จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 66
บทที่ 66 พ่อเลี้ยงของฉันเก่งสุดยอด
สามวันต่อมาที่คฤหาสน์ตระกูลตู้
วันนี้ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งสำหรับตระกูลตู้ เป็นงานเลี้ยงของตระกูลที่จัดขึ้นปีละครั้ง คนที่ทำงานอยู่ทั้งนอกและในตระกูลจะมารวมตัวกัน เพื่อเคารพบรรพบุรุษให้อยู่อย่างสงบร่มเย็น
ตู้วี่หลินยืนอยู่หน้าศาลบรรพบุรุษตระกูลตู้ เขาพูดกับป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษว่า “เหล่าบรรพบุรุษของตระกูลตู้ที่เคารพ ข้าน้อยตู้วี่หลินมากราบไหว้ ขอให้บรรพบุรุษปกป้องคุ้มครองตระกูลตู้ให้ดำรงอยู่สืบไป!”
พูดจบ เขาจึงหันไปเรียกตู้หมิงล่าง “หมิงล่าง มาไว้บรรพบุรุษสิ!”
ในบรรดาหลานชายตู้วี่หลินรักและเอ็นดูตู้หมิงล่างที่สุด หลังจากที่ให้เขาเข้าไปในกองทัพ ก็ให้ตำแหน่งพลโทเขตเมืองจินโจวกับเขา นี่เป็นสิ่งที่ตู้วี่หลินจัดการด้วยตัวเอง
ตู้หมิงล่างทำตามอย่างว่าง่าย เขารีบมากราบไหว้บรรพบุรุษ
ในสายตาของลูกหลานตระกูลตู้ ภาพนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
หลังจากที่กราบไหว้เสร็จเรียบร้อย รอยยิ้มหยิ่งยโสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของตู้หมิงล่าง เขาพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “คุณปู่วางใจเถอะ ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ผมทำไปถึงภาคซีหนานแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นเราสร้างลัทธิกลุ่มย่อยก็ดีมีเหมือนกัน”
“พ่อเลี้ยงบอกผมว่าปีหน้าจะให้ผมไปที่ภาคซีหนาน เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลของเราต้องรุ่งโรจน์!”
ตู้หมิงล่างบอกเรื่องที่คนใหญ่คนโตของเขตลึกลับจะรับขาเป็นลูกเลี้ยงให้คนในบ้านรู้ อีกอย่างการพูดโม้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย กลับกันคนในบ้านจะได้มองเขาสูงส่งขึ้นไปอีก ตอนนี้เขาคือความหวังของคนทั้งตระกูล
ไม่ว่าตระกูลแบบไหน ต่างก็หวังว่าตระกูลของตัวเองจะมีที่พึ่งอันแข็งแกร่ง นี่คือเหตุผลที่ตระกูลตู้ให้ตู้หมิงล่างไปเป็นทหาร
“หมิงล่าง พ่อเลี้ยงอะไรนั่นมีตำแหน่งอะไรกันแน่” ตู้เทียนหมิงถามอย่างแปลกใจ
ตู้เทียนหมิงเป็นลูกชายคนโตของตู้วี่หลิน และเป็นลุงของตู้หมิงล่าง
ตอนนี้เขาดูแลธุรกิจเกือบทั้งหมดของตระกูลตู้ ภายในนามตู้วี่หลินยังดูแลตระกูลตู้ ในความเป็นจริงอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือของตู้เทียนหมิง แน่นอนว่าเพราะตู้หมิงล่างทำธุรกิจไม่เป็น ถ้าตู้หมิงล่างทำธุรกิจเป็น คงไม่ต้องไปถึงมือของตู้เทียนหมิงหรอก
