จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 437
พอเห็นว่าคนที่โดนจับมือไว้คือคุณชายโล๋ คนจำนวนไม่น้อยต่างแสดงสีหน้าตกใจออกมา คุณชายโล๋เป็นใคร คนดังของหนานหลิงเลยนะ ทำไมเขาโดนคนอื่นจัดการได้ล่ะ
“พระเจ้า นั่นคุณชายโล๋ไม่ใช่หรือไง? ทำไมมีคนกล้าทำร้ายคุณชายโล๋ได้เนี่ย?”
“ใช่ไง หมอนั่นบ้าแน่ๆ หรือว่าไม่รู้จักคุณชายโล๋กัน? ขนาดคุณชายโล๋ยังกล้าอัด กินดีหมีมาหรือไงกัน!”
ฟางเหยียนกำข้อมือคุณชายโล๋ไว้ ไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนมุงเลยสักนิด เขาบ่นพึมพำว่า “อ่อนในแข็งนอก ร่างกายคุณน่ะพรุนไปหมดแล้ว ดูแลสุขภาพเถอะ! อย่าเอาแต่มีสัมพันธ์กับผู้หญิงทั้งวัน ถ้าคุณยังใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป ไม่เกินสามปีคุณตายแน่!”
คุณชายโล๋โดนจัดการก็ไม่พอใจแล้ว ยังโดนเหยียดหยามแบบนี้อีก เขาโกรธจนหน้าแดง กัดฟันกรอดตะคอกว่า “ไอ้เลว! กล้าแช่งฉัน แกรู้ไหมว่าฉัน…”
“อ๊า!” เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็ร้องออกมาอีก เพราะฟางเหยียนเพิ่มแรงที่มือหนักขึ้น
ร่างคุณชายโล๋เริ่มบิดไปมาเพราะแรงมือของฟางเหยียน ใบหน้าบิดเบี้ยวแล้วเหมือนกัน
ฟางเหยียนจับคุณชายโล๋ไว้แบบนี้ เขาหันไปมองพนักงานสาวที่ตัดสินคนแค่รูปลักษณ์ภายนอกผ่านๆ ใบหน้าขยับเล็กน้อย เผยรอยยิ้มบางออกมาพลางว่า “โทรเรียกเจ้าของร้านพวกคุณมาเถอะ ร้านนี้ผมซื้อละ”
สีหน้าพนักงานสาวเปลี่ยนอีก เธอรู้ถึงอำนาจของคุณชายโล๋ คราวที่แล้วก็จัดการไปคนหนึ่ง นั่นเป็นอันธพาลที่โด่งดังในถนนสายนี้พอดู แต่กลับโดนลูกน้องคุณชายโล๋จัดการไป
เดิมเธอคิดว่าคุณชายโล๋คงจัดการตาขี้โรคผอมแห้งนี่ได้ง่ายดาย กลับไม่คิดเลยว่าคนที่โดนจัดการจะเป็นคุณชายโล๋ซะเอง หมอนี่กล้าอัดคุณชายโล๋ เขาเก่งมาจากไหนกันนะ?
ไม่ไม่ไม่ หมอนี่ต้องบ้าแน่ ใช่ นี่เจอคนบ้าเข้าแล้ว เขาต้องหนีออกมาจากโรงพยาบาลประสาทแน่ อัดคุณชายโล๋ไปแล้ว ยังกล้าพูดจาโอ้อวดแบบนี้ออกมาอีก เขาไม่บ้าแล้วจะเป็นอะไรได้?
พอคิดถึงตรงนี้ พนักงานสาวพูดกับฟางเหยียนอย่างจริงจังว่า “ปล่อยคุณชายโล๋ด้วยค่ะ ไม่งั้นฉันจะเรียกรปภ.มานะคะ?”
“รปภ.?” ฟางเหยียนทวนคำ มีแววประชดประชันอยู่ในน้ำเสียงนั้น
หรือว่าพนักงานสาวคิดว่ารปภ.จะมีประโยชน์หรอ? มันจะโอเวอร์ไปหน่อยไหม!
“คุณไม่เชื่อใช่ไหม?” พนักงานสาวสีหน้าแดงก่ำร้องตะโกนไปด้านนอกว่า “รปภ. รปภ.!”
พอได้ยินคำว่ารปภ. ฟางเหยียนก็ปล่อยคุณชายโล๋ ก่อนเอามือไขว้หลัง
คุณชายโล๋เจ็บจนกัดฟันกรอดและถอยไปหลายก้าว และได้ผู้หญิงที่เขาพามาพยุงไว้
หล่อนถาม “คุณชายโล๋ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
คุณชายโล๋สงวนท่าที สะบัดมือทีหนึ่ง แกล้งทำหน้านิ่งตอบว่า “ฉันไม่เป็นไร!”
จากนั้นเขาถลึงตาใส่ฟางเหยียน ชี้หน้าเขาพลางว่า “ไอ้หนู แกตายแน่ แกตายแน่1”
พูดจบ เขาหยิบมือถือออกมาโทรออก ตอนนี้รปภ.สองคนในชุดเครื่องแบบวิ่งเข้ามาจากด้านนอก ในมือพวกเขาถือกระบองเข้ามาด้วย
พนักงานสาวเห็นรปภ.สองคนเข้ามา ในใจก็พอชื้นขึ้น ชี้นิ้วไปที่ฟางเหยียนพูดอย่างโมโหว่า “ลากเขาออกไป หมอนี่เป็นคนบ้า! กล้ามาลงมือทำร้ายคนในร้านเรา”
พูดจบ พนักงานสาวกอดอกด้วยสีหน้ากระหยิ่ม สองตาจ้องมองฟางเหยียนอย่างหยามหยัน ในใจคิดคราวนี้นายคงกลัวแล้วสิ? เมื่อกี้ตอนฟางเหยียนปล่อยคุณชายโล๋เพราะได้ยินตนเรียกการ์ด เธอยังนึกว่าหมอนี่จะไม่กลัวตายซะอีก!
