จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 51
บทที่ 51 ตระกูลฟางตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งแห่งเจียงตู
ความทรงจำส่วนนั้นหลั่งไหลเข้ามาในใจอีกครั้ง พวกเขาบีบบังคับพ่อให้ตายต่อหน้าของตัวเอง ตอนนั้นเขาอายุเพียงแปดขวบ แค่แปดขวบเขาก็โดนฝันร้ายครอบงำเอาไว้ ฝันร้ายนี้ติดตัวเขามาตลอด
เขาไม่เคยลืมความเจ็บปวดตอนที่เลือดของพ่อสาดกระเด็นมาบนใบหน้าของเขา มันเป็นความทรงจำที่เขาไม่กล้าจะหวนคิดกลับไป ถึงเขาจะคุ้นเคยกับการฆ่าฟัน แต่เขาไม่มีวันรับความรู้สึกที่เลือดสาดกระเด็นมาบนใบหน้าได้เลย
ในที่สุดตอนนี้ก็ถึงเวลาแก้แค้นแล้วงั้นหรือ
“เสี่ยวเหยียน ได้ยินไหม” เสียงของฟางจินหยวนดังขึ้นอีกครั้ง
“ได้!” ฟางเหยียนกัดฟันพูดคำนั้นออกไป
“นี่เสี่ยวเหยียนรับปากแล้วใช่ไหม” จู่ๆ น้ำเสียงของฟางจินหยวนก็ตื่นเต้นขึ้นมา
จากนั้นก็เป็นเสียงไอติดต่อกัน ปลายสายยังคงพูดออกมา
แต่ทว่าฟางเหยียนไม่สนใจและกดตัดสายอย่างเย็นชา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความรู้สึก แต่เขาไม่สามารถมอบความรู้สึกใดๆ ให้คนตระกูลฟางได้เลย
สองวันต่อมาที่ตระกูลฟางในเจียงตู
นี่คือคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในเจียงตู และเป็นสถานที่ที่สูงศักดิ์ที่สุด ประตูสูงแปดเมตร มีสัตว์ตำนานที่คุ้มครองบ้านตั้งตระหง่านอยู่สองตัว บนประตูมีตัวอักษรใหญ่แขวนไว้ว่า ‘จวนฟาง’
ตระกูลฟางครองตำแหน่งตระกูลแรกที่อายุเกือบร้อยปีในเจียงตู
ในเจียงตูมีคำกล่าวที่ว่า อยู่ในเจียงตูถึงจะมีเงินแค่ไหนก็เป็นเงินจากตระกูลฟาง ในบรรดาสี่ตระกูลใหญ่ จริงๆ แล้วทั้งสามตระกูลที่เหลือก็พึ่งพาบารมีของตระกูลฟางอาศัยในเจียงตูเท่านั้น
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวลือในเจียงตูว่าตระกูลฟางสร้างนายพลที่มีความสามารถอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่ทำให้คนทั้งเจียงตูทำได้เพียงแหงนหน้า คารวะ ตะเกียกตะกายและหวาดกลัวตระกูลฟาง!
