จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 71
บทที่ 71 ฆ่า
“นายเป็นใครอีก” หวงหลงถามอย่างมึนงง เขาดูร้อนตัวเล็กน้อย
ท่าทางของคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนราชาที่ยโสโอหัง ซึ่งท่าทางเช่นนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
หวงหลงเป็นนักพรต เขารู้ว่าครั้งนี้ตระกูลตู้ไปหาเรื่องคนที่ไม่ควรไปหาเรื่องด้วย
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบคำถามของหวงหลง เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดอย่างแปลกประหลาดว่า “ออกมาเถอะ ถึงฉันไม่รู้ว่านายเป็นใคร แต่อย่ามาทำลับๆ ล่อๆ ต่อหน้าฉัน”
ฟางเหยียนพูดอย่างแปลกประหลาด ทุกคนต่างพากันมองไปรอบๆ
ตรงนี้จะมีใครที่ไหนกัน พวกเขาไม่เข้าใจคำพูดแปลกประหลาดของฟางเหยียน
แต่ทว่าหลังจากที่ฟางเหยียนพูดจบ มีเงาดำของใครบางคนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปเข้ามาจากข้างนอกประตูบ้าน
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพราะเขาสวมชุดสีดำ จึงดูเหมือนสายฟ้าสีดำ
เมื่อเธอเข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์ เธอจึงชะลอฝีเท้าลง ทุกคนในห้องโถงจึงเห็นหน้าตาของเธอ
เป็นผู้หญิงรูปร่างสะโอดสะอง ดูท่าทางหยิ่ง ผิวของเธอขาวงดงาม หน้าตาสะสวยเป็นอย่างมาก แต่ดวงตาของเธอไม่ค่อยเหมือนกับคนทั่วไป มันเป็นดวงตาที่ไม่สมบูรณ์ ลูกตาดำมีรอยแตกเป็นสีเทาหม่น
ไม่ว่าจะมองอย่างไร เหมือนลูกตาของเธอขาวโพลนไปหมด นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเป็นกันได้
เธอดูดีมาก แต่มันต้องมาเสียเพราะดวงตาที่ไม่สมบูรณ์ของเธอ เมื่อเห็นลูกตาของเธอ เด็กและผู้หญิงในตระกูลตู้ต่างพากันตกใจ
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์!” หวงหลงเบิกตาโพลง แล้วพูดออกมา ความโอหังเมื่อครู่หายไปในพริบตา
แม้กระทั่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ของแก๊งจิ่วหลงเหมินก็มาถึงที่นี่ ดูเหมือนว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมา แก๊งจิ่วหลงเหมินยังไม่ยอมแพ้ที่จะตามหาเขา เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองจะหลบอยู่ที่นี่อย่างสงบ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะโดนหาจนเจอ ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะหนีไม่พ้นแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้น หัวใจของเขาก็เต้นไม่หยุด หัวใจที่เพิ่งกินเข้าไปเกือบจะกระเด็นออกมา
หญิงสาวไม่มองใครเลย ราวกับว่าสิ่งที่อยู่รอบๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอ
เธอมาหยุดอยู่ตรงหน้าฟางเหยียน และคุกเข่าข้างเดียวลงบนพื้น จากนั้นจึงพูดอย่างนอบน้อมว่า “หญิงรับใช้เคยเจอจอมพลโผ้จวิน!”
หญิงรับใช้! นี่เป็นชื่อเรียกแทนตัวเองของข้ารับใช้ในสมัยโบราณ คิดไม่ถึงว่าสาวสวยราวกับดอกไม้คนนี้จะคุกเข่าลงตรงหน้าฟางเหยียน และเรียกตัวเองว่าข้ารับใช้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
“หญิงรับใช้ไม่มีเจตนาทำผิดต่อผู้นำ ฉันแค่มาทำตามคำสั่งของผู้อาวุโส มาเอาตัวของศิษย์ทรยศกลับไปรับโทษ” หญิงสาวพูดด้วยท่าทีจริงจัง ระหว่างที่พูด เธอไม่กล้าสบตากับฟางเหยียน
เมื่อกี้เธออยู่ห่างออกไปประมาณห้าร้อยเมตร สามารถรับรู้ถึงเสียงในอากาศที่ระยะห่างออกไปห้าร้อยเมตร แสดงให้เห็นถึงกำลังภายในของผู้นำ เธอไม่กล้าเหิมเกริมกับบุคคลนี้
ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไร เขาเดินมาหาหญิงสาวและหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ราวกับราชาที่ก้มลงมองธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างไรอย่างนั้น
หวงหลงจ้องธิดาศักดิ์สิทธิ์ เขาตัวสั่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ จู่ๆ เขาก็เข่าอ่อนทรุดลงไปที่พื้น จากนั้นก็ตะโกนออกมา “ธิดาศักดิ์สิทธิ์!”
