จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 44
บทที่ 44 ตระกูลเฉิงแห่งเจียงตู
เซียวไห่ปิงพูดต่อ “พ่อ ตั้งแต่เสี่ยวฮั่วเกิดเรื่อง ปัญหาบ้านเซียวก็มาไม่หยุดไม่หย่อน
ตอนนี้คนที่พวกเราส่งไปฆ่าฟางเหยียนไม่สำเร็จ บ้านหลิวก็มาหยิ่งผยองใส่พวกเราอีก เห็นได้ชัดว่ามีคนสั่งให้พวกเขาทำแบบนี้ หรือว่าพ่อไม่สงสัยเจ้าฟางเหยียนเลยสักนิด? เรื่องที่เกิดขึ้นกับบ้านเซียวเราไม่เกี่ยวอะไรกับเขาจริงๆหรอ?”
เซียวเจิ้นเที่ยนหรี่ตาลงเป็นเส้น เขามีหรือจะไม่เคยคิด! ตอนแรกคนที่เขาคิดถึงก่อนก็คือฟางเหยียน
แต่…เขาโบกมือปฏิเสธพลางว่า “ที่แกจะพูดน่ะฉันคิดมาก่อนแล้ว แต่อารองของแกสืบเรื่องฟางเหยียนโดยละเอียดมาแล้ว เขาก็แค่ขยะตัวหนึ่ง ไม่มีคุณสมบัติมาต่อกรกับเราหรอก! ถึงอารองแกจะเกิดเรื่อง แต่ด้วยความสามารถของเขาจะสืบเรื่องคนๆหนึ่งน่ะมันง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือซะอีก ข้อมูลที่เขาหามาได้ไม่มีทางผิดแน่ ฉันสงสัยว่าฟางเหยียนคนนี้มีปัญหาได้ แต่ฉันไม่มีทางสงสัยอารองของแกจริงไหม?”
“งั้น ใครมันจะอยู่ดีๆมาหาเรื่องพวกเราล่ะ? พ่อ ประวัติน่ะมันทำปลอมกันได้นะ!” เซียวไห่ปิงพูดอย่างไม่เข้าใจ
เซียวเจิ้นเที่ยนส่ายหัวพลางถอนหายใจยาว จากนั้นเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พูดด้วยสายตามุ่งมั่นว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร ฉันจะให้มันรู้จุดจบที่มาเป็นศัตรูกับบ้านเซียวแน่”
“งั้นเรื่องฆ่าฟางเหยียน!” เซียวเหอลูกชายคนโตของเซียวเจิ้นเที่ยนพูดอย่างปวดใจว่า “พ่อ ฮั่วเอ๋อร์โดนตัดขาทั้งสองข้างนะ เรื่องนี้ไม่มีใครกล้าพูดกันเอิกเกริก แต่เสียงซุบซิบนี่ดังกันระงมลือไปทั่วแล้ว”
เซียวไห่ปิงขมวดคิ้วว่า “พ่อ ถ้าไง ให้เขาไปเถอะ!”
ในเมื่อนายฟางเหยียนนั่นมีปัญหา เขาต้องลงมือให้หนัก ถ้ามีปัญหาจริง งั้นเขาต้องตายแน่! ถ้าไม่มีปัญหา ฟางเหยียนก็ต้องตาย ไม่ว่ายังไง มีแต่ผลดีไม่มีผลเสียกับบ้านเขาเลย
พอได้ยินคำว่าเขา เซียวเจิ้นเที่ยนรีบโบกมือปฏิเสธพลางว่า “ไม่ต้อง ไม่ถึงที่สุดห้ามใช้เขา และห้ามพูดถึงเขา พวกแกต้องรู้ไว้นะ นั่นเป็นเครื่องรางคุ้มครองบ้านเซียวเรา”
สีหน้าเซียวไห่ปิงเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ไม่ได้ขัดขืนอะไร และพยักหน้ารับคำสั้นๆว่า “ครับ!”
เวลานี้พ่อบ้านบ้านเซียววิ่งเข้ามารายงาน “คุณท่าน มีข่าวดีครับ ตระกูลเฉิงแห่งเจียงตูบอกว่าจะมาร่วมงานกับเราที่จินโจว คืนนี้คุณชายเฉิงฉู่แห่งเจียงตูจะมาถึงจินโจว”
เซียวเจิ้นเที่ยนปรบมือดังฉาด ร้องว่า “พี่เฉิงนี่มีบุญคุณในยามยากจริงๆ เร็ว สนามบิน พวกเราไปรับเขากัน!”
พอคนบ้านเซียวออกไปกันพอสมควรแล้ว เซียวไห่ปิงเรียกคนหน้าตาเจ้าเล่ห์เข้ามาหนึ่งคน
“อู๋เหมย ไปสืบเรื่องฟางเหยียนมาให้ฉันโดยละเอียด เอาตั้งแต่แรกเกิดเลย”
เซียวไห่ปิงเป็นคนใช้สมอง แถมฉลาดมาก เขามักรู้สึกว่าพ่อตัวเองเพิกเฉยคนนี้ไป พอฟางเหยียนปรากฏตัว เรื่องก็ประดังประเดเข้ามา จะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมัน เขายังยากที่จะเชื่อเลย
หลายวันต่อมา เมืองจินโจวดูสงบเรียบร้อยดี
แต่เรื่องที่ตระกูลเฉิงมาร่วมงานกับตระกูลเซียวที่จินโจวเลื่องลือกันไปทั่วหมดแล้ว
ฟางเหยียนไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เขาทำแค่ไปรับไปส่งเย่ชิงหยู่ทำงาน ประหนึ่งเป็นคนขับรถส่วนตัวให้เธอ
คืนนี้ฟางเหยียนรับนัดทานข้าวของหลิวเหอฉาง
พอกลับถึงบ้าน พบว่ามีแขกมาที่บ้าน
นั่นเป็นชายหนุ่มท่าทางสุภาพคนหนึ่ง ใส่แว่นตา รูปร่างสูงดูเป็นคุณชายหน้าตาหล่อเหลา สมกับเทรนต์ความงามของคนตะวันออกมาก เขานั่งอยู่ข้างเย่ชิงหยู่ พอมองไปกลับไม่รู้สึกขัดเขินตาอะไรเลยสักนิด
พอเห็นฟางเหยียนเข้ามา เขาก็ลุกขึ้น พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “คนนี้คงเป็นฟางเหยียนล่ะสิ?”