วันนี้เป็นงานวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของฟางจินหยวนผู้นำตระกูลฟาง ทั้งตระกูลฟางอยู่ในบรรยากาศแห่งความสุข
ฐานะของตระกูลฟางโด่งดังเป็นอย่างมาก ตามเหตุผลแล้วต้องมีตระกูลจำนวนมากมาร่วมงานวันเกิดของฟางจินหยวน แต่ทว่าวันนี้ตระกูลฟางกลับไม่ต้อนรับแขก เพราะพวกเขามีคนสำคัญที่กำลังจะกลับมาร่วมงานวันเกิดของฟางจินหยวน
“ฟางเหมี่ยว รีบไปดูสิว่าน้องแกมาหรือยัง” ฟางจินหยวนสวมเสื้อสีแดงที่มีลวดลาย เป็นชุดที่สวมใส่กันในงานวันเกิด
เขาเดินไปเดินมาในห้องโถง เห็นได้ชัดว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าการที่ฟางเหยียนกลับมาจะแสดงถึงอะไร แต่เขาอยากเจอฟางเหยียนจริงๆ สักครั้ง ไม่ว่ายังไงฟางเหยียนก็คือหลานชายแท้ๆ และเป็นหลานชายที่เก่งและโดดเด่น
เทพสงคราม เป็นเกียรติยศที่ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมี ซึ่งเงินก็ไม่สามารถซื้อได้
ฟางจินหยวนรู้ดีว่าหลานชายคนนี้เก่งแค่ไหน
ฟางเหมี่ยวลังเลอยู่สักพัก ความไม่พอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา แต่ก็ไม่กล้าพูดขัด และทำได้เพียงพูดอย่างนอบน้อม “ครับคุณปู่”
นี่เป็นครั้งที่ 58 แล้วที่ฟางจินหยวนให้ฟางเหมี่ยวไปดู เรียกทุกๆ ห้านาที
เขายังไม่ทันได้เดินไป ชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปีพูดด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “พ่อ ให้เหล่าโจวไปดีไหม ฟางเหมี่ยววิ่งไปวิ่งมาหลายรอบแล้ว”
เหล่าโจวคือผู้ดูแลบ้านที่ฟางจินหยวนเรียกมาที่จินโจวเพื่อให้มาหาฟางเหยียน เหล่าโจวยิ้มรับแล้วพูดว่า “ใช่ครับนายท่าน เดี๋ยวผมไปเองครับ ให้คุณชายพักผ่อนเถอะ”
ฟางจินหยวนขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาว่า “ฟางไห่เซิง แกคิดว่าตอนนี้ในตระกูลฟางถึงตาแกตัดสินใจแล้วเหรอ”
เมื่อฟางไห่เซิงได้ยินคำพูดของฟางจินหยวน สีหน้าเขาก็ดูไม่ดีขึ้นมา เขารีบก้มหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับพ่อ แค่เห็นว่าฟางเหมี่ยววิ่งไปมาหลายรอบแล้ว ให้เหล่าโจวไปก็ไม่ต่างกัน”
“พ่อ ผมว่าพี่ใหญ่ก็พูดถูกนะ อีกอย่าง ถึงฟางเหยียนจะเก่งแค่ไหน เขาก็เป็นคนที่อายุน้อยในตระกูล” ฟางไห่ถางพูดเสริม
ฟางจินหยวนมีลูกชายสามคน ลูกสาวสามคน พ่อของฟางเหยียนเป็นลูกชายคนที่สอง ฟางไห่เซิงคือลูกชายคนโต ส่วนฟางไห่ถางคือน้องชายคนสุดท้อง ส่วนลูกสาวต่างก็แต่งงานออกไปหมดแล้ว แต่วันนี้ทุกคนกลับมารวมตัวที่บ้าน
แต่ทว่าฟางจินหยวนนิสัยแปลกประหลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นเมื่อลูกสาวที่แต่งออกไปกลับมาที่บ้านจึงไม่กล้าพูดอะไรมากนัก
“คุณปู่คะ พักก่อนเถอะค่ะ” ฟางฟังลูกสาวคนโตของฟางไห่ถางประคองฟางจินหยวนแล้วเอ่ยขึ้น
ฟางฟังเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ ฉลาดหลักแหลม เธอไว้ผมสั้นดูอ่อนหวานเป็นอย่างมาก
“พี่เหมี่ยว ถ้าพี่เหนื่อยแล้ว เดี๋ยวฉันไปดูเองว่าพี่เหยียนมาหรือยัง” ฟางฟังเอ่ยขึ้น
ฟางจินหยวนรีบห้ามขึ้นทันที “ฟางฟัง เธอเป็นเด็กผู้หญิง จะไปรับพี่เหยียนได้ยังไงล่ะ ฟางเหมี่ยว ยังไม่รีบไปอีก”
