จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 67
บทที่ 67 นี่คือจอมพลโผ้จวินผู้นำหลักของประเทศหวา
ตู้เทียนหมิงก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ฉันไม่ชอบคำพูดของน้องรอง ฉันรู้ว่านายชอบเล่นอะไรพวกนี้ แต่นายไม่ควรจะทำลายตระกูลของเรา นายบอกว่าตระกูลเราจะลำบากไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มีครั้งไหนที่เราจะไม่สามารถผ่านเรื่องลำบากไปได้ไหม ฉันว่านายแค่ตกใจเฉยๆ แค่โทรศัพท์สายเดียวทำให้นายตกใจขนาดนี้เลยเหรอ นายไม่อยากให้ตระกูลของเราดีหรือไง”
ตู้วี่หลินมองตู้เทียนหัวอย่างไม่ได้ดั่งใจ เขาแผดเสียงออกมาว่า “ต่อจากนี้ เลิกทำอะไรไร้สาระพวกนั้น พูดอะไรก็พูดให้เป็นมงคลหน่อย อย่าพูดแต่สิ่งอัปมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลเชียวนะ”
ตู้เทียนหัวอยากจะพูดอะไร แต่เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน เขาจึงจำใจต้องก้มหน้าอย่างหดหู่แล้วพูดว่า “ครับพ่อ”
ขณะนั้น ผู้ดูแลบ้านตระกูลตู้วิ่งเข้ามา เขาพูดอย่างตื่นตระหนกว่า “คุณท่าน ข้างนอกมีกองทหารมาบอกว่าอยากพบคุณชาย เขาบอกว่าเป็นพ่อเลี้ยงของคุณชายครับ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น คนในตระกูลถึงกับตกใจ ตู้วี่หลินรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตื่นตระหนก เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เร็วๆๆ พวกเรารีบออกไปต้อนรับกัน นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีต่อเนื่องเลยนะ”
สามพี่น้องตระกูลตู้รวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ต่างพากันลุกขึ้นมา และมองไปข้างนอกด้วยสีหน้าจริงจัง มีเพียงตู้หมิงล่างที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้เขางงไปหมด
มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีพ่อเลี้ยงอะไรนั่น และไม่ได้รู้จักคนในกองทัพลึกลับอะไรนั่นด้วย
เขาแค่ได้ยินคนในกองทัพคุยโม้กันว่ามีเทพสงครามอยู่ในกองทัพลึกลับที่ประเทศหวา คนนั้นเก่งมาก สามารถต่อสู้กับทหารต่างแดนที่พยายามจะเข้ามารุกรานประเทศของเราได้ด้วยความสามารถของเขาเพียงคนเดียว
ช่วงก่อนหน้านี้ เขายังได้ยินคนพูดกันว่าคนคนนี้มาที่เมืองจินโจว เขาก็เลยคุยโม้ไปทั่วว่าเป็นพ่อเลี้ยงของตัวเอง เขามาเพื่อรับตัวเองเป็นลูกเลี้ยง แต่ในความเป็นจริง มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ เขาไม่รู้จักกองทัพลึกลับอะไรเลยด้วยซ้ำ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีพ่อเลี้ยง
“นี่! หมิงล่าง ยืนทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบไปล่ะ เขามาแล้วไง” ตู้เทียนหมิงปรายตามองตู้หมิงล่าง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ขยับจึงพูดเร่ง
“หมิงล่าง รีบไปรับพ่อเลี้ยงสิ คิดไม่ถึงว่าแกจะปิดบังพวกเรา เพื่อทำเซอร์ไพรส์อย่างนั้นเหรอ” ตู้วี่หลินยิ้มอย่างมีความสุข ยิ่งเห็นรอยยิ้มแบบนี้ ตู้หมิงล่างก็ยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ฝืนลุกขึ้นมา จากนั้นจึงปรายตามองผู้ดูแลบ้าน แล้วถามขึ้นว่า “พ่อบ้านอู๋ กองทัพที่อยู่ข้างนอกเป็นพ่อเลี้ยงของผมจริงเหรอ”
คนที่ถูกเรียกว่า พ่อบ้านอู๋ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ครับ คุณชาย แถมยังพาคนมาหลายร้อยคน ล้วนเป็นคนที่ดูจิตใจเข้มแข็งทั้งนั้นเลยครับ”
ตู้วี่หลินพูดเสียงก้องกังวานออกมาว่า “ไอ้เจ้านี่ ทำไมยังคิดว่าตาอู๋หลอกแกอีกล่ะ ตาอู๋อยู่กับฉันมาตั้งแต่สิบขวบ เขาไม่เคยพูดโกหกแม้แต่คำเดียว”
ระหว่างที่พูด ก็มีคนเดินมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ ตู้หมิงล่างเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง เขาคิดในใจว่าหรือเรื่องนี้จะถึงหูเขาคนนั้น เขาเลยให้คนมาจัดการตัวเอง! เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขายิ่งหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เขาเหมือนโดนล้อมรอบด้วยไฟ และกำลังโดนบีบให้กระโดดลงไป
ตอนนี้เขาอยากสารภาพสิ่งที่ตัวเองโกหกกับคุณปู่ แต่คนพวกนั้นมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว สารภาพไปก็ไม่เป็นประโยชน์
เมื่อเดินออกมา ตู้หมิงล่างถึงกับตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
ทหารชุดเขียวหลายร้อยคนยืนอยู่ที่ประตูบ้านตระกูลตู้ ทุกคนถือปืนสงครามอยู่ในมือ ที่ตู้หมิงล่างบอกว่าเป็นลูกเลี้ยงของคนใหญ่คนโตเป็นเรื่องโกหก แต่เรื่องที่เขาเคยเป็นทหารคือเรื่องจริง
เหล่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ทหารทั่วไป แต่เป็นทหารในสนามรบ!