สีหน้าจางเจียวเจียวเปลี่ยนเล็กน้อย พูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ใช่ เขาคือฟางเหยียน”
“สวัสดี ผมชื่อเฉิงฉู่ เป็นเพื่อนสมัยมหาลัยของชิงหยู่” ระหว่างที่พูด เขายกมือขึ้นหวังเช็คแฮนด์กับฟางเหยียน
มือของฟางเหยียนไม่ใช่ใครก็สามารถจับได้ เพราะมือของเขาใช้ฆ่าฟันหัวศัตรู
เขาโบกมือพลางว่า “ไม่ต้องจับมือหรอก”
“ฟางเหยียน ทำอะไรน่ะ? เฉิงฉู่เขาตั้งใจแวะมาเยี่ยมชิงหยู่นะ” จางเจียวเจียวส่งซิกให้ฟางเหยียน พฤติกรรมของฟางเหยียนดูจะไม่มีมารยาทไปหน่อย ทำให้จางเจียวเจียวรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม
เฉิงฉู่ดึงมือกลับอย่างกระดากใจ ก่อนยิ้มว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า ฟางเหยียนดูพิเศษมากเลย สมเป็นคนมีความสามารถ”
ไม่ต้องชมผม นั่งเถอะ” ฟางเหยียนไม่ถนัดเจรจากับใคร แค่ไม่กี่คำก็ทำเฉิงฉู่พูดอะไรไม่ออกแล้ว
เขาขี้เกียจสนใจเฉิงฉู่ นั่งลงที่โซฟาคนเดียว มีเฉิงฉู่คั่นกลางระหว่างเขากับเย่ชิงหยู่
เย่ชิงหยู่เหลือบตามองฟางเหยียนอัตโนมัติ ฟางเหยียนเองก็มองเธออยู่
พอเธอเห็นแววตาฟางเหยียน ก็รีบหลบตาทันที ไม่ใช่กลัวนะ แค่รู้สึกว่าสายตามันแปลก
ฟางเหยียนไม่เคยเรียนมหาลัย เขาเรียนจบม.ปลาย แต่งงานกับเย่ชิงหยู่เสร็จก็ไปเข้ากองทหารเลย ดังนั้นเขาเลยไม่รู้เรื่องชีวิตต่อมาในรั้วมหาลัยของเย่ชิงหยู่เลย
ส่วนเฉิงฉู่เป็นเพื่อนสมัยมหาลัยของเย่ชิงหยู่ แถมยังสนิทกันพอสมควรด้วย!
“เฉิงฉู่ มาคุยเรื่องเมื่อกี้กันต่อนะ เราว่าบ้านเราทำอะไรนะ?” จางเจียวเจียวถาม
เฉิงฉู่รับคำก่อนพูดต่อว่า “บ้านผมทำธุรกิจหลายอย่างครับ ที่เจียงตู ครั้งนี้พวกเขาจะมีการร่วมงานกับตระกูลเซียวของจินโจว ผมพึ่งกลับมาจากเมืองนอก เลยส่งผมมาศึกษางานน่ะครับ”
“ร่วมงานกับตระกูลเซียว ดีนะ ตระกูลเซียวมีเงินมีอำนาจ อนาคตไกลนะ” จางเจียวเจียวพยักพเยิดเห็นด้วย
“แม่ หนูบอกเลยนะ บ้านเฉิงฉู่น่ะเป็นตระกูลใหญ่อันดับสองของเจียงตูเลย” เย่ชิงหยู่อดแทรกขึ้นมาไม่ได้
“เจียงตู? ตระกูลใหญ่อันดับสองของเจียงตู เก่งนะเนี่ย” เจียงตูเป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศหวา มีสี่ตระกูลใหญ่อยู่ ได้ยินว่านอกจากบ้านฟางแล้ว ที่เหลือก็มีอำนาจไม่น้อยเลย
ส่วนบ้านฟาง มีรากฐานทางธุรกิจมาหลายปี แถมเบื้องหลังตระกูลลึกจนไม่อาจคาดเดา ดังนั้นสำหรับคนธรรมดาอย่างจางเจียวเจียวและเย่ชิงหยู่แล้ว ตระกูลฟางเป็นระดับที่สูงมากจนเอื้อมไม่ถึง”
ฟางเหยียนถอนหายใจยาวออกมา ทำไมต้องเอาตระกูลเฉิงมาเอี่ยวด้วยเนี่ย
เฉิงฉู่พูดอย่างถ่อมตนว่า “มันแค่เปลือกนอกน่ะครับ คุณน้า ผมมาครั้งนี้มีเรื่องอยากขอให้ชิงหยู่ช่วยหน่อย