เมื่อได้ยินลุงถามเช่นนั้น ตู้หมิงล่างหัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “พ่อเลี้ยงของฉัน อยู่ในกองทัพลับของประเทศ เป็นเรื่องที่คนธรรมดาไม่สามารถรู้ได้ จะให้ฉันอธิบายเป็นฉากๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่านั่นเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสได้ก็แล้วกัน ถึงเขาจะดีกับฉัน แต่กองทัพก็มีกฎระเบียบของกองทัพ เป็นธรรมดาที่เขาไม่พูดอะไรกับฉันมาก”
ประโยคที่พูดออกมาเหมือนการสรุป จนทำให้ไม่รู้จะถามอะไรอีก
ตู้เทียนหัวถือประคำอยู่ในมือ เขายิ้มร่าแล้วพูดว่า “ทำไมพ่อเลี้ยงของนายมาเมืองจินโจว นายถึงไม่พาเขามาให้พวกเราเจอหน่อยล่ะ คนแบบนี้เราต้องขอบคุณเขาสิถึงจะถูก”
ตู้เทียนหัวเป็นลูกชายคนรองของตู้วี่หลิน ชอบศึกษาอภิปรัชญา เขาไม่ค่อยถามถึงคราวข่าวของตระกูล จะเจอเขาในบ้านเพียงปีละครั้ง ซึ่งก็คืองานเลี้ยงของตระกูล ถ้าหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงของตระกูลได้ วันนี้ก็คงไม่เห็นเขาที่นี่หรอก
ตู้เทียนหลงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เมื่อกี้หมิงล่างก็บอกไปแล้วนิ เขาไม่ใช่คนที่ใครจะเจอก็ได้ ถึงตระกูลของเราจะเป็นตระกูลอันดับสองในเมืองจินโจว แต่คนแบบนี้ก็ไม่เห็นตระกูลเราอยู่ในสายตาหรอก”
ตู้เทียนหลงคือพ่อของตู้หมิงล่าง เป็นลูกที่ล้างผลาญเงินของพ่อแม่ ทำเรื่องไม่ดีมามากมาย อย่าว่าแต่กิ๊กที่อยู่ข้างนอกเลย คนรักของเขาก็ไม่รู้กี่คนแล้ว นอกจากผลาญเงิน เขาก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
ข้อดีเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือมีลูกที่ล้ำค่าอย่างตู้หมิงล่าง!
ตู้เทียนหัวแสยะยิ้ม “น้องสาม นายพูดแบบนี้ไม่ถูกต้องนะฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าตระกูลเราเป็นอย่างไร ฉันแค่บอกว่าในเมื่อถูกใจผลงานของหลานชายเรา เราไม่สามารถเชิญเข้ามาที่บ้านได้เลยหรือไง แสดงความเคารพและขอบคุณเขาไง”
“พี่หมายความว่ายังไง พูดเหมือนว่าหมิงล่างกำลังโกหกพี่อยู่”
“น้องสาม ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น นายเองต่างหากที่บิดเบือนความจริง”
ตอนที่พูดตู้เทียนหัวหมุนลูกประคำในมือของตัวเอง และจ้องตู้เทียนหลงเขม็ง
เขาไม่ชอบคนธรรมดาอย่างตู้เทียนหลง ถึงตู้เทียนหลงจะเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขาก็เถอะ
ตู้วี่หลินรีบโบกมือพัลวัน พอเถอะๆ กว่าครอบครัวของเราจะได้เจอกันครั้งหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก จะทะเลาะกันไปเพื่ออะไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของตู้วี่หลิน ทั้งสองคนก็เงียบทันที
