จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 431
“ฉันโดนพวกนักเลงจับมาขายให้กับที่แบบนั้น พวกเขาบังคับให้ฉันทำเรื่องแบบนั้น ฉัน…ฉันไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกที่หนีจากพ่อแม่มาจะโหดร้ายขนาดนี้ ต่อมาฉันไม่มีหนทาง เลยได้แต่แกล้งบ้า ทุกครั้งก็จะกัดแขกบาดเจ็บ พวกเขาลงไม้ลงมือทำร้ายฉันต่างๆนานา ฉันหมดหนทาง เพื่อให้อยู่รอดต่อไป เลยได้แต่ยิ้มรับการทำร้ายของพวกเขา แบบนี้แหละ พวกเขาเลยคิดว่าฉันบ้า และยอมปล่อยฉันออกมา”
“พอออกมา ฉันก็มีสภาพแบบที่เห็น ขอทานมาตลอดทางตั้งแต่ดินแดนตะวันตก โดนแต๊ะอั๋งลวนลามมาตลอดทางจนตอนนี้ ฉากที่คุณเห็นเมื่อครู่น่ะ เกิดกับตัวฉันจนเป็นเรื่องปกติแล้ว”
“เจ้าวัวรอง ฉันรู้ดีว่าตัวเองทำอะไร คุณวางใจเถอะ ฉันขอพักแค่2วัน แล้วจะจากไปเอง ฉันจะไม่รบกวนชีวิตคุณ ฉันก็ไม่อยากให้คุณทำอะไรเพื่อฉันด้วย คุณวางใจได้ ฉันจะไม่รบกวนคุณหรอก”
เทียนขุยได้ยินเรื่องราวของเสี่ยวหง มันเหมือนมีคนเอามีดมาแทงเข้าไปในใจเขาเลย
เสี่ยวหงเป็นใคร? เป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ที่งดงามไร้ที่ติในความทรงจำของเขา เป็นรักแรกของเขา สาวน้อยที่สวยงามที่สุดในใจเขา
เขาเคยวาดฝันว่าวันหนึ่งทั้งคู่จะได้พบกันอีกครั้ง ตอนเจอกัน เสี่ยวหงจะเป็นผู้หญิงร่าเริงสดใสสวยงาม เธอจะกวักมือพลางยิ้มให้เทียนขุยภายใต้แสงอาทิตย์สดใส เทียนขุยจะวิ่งเข้าไปทำตามคำสัญญาวัยเด็ก
แต่ว่า เขาไม่คิดเลยว่าทั้งคู่จะเจอกันด้วยวิธีแบบนี้ มันทำให้เทียนขุยปวดใจมาก
เขาไม่รู้ว่าหลายปีมานี้เสี่ยวหงผ่านมันมาได้ยังไง แต่จากคำพูดง่ายๆสบายๆของเธอแล้วกลับแฝงความเจ็บปวดมากล้นเอาไว้ พ่อแม่ตายหมด ธุรกิจการค้าที่บ้านโดนโกงจนไม่เหลือ โดนคนบังคับไปเป็นเมียน้อย แถมยังโดนแก้แค้น
สุดท้ายโดนขายไปยังที่แบบนั้น และระเหเร่ร่อนอยู่ข้างถนนมาตลอดจนตอนนี้
คำพูดเดียวที่ว่าเร่ร่อนจากดินแดนตะวันตกจนถึงหนานหลิง มันต้องผ่านความยากลำบากมาแค่ไหน มันไม่ควรจะมาเกิดบนตัวสาวน้อยแบบนี้
เทียนขุยแค้น แค้นที่ตนไม่ปรากฏตัวข้างเสี่ยวหงเร็วกว่านี้
เสี่ยวหงเป็นแค่สาวน้อยบอบบางบริสุทธิ์คนหนึ่ง ทำไมต้องให้เธอเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
เทียนขุยกำหมัดแน่น จนได้ยินเสียงกระดูกบดเบียดแข็งเกร็งของเขา เขามองเสี่ยวหงด้วยดวงตาคู่แดงก่ำ เสี่ยวหงในตอนนี้น้ำตาไหลอาบแก้ม ต้องพูดถึงเรื่องอดีตที่ไม่สู้ดีพวกนี้ ใครจะไม่เสียใจล่ะ
