จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 58
บทที่ 58 หญิงงามเข้ามาไม่ขาดสาย
เธอยิ้มอย่างปลาบปลื้มและมองฟางเหยียนตั้งแต่หัวจรดเท้า มองจากซ้ายไปขวา ไม่ว่าผู้ชายที่ไหนโดนมองด้วยสายตาแบบนี้ ก็คงจะอดคิดไปไกลไม่ได้
แต่ทว่าฟางเหยียนกลับใช้สายตาเฉยชามองหลินถง แววตาของเขาไม่มีความรู้สึกใดเลย
นี่เขาเป็นผู้ชายจริงๆ หรือเปล่า
สาวงามอย่างหลินถงกำลังจ้องเขาอยู่ นี่เป็นความใฝ่ฝันของผู้ชายไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แต่เขากลับมองเธออย่างเย่อหยิ่ง
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลินถงเป็นฝ่ายยกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของฟางเหยียน แล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าคุณไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ฉันขอทำความรู้จักกับคุณได้ไหม ฉันชื่อหลินถง”
เสิ่นจื่อเจี๋ย ตู้หมิงล่าง รวมถึงผู้ชายที่อยู่ในงานต่างพากันอึ้งเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
ทำไมสาวงามล่มเมืองคนนี้ถึงไปคุยกับผู้ชายธรรมดาๆ แบบนั้น ฉายาแม่หม้ายเย็นชาของหลินถงมันไม่จริงอย่างนั้นเหรอ เธอไม่เคยเป็นฝ่ายพูดกับผู้ชายคนไหน ในทางกลับกันผู้ชายที่มาจีบเธอก็ต่อแถวตั้งแต่เมืองจินโจวถึงหนานหลิง
แต่ทว่าวันนี้ เธอกลับเป็นฝ่ายเริ่มคุยก่อน
คนอื่นไม่รู้ว่าหลินถงพูดอะไร แต่ทว่าเสิ่นจื่อเจี๋ยกับตู้หมิงล่างได้ยินอย่างชัดเจน
ฟางเหยียนยังคงมีท่าทียโส เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่จำเป็นต้องจับมือหรอก พูดมาเถอะ ว่าทำไมถึงอยากรู้จักผม”
พูดจบฟางเหยียนก็ไม่มองหลินถงอีก
หลินถงดึงมือกลับมาอย่างกระอักกระอ่วน แต่ทว่าใบหน้าของเธอยังไม่หมดหวัง และยิ้มหวานออกมา รอยยิ้มของเธอทำให้คนไม่อาจถอนตัวได้ เธอเอ่ยขึ้นว่า “คุณไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ บนโลกใบนี้มีผู้ชายที่อยากจับมือฉันมากมาย แต่ก็ไม่มีโอกาส คิดไม่ถึงว่าคุณจะปฏิเสธ แต่นี่คือจุดที่ฉันชื่นชอบในตัวคุณ ความหยิ่งยโสคือสิ่งพื้นฐานที่ชายแท้ควรมี”
ฟางเหยียนตอบรับ เขายิ้มแล้วพูดว่า “สงสัยผมคงไม่มีวาสนาได้มีความสุข”
หลินถงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันเป็นฝ่ายทักคุณก่อน”
ฟางเหยียนส่ายหน้า
หลินถงมองไปรอบๆ แล้วพูดว่า “คนที่นี่เอาแต่จ้องฉัน นอกจากคุณ ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้คุณก็ไม่มองฉันเลย ถึงจะมองก็มองแบบยโสโอหัง ฉันขอเสียมารยาทถามคุณหน่อยได้ไหม คุณทำอาชีพอะไรเหรอ”
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าหลินถงเก่ง ในบรรดาคนมากมายเธอรู้ได้หมดว่าสายตาของใครเป็นอย่างไร
ฟางเหยียนสูดหายใจลึก แล้วพูดออกมาว่า “ขอโทษด้วย ผมบอกคุณไม่ได้”
“ฟางเหยียน!” ทันใดนั้นมีผู้หญิงสวยเซ็กซี่มาหยุดตรงหน้าฟางเหยียน มือทั้งสองข้างของเธอวางไว้บนไหล่ของฟางเหยียน การกระทำแบบนี้เหมือนคนที่รู้จักกันมานาน
ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนางเอกแสนน่ารักอย่างเวินหลาน
ในใจของตู้หมิงล่างกับเสิ่นจื่อเจี๋ยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
พวกเขาไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ฟางเหยียนที่แสนจะธรรมดา ทำไมถึงดึงดูดผู้หญิงได้ คนหนึ่งเป็นแม่หม้ายเย็นชา ส่วนอีกคนเป็นดาราอย่างเวินหลาน ถึงเวินหลานจะไม่ได้มีบุคลิกเหมือนหลินถง แต่ก็เป็นหญิงงามที่โดดเด่น ทำไมพวกเธอถึงไม่ดูตาม้าตาเรือเดินเข้ามาหาฟางเหยียน ดูท่าเวินหลานจะสนิทกับฟางเหยียน
“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ได้” เวินหลานย่นปากยู่ถามฟางเหยียน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่านายอยู่ที่นี่ด้วย เธอช่างสะดุดตาเหลือเกิน เดินไปที่ไหนก็เป็นจุดสนใจ ระวังไว้นะ ผู้หญิงน่ะเป็นเสือทั้งนั้น!”
ฟางเหยียนไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของหลินถง และไม่ได้พูดอะไรออกมา
เวินหลานนึกอะไรออก จึงเงยหน้าขึ้นมองหลินถง “อ้อ เธอเป็นเพื่อนของนายเหรอ”
ฟางเหยียนส่ายหน้า “ไม่รู้จัก แต่ฉันได้ยินว่าเธอชื่อหลินถง”
เวินหลานตอบรับและพูดว่า “แม่หม้ายเย็นชา ภรรยาของคุณชายใหญ่ตระกูลถังที่หนานหลิง และเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในภาคซีหนาน คิดไม่ถึงว่าแค่ไม่เจอกันไม่กี่วัน นายก็มาคุยกับสาวงามเช่นนี้ จะมากไปแล้วนะ”
หลินถงส่งเสียงหึออกมาเบาๆ เธอไม่ได้สนใจเวินหลาน เธอยิ้มและมองไปที่ฟางเหยียน “คุณฟางเหยียน เดี๋ยวเจอกันนะคะ!”
พูดจบเธอก็เดินไปยังที่นั่งแถวแรก
ถึงเวินหลานจะหน้าตาสะสวย แต่เมื่อเทียบกับหลินถงแล้ว เวินหลานไม่ได้ทำให้ตกตะลึงขนาดนั้น
“เธอมีธุระอะไร” เมื่อเห็นหลินถงไปแล้ว ฟางเหยียนจึงถามเวินหลานด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เวินหลานหัวเราะต่อกระซิกแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่านายคงจะไม่ได้ไร้เยื่อใยขนาดนั้น ถ้าวันนั้นไม่ได้นาย ฉันไม่รู้จะเป็นยังไง วันนี้ฉันมาขอบคุณนาย ขอบคุณที่นายไปส่งฉันที่โรงแรม”
คำพูดนี้ทำให้เสิ่นจื่อเจี๋ยกับตู้หมิงล่างน้ำลายย้อย ถึงขนาดไปโรงแรมมาแล้ว นี่แสดงว่าทั้งสองคนก็น่าจะทำเรื่องแบบนั้นกันแล้วสิ เมื่อกี้พวกเขายังว่าฟางเหยียนไม่มีผู้หญิงอยู่เลย แต่ตอนนี้ผู้หญิงข้างกายของฟางเหยียนสวยๆ และน่าตกตะลึงทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขาอิจฉาก็คือ ผู้หญิงสองคนนี้เป็นฝ่ายเข้ามาพูดคุยกับเขาก่อน
ทั้งสองคนมองหน้ากัน และมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ จู่ๆ สีหน้าก็สลดขึ้นมา
ตู้หมิงล่างยังคงเดินเข้าไปหาฟางเหยียนอย่างหน้าไม่อาย จากนั้นก็หัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “สวัสดีครับคุณเวินหลาน ผมชื่อตู้หมิงล่าง ตระกูลตู้แห่งเมืองจีนโจว เป็นลูกชายของตู้เทียนหัวครับ ผมขอทำความรู้จักกับคุณได้ไหม ผมเป็นเพื่อนกับฟางเหยียน”
ระหว่างที่พูด ตู้หมิงล่างก็ยื่นมือออกไป หมายจะจับมือกับเวินหลาน
แต่ทว่าเวินหลานขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันรู้จักนายเหรอ นายเป็นเพื่อนกับฟางเหยียน แต่ไม่ใช่เพื่อนฉันสักหน่อย”
“ไปกันเถอะฟางเหยียน เจอคนแบบนี้ฉันหมดอารมณ์จะพูด” พูดพลางเวินหลานก็ดึงมือของฟางเหยียนให้เดินไปอีกทาง
การกระทำนี้ทำให้ตู้หมิงล่างสีหน้ากระอักกระอ่วน ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นคนของตระกูลอันดับสอง ทำไมถึงไม่ไว้หน้าเขาเลย
เมื่อหยุดเดิน เวินหลานก็ดึงแขนของฟางเหยียนและพูดอย่างออดอ้อนว่า “ฟางเหยียน จะให้ฉันเซ็นสัญญาฉบับนั้นได้หรือยัง นายก็เห็นว่าถ้าไม่เซ็นสัญญา คนพวกนั้นไม่ปล่อยฉันไปแน่ ขอแค่ได้เซ็นสัญญา ฉันก็จะมีเครื่องป้องกันตัว ถ้าบอสรู้ว่าฉันเซ็นสัญญากับตระกูลหวง พวกเขาก็จะไม่กล้ามารังควานฉันอีก”
“พอแล้วๆ เธอถอยออกไปหน่อยสิ” จู่ๆ น้ำเสียงของฟางเหยียนก็เย็นชาขึ้นมา
แต่เวินหลานกลับจับแขนของฟางเหยียนเอาไว้แน่น เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ ถ้านายยังไม่ตอบเรื่องสัญญา ฉันจะทำตัวติดและเกาะแกะนายแบบนี้ไปตลอด วันนี้นายไปไหนฉันก็จะไปด้วย ให้ภรรยาของนายเข้าใจผิดไปเลย”
ไม่ใช่ว่าฟางเหยียนจะไม่มีวิธีจัดการกับเวินหลาน แต่เขาขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเธอ
“ใช่สิ อีกเดี๋ยวจะมีงานเต้นรำ ถ้านายยังไม่มีคู่เต้นรำ ฉันยอมเป็นคู่เต้นรำให้ก็ได้นะ ว่าไง” พูดพลางเวินหลานก็ยักคิ้วให้ฟางเหยียน
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้!” ฟางเหยียนปฏิเสธอย่างเย็นชา เขาไม่สนใจเรื่องการเต้นรำสักนิด
“นี่! อย่ามาทำเป็นเย็นชาอย่างนั้นสิ เดี๋ยวฉันจะพานายเต้นเอง เราต้องเป็นคู่เต้นรำที่เหมาะสมกันอย่างที่สุด”