ลวดลายบนเสื้อของพวกเขา เป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ
สุดท้าย สายตาของเขาไปหยุดลงที่คนที่ยืนอยู่ตรงกลาง และเป็นบุคคลที่ตำแหน่งสูงสุด
จู่ๆ ตู้หมิงล่างถึงกับเบิกตาโพลง เป็นเขา!
ทำไมถึงเป็นเขา
ตู้หมิงล่างอ้าปากค้าง จนแทบจะยัดไข่ไก่เข้าไปได้ทั้งฟอง
ตู้วี่หลินเดินมาที่หน้าประตู เขาเห็นคนหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตู้หมิงล่าง เขายืนอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่น และกำลังพาทหารเดินเข้ามาอย่างขึงขัง คนหนุ่มสวมเสื้อผ้าธรรมดาราคาแค่ไม่กี่บาท ท่าทางของเขาดูคุ้นเคย แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
ข้างหลังคนหนุ่ม มีชายรูปร่างกำยำเดินตามหลังมาด้วย เขาคิดไม่ออกว่าคนนั้นคือใคร แต่เขาจำชายรูปร่างกำยำได้ เขาคือแขกระดับสูงที่หวงหยวนฉาวเศรษฐีภาคซีหนานเชิญมา เขาคือเทียนขุยพลโทของเขตภาคซีหนาน นี่คือผู้โหดเหี้ยมที่แท้จริง
อยากบอกนะว่าคนที่หมิงล่างบอกว่าเป็นพ่อเลี้ยงคือเขา
การที่กองทัพลึกลับสามารถจัดคนออกมาหลายร้อยคนตามอำเภอใจแบบนี้ เขาต้องเป็นตนระดับสูงอย่างแน่นอน
คนที่มีความสามารถเช่นนี้ ไม่ใช่เทียนขุยแล้วจะเป็นใครไปได้
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลานชายของตัวเองจะประจบสอพลอคนอย่างเทียนขุยได้ นี่เป็นคนที่เขาไม่สามารถเข้าหาได้เลย อย่าบอกนะว่าตระกูลตู้จะหลุดพ้นออกจากความมืดแล้วอย่างนั้นเหรอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ใบหน้าของชายชราก็กระตุก เขารีบเดินเข้าไปทักทาย “พลโทเทียนขุย ไม่รู้ว่าคุณจะมาเลยไม่ได้เตรียมการต้อนรับ คิดว่าพลโทจะไม่อยากพบผู้น้อยแบบผม”
เมื่อเจอพลโทเทียนขุย เขาลืมสิ่งที่กำลังคิดไม่ออก และเป็นคนที่เขาไม่อยากไปคิดถึงอีก
“พลโทแห่งเขตภาคซีหนาน มาจากสนามรบ นี่คนใหญ่คนโตชัดๆ หมิงล่าง แกหาแสงสว่างให้ตระกูลของเราจริงๆ” ตู้เทียนหลงยกมือขึ้นมาตบเบาๆ บนตัวของตู้หมิงล่างที่ยืนอ้าปากค้าง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวตู้หมิงล่าง
ตู้หมิงล่างยังอึ้งอยู่อย่างนั้น หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมา
พลโทเขตภาคซีหนานตามตัวเขาติดๆ นี่แสดงว่าเขาอยู่ในตำแหน่งไหน
นี่คือแนวคิดอะไร
มันเป็นแนวคิดที่เขาแทบไม่กล้าคิด และทั้งชีวิตของเขาไม่มีทางไปถึงจุดนั้น แต่ทำไมต้องเป็นฟางเหยียนด้วย
ในทางกลับกัน ถึงฟางเหยียนจะตำแหน่งไม่สูง แต่การที่รู้จักกับคนระดับพลโท งั้นก็แสดงว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีใครเทียบได้
ขณะเดียวกัน ตู้วี่หลินเดินมาตรงหน้าเทียนขุย เขาพูดเหมือนสุนัขที่ออดอ้อน “พลโทเทียนขุย คิดไม่ถึงว่าหลานชายของผมจะมีวาสนาที่ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตอย่างพลโทเทียนขุย หลานชายผมบอกว่าคนในกองทัพลึกลับจะมาเป็นพ่อเลี้ยง ตอนแรกผมก็ยังไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าหลานชายคงไม่ได้โกหก”
ตู้วี่หลินเพิ่งพูดจบ เหล่าพี่น้องที่อยู่ข้างหลังต่างพากันโหวกเหวกขึ้นมา
“ใช่ หมิงล่างนี่เป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลตู้จริงๆ”
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่ดูบ้างว่าหมิงล่างเป็นลูกชายของใคร”
สีหน้าของตู้หมิงล่างเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย สีหน้าของเขาดูไม่ได้เลย
ขณะที่คนไม่กี่คนกำลังตื่นเต้น เทียนขุยพูดด้วยน้ำเสียงที่กดดันออกมาว่า “ตู้วี่หลิน ฉันว่านายเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่พ่อเลี้ยงของหลานชายนาย ท่านนี้ต่างหาก”
เทียนขุยชี้ไปที่ฟางเหยียน และเอ่ยแนะนำ “เขาคือจอมพลโผ้จวิน ขุนพลสำนักเจ็ดพิฆาตแห่งประเทศหวา!”