ตู้วี่หลินนั่งตรงตำแหน่งผู้นำตระกูล เขาพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันถือโอกาสนี้บอกแผนของตระกูลตู้ในปีนี้ให้ทุกคนรู้เลยแล้วกัน การที่ตระกูลของเราเจริญเติบโตอย่างมั่นคงในเมืองจินโจว นอกจากความพยายามของคนในตระกูลแล้ว ก็ขาดคนที่คอยสนับสนุนเราในเมืองจินโจวไปไม่ได้ ธุรกิจที่ทำความร่วมมือกับเรา ตระกูลเซียวเป็นตระกูลอันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงไปทั่ว และเป็นมิตรกับตระกูลของเรา ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่เพราะการสนับสนุนของตระกูลเซียว ตระกูลของเราคงไม่ได้เป็นตระกูลอันดับสองอย่างทุกวันนี้ ตอนนี้ตระกูลเซียวเกิดปัญหาเล็กน้อย เราจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ ในปีนี้สิ่งที่เราต้องทำก็คือสนับสนุนและร่วมมือกับตระกูลเซียวอย่างเต็มกำลัง”
ตู้เทียนหลงเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นพูดเยินยอ “พ่อพูดถูกต้องแล้วครับ ตอนนี้นับว่าพวกเราร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่ง ตระกูลอันดับหนึ่งกับตระกูลอันดับสอง โลกใบนี้ก็เป็นแบบนี้แหละครับ ผู้แข็งแกร่งร่วมมือกับผู้แข็งแกร่ง ถึงจะเกิดหนทางที่ดีที่สุด”
“เทียนหมิงว่ายังไง” ตู้วี่หลินยังคงให้ความสำคัญกับความคิดของตู้เทียนหมิง
ตู้เทียนหมิงเป็นพี่คนโต เขาทำอะไรสุขุมรอบคอบ เรื่องนี้เขาจึงเชื่อใจตู้เทียนหมิงที่สุด
“ผมว่าพ่อพูดถูก ตระกูลตู้ต้องร่วมมือกับตระกูลเซียว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ตระกูลเซียวเชิญตระกูลเฉิงแห่งเจียงตูมาด้วย การที่ร่วมมือกับตระกูลเซียวเรามีแต่ได้กับได้” ตู้เทียนหมิงวิเคราะห์อย่างมีหลักการ
“นายว่ายังไงล่ะน้องรอง” ตู้เทียนหมิงยกแก้วชา และปรายตามองตู้เทียนหัวและเอ่ยถามขึ้น
ตู้เทียนหัวขมวดคิ้วเบาๆ จากนั้นจึงพูดว่า “พ่อ ก่อนหน้านี้มีใครบางคนโทรหาพ่อไม่ใช่เหรอ เขาอาจจะเป็นคนที่เขามาก้าวก่ายเรื่องของตระกูลเซียวก็ได้นะ พ่อก็รู้ว่าตอนนี้ตระกูลเซียวเกิดเรื่องมากมาย ผมว่าเราต้องรู้สถานการณ์ของอีกฝ่ายให้ชัดเจนก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินใจ!”
“เมื่อวานผมทำนายให้ตระกูลของเรา ในแผ่นทำนายบอกว่าตระกูลเราจะเจอเรื่องลำบาก เรื่องลำบากครั้งนี้จะมาจากความโลภ กลัวว่ามันจะมีผลร้ายมากกว่าผลดี เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไร พ่อควรจะคิดให้ดีก่อนลงมือทำ”
เมื่อตู้วี่หลินได้ยินเช่นนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก เขาถามขึ้นว่า “แกหมายความว่ายังไง ฉันจะทำอะไรต้องให้แกสอนด้วยหรือไง”
ตู้เทียนหัวไม่กลัวตู้วี่หลิน เขาจึงพูดว่า “ที่พ่อพูดในงานประชุมของตระกูลเซียว ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร ถ้าคำพูดของพ่อเข้าหูคนนั้นหรือคนที่มีอำนาจ มันจะไม่เป็นผลดีกับตระกูลของเรา”
“พ่อ เห็นแล้วใช่ไหม เขาไม่เห็นส่วนดีของตระกูลเรา พูดเรื่องร้ายใส่ตระกูลทุกปี ผมว่าปีหน้าไม่ต้องเรียกเขามาแล้ว!” ตู้เทียนหลงพูดอย่างไม่พอใจ