คนในตระกูลตู้พากันอึ้งไปหมด ผู้หญิงคนนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าฟางเหยียน หลงหวงเทพที่ตระกูลเขาเลี้ยงดูมาตลอดสิบกว่าปีคุกเข่าลงตรงหน้าผู้หญิงคนนั้น
นี่มันหมายความว่าอะไร หมายความว่าหวงหลงไม่มีโอกาสได้สัมผัสฟางเหยียนยังไงล่ะ ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะต่อกรกับคนในตระกูลตู้
ตระกูลตู้ไปยั่วโมโหใครกันแน่
อย่าบอกนะว่าเขาควบคุมฟ้าดินได้จริงๆ
ตู้วี่หลินยิ่งเชื่อเข้าไปอีก สิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับตระกูลเซียวนั้นไม่ใช่การพูดเรื่อยเปื่อยอย่างแน่นอน
ฟางเหยียนมองธิดาศักดิ์สิทธิ์ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่เคยมีความแค้นอะไรกับแก๊งจิ่วหลงเหมิน ท่าทีของอีกฝ่ายก็ดูจริงใจ ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ช่างเถอะ พาเขาไปซะ!”
“ค่ะ ขอบคุณจอมพลโผ้จวิน” หญิงสาวพูดอย่างนอบน้อม เขากำหมัดไว้ตรงอกและคำนับให้ฟางเหยียน
จากนั้นเธอจึงยืนขึ้น “หวงหลง นายยังจะไม่กลับไปกับฉันอีกเหรอ”
เมื่อพูดจบ หวงหลงยื่นหัวเข้าไปหาหญิงสาว หญิงสาวนำโซ่เหล็กมามัดคอเขาเอาไว้
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง หญิงสาวล่ามหวงหลงออกไปเหมือนล่ามสุนัขตัวหนึ่ง
ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง อย่าบอกนะว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมาพวกเขาเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งอยู่อย่างนั้นเหรอ
ตู้วี่หลินสับสนไปหมด เดิมทีคิดว่าหวงหลงจะช่วยพวกเขาได้ คิดไม่ถึงว่าหวงหลงไม่ทันได้ลงมือ ก็โดนคนพาตัวออกไปแล้ว
เมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป นี่เขากำลังพาตัวเองเดินไปริมหน้าผาชัดๆ ทำไมตระกูลตู้ต้องโดนเขาทำลายด้วยมือตัวเอง ตระกูลตู้จะจบสิ้นแล้วจริงๆ ใช่ไหม
ตู้วี่หลินคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะตกอยู่ในสภาพนี้ในวันที่เป็นงานเลี้ยงของตระกูล
จู่ๆ ตู้วี่หลินคุกเข่าลงกับพื้น เขาตกใจจนอ้าปากค้าง
“พ่อ! พ่อ” ตู้เทียนหมิงรีบตะโกนเรียก เขาเอื้อมมือไปประคองผู้เป็นพ่อ
แต่ตอนนี้ตู้วี่หลินยอมแพ้แล้ว เขาน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้ เขาพูดอย่างทุกข์ทรมานว่า “ผู้น้อยมีตาหามีแววไม่ ผมสามารถฆ่าตัวตายได้ แต่ขอร้องท่านผู้นำได้โปรดไว้ชีวิตคนในตระกูลของผมด้วย เรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของผมเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลย หวังว่าผู้นำจะไม่ฆ่าคนในตระกูลที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
ฟางเหยียนมองตู้วี่หลินด้วยสีหน้าจริงจัง เขายิ้มและพูดว่า “ฉันเคยให้โอกาสนายแล้ว แต่นายไม่รักษาเอาไว้เอง!”
พูดจบ ฟางเหยียนเดินมาตรงหน้าของเขา จากนั้นจึงก้มลงมอง สีหน้าของตู้วี่หลินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าตัวเองไปยั่วโมโหใคร
แต่มันก็สายไปเสียแล้ว ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาแล้วตบลงไปที่หัวของตู้วี่หลิน เขาเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด สีหน้าของเขาฟกช้ำดำเขียว ไม่นานเขาก็ล้มลงไปบนพื้น
“ตระกูลตู้สมควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว!” คำพูดของฟางเหยียนเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก จนทำให้สั่นไปทั้งตัว
“ไปเถอะ เทียนขุย” ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาตรวจสอบ จากนั้นจึงเดินออกไป
เขาไม่ได้ต้องการฆ่าคนทั้งตระกูลตู้ ฆ่าตู้วี่หลินแค่คนเดียว ตระกูลตู้ก็รู้ถึงความยากลำบากแล้ว
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีตระกูลตู้ในเมืองจินโจวอีก! ฉันไม่อยากเห็นคนในตระกูลของพวกนายแม้แต่คนเดียว ไสหัวไปซะ!” ฟางเหยียนหันหลังหันคนในตระกูลตู้ที่กำลังตัวสั่นงันงก เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น
ขณะนั้นเองมีกลิ่นปัสสาวะลอยมา ตู้หมิงล่างยืนขาสั่น ที่เป้ากางเกงของเขาเปียกชื้นไปหมด
ดวงตาของเขาเหม่อลอยเหมือนเด็กน้อยที่ตกใจเป็นอย่างมาก ทำไมตอนนั้นเขาต้องไปยั่วโมโหฟางเหยียนด้วย ทำไมต้องไปสร้างความวุ่นวายให้เย่ชิงหยู่ด้วย
ตู้เทียนหัวดูจะนิ่งกว่าใคร เขาไม่พูดอะไรสักคำ อีกทั้งยังไม่เสียใจกับการจากไปของพ่อและน้องชาย เขามองพี่ใหญ่อย่างตู้เทียนหมิง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “จะเกิดจะตาย รวยจน แล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต ผมบอกแล้วว่าตระกูลเราหนีเรื่องนี้ไม่พ้นหรอก”