ฟางฟังอึ้งไป บ้านนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ผู้หญิงไม่ค่อยมีตำแหน่งในบ้าน ถึงแม้ว่าคุณปู่จะเอ็นดูเธอ แต่เมื่อต้องทำเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ เขากลับพึ่งพาเด็กผู้ชาย
“พี่เหมี่ยว คุณปู่ให้พี่ไปก็รีบไปเถอะ อีกอย่างพี่เหยียนก็ไม่ได้กลับมานานแล้ว”
ฟางเหมี่ยวปรายตามองฟางฟัง เขาเดินออกไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
ขณะนั้นเองฟางฟังเห็นแววตาของคุณปู่ที่เอาแต่ทอดมองไปข้างนอก ก็เลยเอ่ยขึ้นมาว่า “จริงๆ หนูคิดว่าทุกคนในบ้านควรจะไปรอพี่เหยียนที่หน้าประตู”
เมื่อฟางไห่เซิงได้ยินเช่นนั้น จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ฟางฟัง อย่าพูดไร้สาระ”
ฟางไห่ถางก็มองฟางฟัง จริงๆ ทุกคนไม่อยากให้ฟางเหยียนเข้ามาในบ้าน เพราะเขาเก่งมาก ถ้าเขากลับเข้ามาในบ้าน ฟางไห่ถาง ฟางไห่เซิงคงจะไม่มีโอกาสได้เป็นผู้นำตระกูล
พวกเขาทำงานหนักมาทั้งชีวิต สุดท้ายกลับมอบตำแหน่งให้ฟางเหยียน พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร
แน่นอนว่าถึงจะหงุดหงิดแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ทำไมพวกเราต้องไปรอเขาด้วย ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นคนอายุน้อยในตระกูล ให้ผู้อาวุโสไปรอเขา ถ้าเกิดเรื่องนี้รู้ไปถึงหูคนข้างนอก คนอื่นจะมองตระกูลเรายังไง” หลี่เยว่ภรรยาของฟางไห่เซิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ใช่ค่ะ พี่สะใภ้พูดถูก พวกเราเป็นผู้อาวุโส ไม่ควรไปยืนรอเขาหน้าประตู” ภรรยาของฟางไห่ถางพูดเสริม
แต่ฟางไห่อิงน้าคนเล็กของฟางเหยียนพูดขึ้นมาว่า “ฉันเห็นด้วยกับที่ฟางฟังพูดนะ อีกอย่างเสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้กลับมาบ้านสิบหกปีแล้ว”
ฟางจินหยวนสูดหายใจลึก จากนั้นจึงพูดออกมาว่า “ฟางฟังพูดถูก พวกเราทุกคนควรจะไปรอเขาที่ประตู”
พูดจบ ฟางจินหยวนก็เดินออกไป โดยไม่ดูท่าทีของพวกเขา
“พี่ใหญ่ เห็นหรือยังว่าพ่อของเราบ้าไปแล้ว เขากำลังป่วยอยู่ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเราจะปฏิบัติไม่ดีกับฟางเหยียนจริงๆ แต่ก็ไม่เห็นต้องให้ทำอะไรแบบนี้เลย” ฟางไห่ถางพูดด้วยสีหน้าร้อนใจ
“พวกแกจะไปก็ไป แต่ฉันไม่ไป!”
“ใช่!”
“คนในตระกูลฟาง ถ้าใครไม่ไปก็ไสหัวออกไปจากบ้านตั้งแต่วันนี้” ฟางจินหยวนกัดฟันกรอดแล้วพูดออกมาด้วยความโกรธ
เขาดูลูกชายทั้งสองคนออก ตอนที่ร่างกายของเขาแข็งแรงดีไม่มีใครกล้ามีปากมีเสียงกับเขา แต่หลังจากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดก็เริ่มเล่นแง่ขึ้นมาทันที
พอเขาพูดว่าจะยกตระกูลให้ฟางเหยียน ทั้งสองคนก็ร่วมมือกันทันที
เมื่อฟางจินหยวนพูดจบ ทุกคนต่างก็มองหน้ากันไปมา และพากันมาที่ประตูหน้าประตูบ้าน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถหงฉีคันสีดำก็เคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ
“จอมพลโผ้จวิน ทุกคนในบ้านกำลังรอคุณอยู่” เทียนขุยเห็นคนในตระกูลฟางยืนรออยู่ที่หน้าประตู
“เข้าไปเลย ฉันไม่อยากทักทายใครทั้งนั้น” ฟางเหยียนมองไปนอกหน้าต่าง แววตาของเขาฉายแววแห่งความเคียดแค้นออกมา
เทียนขุยถามขึ้นว่า “งั้นจะลงมือไหมครับ”