ตอนจ้องฟางเหยียน พนักงานสาวไม่ลืมพูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “รู้ไหมว่าที่นี่ถิ่นใคร? นายคิดจะซื้อ ต่อให้ให้นาย นายกล้าเอาหรือไง? ที่นี่เป็นถิ่นของประธานเหลียง เหลียงจงคนรวยอันดับสองของซีหนาน นายคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไรมาโอ้อวดต่อหน้าเหลียงจง? ใครให้ความมั่นใจนายกันแน่ฮะ?”
สามารถมาทำงานในถิ่นเหลียงจงได้ เหมือนเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ก็แสดงความภูมิใจตรงนี้ออกมาเลย นั่นไง มีเจ้านายยังไงก็มีลูกน้องอย่างนั้นแหละ เหลียงจงไม่ใช่คนแบบนี้หรือไง? สมเป็นคนในองค์กรของเหลียงจงจริงๆ แต่ละคนเป็นพวกตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกทั้งนั้น!
พนักงานสาวบอกกับรปภ.สองคนว่า “ลงมือเลย ลากเขาออกไป ดีสุดคือช็อตไฟฟ้าให้สลบแล้วค่อยลากออกไป”
ฟางเหยียนไม่พูดอะไร แค่ปรบมือเบาๆ ซื้อเสื้อผ้าครั้งเดียวกลายเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่ใครๆจะอยากเจอหรอก เดิมเขาคิดว่าแค่ซื้อแล้วก็ไป แต่มีคนจงใจหาเรื่อง เขาไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนเหลียงจงสักคอร์สหนึ่ง ดูท่าเหลียงจงจะยังไม่คิดปรับปรุงตนในส่วนที่ควรทำนะ
“นี่!” พนักงานสาวเห็นรปภ.สองคนยังไม่ขยับ ก็เร่งเข้าอีกว่า “พวกนายสองคนอึ้งอะไรกันอยู่? ไหนบอกว่าตัวเองเก่งมากไง? ไหนบอกว่าเก่งกล้าสามารถหมดทุกทิศอะไรบนถนนสายนี้ขนาดนั้น ทำไม…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นรปภ.สองคนก็ทำทีท่าแปลกๆ พวกเขาทำเสียง “ปึ้ก”ขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองคนพร้อมใจกันคุกเข่าลงพื้น
ภาพนี้มันทำให้พนักงานสาวมองอ้าปากค้าง สีหน้าเธอเหมือนกำลังถามว่าฉันอยู่ไหน? ฉันกำลังทำอะไร?
ทั้งสองคนยกมือสั่นเทาชี้ไปทางฟางเหยียน พูดตะกุกตะกักว่า “คุณคุณคุณ คุณคุณคุณ คุณ!”
พูดคุณอยู่นาน ก็ไม่พูดออกมาเป็นประโยคซะที
ฟางเหยียนไม่รู้จักสองคนนี้ แต่ว่าทั้งคู่จำฟางเหยียนได้แม่นเลย
หมอนั่น คืนนั้นที่กระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ที่หน้าโรงพยาบาล แถมคนนั้นใคร ซ่งฉาวอู่ของกองกำลังระดับภูมิภาคแห่งหนานหลิงคนนั้นยังเคารพเขาขนาดนั้น คนแบบนี้มีหรือจะมีฐานะธรรมดา
คืนนั้นทั้งสองคนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลทั้งหมด การทำความเคารพของซ่งฉาวอู่ยังชัดเหมือนเกิดขึ้นตรงหน้า ตอนนั้นทั้งสองคนรีบจำหน้าตาคนคนนั้นไว้ทันที
คนแบบนี้ต่อให้พวกเขากล้ามาแค่ไหน ก็ไม่กล้าหาเรื่องด้วยหรอก! ขยับนิดหน่อยก็เรียกกำลังคนของกองทหารสาขามาได้ ใครจะไปยิ่งใหญ่กว่ากำลังคนกองทหารสาขาได้ล่ะ วันๆร้องปาวๆว่าตัวเองเก่งแค่ไหน แต่พอเจอกำลังคนกองทหารสาขาเข้าหน่อย ก็กลายเป็นตัวจิ๊บจ๊อยไปเลย
รปภ.ชี้มาที่ตัวเอง พูดตะกุกตะกักว่า “พี่พี่พี่ พี่ใหญ่ ผมผมผม พวกเราไป พวกเราไปกันเถอะ!”
ฟางเหยียนไม่พูดอะไร สีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยน เหตุการณ์แบบนี้เขาเจอมาจนชินแล้ว จะพูดยังไงดีล่ะ คนเข้าใจประวัติศาสตร์แนวทางการพัฒนาเท่านั้นถึงจะถือว่าโดดเด่นและฉลาด สองคนนี้แค่เป็นคนดูสถานการณ์เป็นเท่านั้นเอง!
พูดจบ ทั้งคู่ยืนขึ้น มองไปทางพนักงานสาวพลางว่า “ผู้จัดการ พวกเราไม่ทำแล้วครับ!”
พูดจบทั้งคู่ไม่รอพนักงานสาวพูดอะไร หันหลังวิ่งออกไป ราวกับมีไฟลนก้นก็ไม่ปานทีเดียว
ทุกคนในที่นั้นพากันมองกันตาค้าง!