แต่ตอนเธอเห็นแววตาเทียนขุย ก็รีบใช้กระดาษทิชชูปาดน้ำตาไหลที่ไหลอาบแก้มนั้นออก
เมื่อกี้ ตอนเธอบอกว่าในที่สุดฉันก็หาคุณเจอ นั่นหมายความว่า เธอตามหาเทียนขุยมาตลอด! ในบางมุมแล้ว เทียนขุยคือความเชื่อในใจเธอ เป็นความหวังให้เธออยู่ต่อไป ดังนั้นเธอเลยแกล้งบ้ามาตลอดทาง ระหกระเหินเร่ร่อนมา เพื่อหวังว่าวันหนึ่งจะหาเทียนขุยเจอ ในบางมุมเทียนขุยกลายเป็นที่พึ่งอีกชนิดหนึ่งให้กับเธอ
เทียนขุยคิดมาถึงตรงนี้ กลืนน้ำลายคำโตพลางว่า “ไม่เป็นไรแล้วนะ เสี่ยวหง วางใจเถอะ ผมจะจัดการเรื่องคุณให้เอง ของที่เป็นของคุณ ผมจะเอามันกลับมาให้คุณทั้งหมด”
พอเสี่ยวหงได้ยินเทียนขุยพูดแบบนั้น ก็รีบโบกมือปฏิเสธห้ามปรามทันที “ไม่ไม่ไม่ เจ้าวัวรอง ฉันได้มาเจอคุณอีกครั้งก็ดีใจมากแล้ว ฉันไม่กล้าฝันให้คุณทำอะไรเพื่อฉันหรอก และยิ่งไม่มีทางให้คุณทำอะไรกระทบอนาคตตัวเองเพื่อฉันด้วย ตอนนี้คุณน่าจะสุขสบายดี ฉันแค่อยากพักที่นี่สักครู่ จากนั้นก็จะไป คุณวางใจเถอะ ฉันจะไม่รบกวนคุณหรอก”
พอเทียนขุยได้ยินคำพูดของเสี่ยวหง พริบตาเดียวก็คิดถึงสาวน้อยที่มักจะเห็นอกเห็นใจคนอื่นตอนเด็กคนนั้น เลยรีบบอก “เรื่องแบบนี้ ผมยิ่งต้องยุ่งเลย! ผมจะยอมให้โลกนี้มีคนแบบนั้นอยู่ได้ยังไง คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเอง ผมจะให้หมอนั่นต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำไว้กับคุณ”
“เจ้าวัวรอง!” เสี่ยวหงมองเทียนขุยตาแดงๆ อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็กัดปากแน่นไม่พูดมันออกมา
“จริงสิ! ผมพาคุณไปพักผ่อนก่อนละกัน จากนั้นเราก็ไปเจอคนคนหนึ่งกัน” เทียนขุยพูดพลางจอดรถที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง
เสี่ยวหงรับคำ มองเทียนขุยพลางถามว่า “เจอใครหรอ? เมียคุณหรอ?”
ดูท่าทางเทียนขุยอายุไม่ใช่น้อยแล้ว สามสิบกว่าเข้าไปแล้ว เขาน่าจะแต่งงานแล้วนะ!
พอได้ยินเสี่ยวหงพูดแบบนี้ เทียนขุยที่ปกติไม่ค่อยยิ้มก็ฝืนยิ้มออกมาพลางว่า “ผมยังไม่ได้แต่งงานซะหน่อย! ทำงานแบบเรา อยากแต่งงานมีครอบครัว ยากกว่าขึ้นสวรรค์ซะอีก เพราะการจะหาคนที่เข้าใจในตัวเราน่ะมันยากมาก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราต้องใช้ชีวิตท่ามกลางกระสุนปืนระเบิดต่างๆนานาทุกวัน ใครจะกล้าแต่งงานกับพวกเราล่ะ”
“คุณไม่ได้แต่งงาน?” เสี่ยวหงเบิกตากว้างถามอย่างตกใจว่า “จริงหรอ?”
