทลายลง ก็เชิญลงมือได้!”
สาวไร้หน้าผวาแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าคนนี้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะกลายเป็นไม่มีความเชื่อมั่นเลย ต่อที่จะฆ่าคน เธอจะมั่นใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนนี้ เธอไม่มีความกล้าเลยแม้แต่น้อย
“อ๋อ! งั้นฉันบอกแกแบบนี้ละกัน สำนักไร้หน้าของพวกแก อีกไม่นานก็จะถึงจุดจบแล้ว ถึงตอนนั้น สำนักไร้หน้าทั้งสำนักก็สามารถไปเป็นผีอยู่ที่ยมโลกได้แล้ว แกก็ยังสามารถเป็นผู้อาวุโสต่อได้นะ”
พูดจบ ฟางเหยียนค่อยๆยิ้ม แสยะยิ้มอย่างสบายๆออกมา
“บังอาจ! สำนักไร้หน้าไม่ใช่สิ่งที่คนชั้นต่ำอย่างแกจะเหยียดหยามได้” สาวไร้หน้าตะคอกออกมา เสียงแปลกนั้นยิ่งอยู่ยิ่งโอหังมากขึ้น จากนั้นก็เห็นด้านหลังของเธอเต็มไปด้วยหมอกควันที่หนา
“พอล่ะ! ได้เวลาของแกแล้ว” ฟางเหยียนเหมือนยมบาลของนรก ตัดสินเวลาตายของสาวไร้หน้า
จากนั้นร่างกายของเขาเหมือนกับลำแสงผ่านร่างกายของสาวไร้หน้าไป
เพียงแค่แสงผ่านไปเท่านั้น ก็เห็นสาวไร้หน้าคุกเข่าปักลงกับพื้น
จากนั้น เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ตระกูลหม่าต้องตะลึงขึ้นแล้ว!
หัวของสาวไร้หน้าหล่นลงกับพื้นเหมือนบอลเหล็กอย่างไรอย่างนั้น เลือดพุ่งกระฉูดออกมาตั้งแต่ส่วนคอลงมา
ตายแล้ว แค่ท่าเดียว สาวไร้หน้าก็ตายแล้ว
ตายโดยไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ ตายโดยไม่ได้ดิ้นเลยแม้แต่น้อย!