มันเหมือนถูกล็อตเตอรี่เลย แต่พึ่งถามเสร็จ สีหน้าเธอก็เหงาหงอยลงมาอีก ต่อให้เขาไม่ได้แต่งงานแล้วยังไงล่ะ ตัวเองเจอเรื่องราวมามากมายขนาดนั้น กลายเป็นผู้หญิงกร้านโลกไปแล้ว จะคู่ควรกับเทียนขุยได้ยังไง
พอคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็แอบเศร้า ไม่กล้ามองไปที่ใบหน้าเทียนขุยอีก
เทียนขุยไม่ได้คิดอะไรมากนัก เขารับคำเบาๆ จากนั้นก็จับมือเสี่ยวหงจูงเข้าโรงแรม
พอมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ เขาบอกกับพนักงานสาวว่า “เปิดห้องครับ”
พนักงานสาวคนนั้นกำลังส่องกระจกอยู่ พอได้ยินว่ามีคนพูด ก็เงยหน้าขึ้นมามองหนึ่งที พอดูก็ตะลึง เธอเบนสายตาไปที่ตัวเสี่ยวหง ผ่านไปชั่วครู่ ถึงถามว่า “ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่คะ?”
เทียนขุยขมวดคิ้วตอบ “ยังไงก็ได้!”
จากนั้นก็หยิบธนบัตรหนึ่งร้อยออกมาหลายใบยื่นให้พนักงาน หลังจากเทียนขุยได้การ์ดห้อง ก็จูงมือเสี่ยวหงไป พนักงานคนนั้นมองตามแผ่นหลังเสี่ยวหง ส่ายหัวพลางพึมพำกับตัวเองว่า “โหโหโห คนสมัยนี้ช่างคิดนะ! เคยได้ยินชุดเครื่องแบบ อาจารย์ นักเรียน แต่ไม่เคยได้ยินชุดขอทานเลย นี่กล้าเล่นได้ทุกอย่างจริงๆนะ”
ในตอนที่เธอกำลังบ่นพึมพำ จู่ๆเทียนขุยก็ย้อนกลับมาพลางถามว่า “จริงสิ พวกคุณที่นี่มีเสื้อผ้าไหม?”
“หา!” พนักงานสาวถามอ้าปากค้าง “ชุด ชุดอะไร? โรงแรมเราไม่ใหญ่นัก ไม่มีเสื้อผ้าแบบนั้นที่คุณต้องการหรอก”
เทียนขุยเป็นคนธรรมดา เขาไม่เข้าใจคำพูดของผู้หญิงคนนี้ เลยขมวดคิ้วพูดว่า “ผมอยากได้แบบที่คุณใส่อยู่น่ะ!”
“อะไรนะ?” เธอรีบกอดชุดพนักงานของตนไว้แน่นพลางว่า “นี่ จะเป็นไปได้ยังไง ฉันใส่ของฉันดีๆนะ” ในใจเธอนึกหมอนี่ช่างคิดนักนะ เล่นเป็นยาจกก็เยอะแล้ว นี่จะยังจะชุดพนักงานอีก!
“ปั้ง!” เทียนขุยควักแบงก์พันสองใบออกมาตบวางบนโต๊ะ พลางว่า “ผมจะเอาที่คุณใส่น่ะ”
เงินเดือนพนักงานเดือนหนึ่งก็แค่สองพันแปด เสื้อผ้าชุดนี้ก็แค่ไม่กี่ร้อย สองพันอย่าว่าแต่ซื้อชุดนี้เลย ซื้อตัวผู้หญิงคนนี้ทั้งคืน เธอก็ยอม
เธอรับเงินสองพันนั้นมา มุดเข้าไปถอดชุดตัวเองในห้องด้านหลังอย่างอารมณ์ดี