จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 75
บทที่ 75 คุณชายฟาง
ฟางเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณนายโจวจึงพูดต่อ “ยืนยามที่นี่เทียบได้กับข้างในเลยนะ คนที่มายืนยามที่นี่ไม่ธรรมดาเลยนะ อย่างน้อยๆ ก็เป็นถึงทหารที่ทำงานแปดปีและปลดประจำการออกมา ยืนยามวันละแปดชั่วโมง เงินเดือนเดือนละหมื่นห้า ถึงนายจะเป็นทหารมาแค่ห้าปี แต่มีอาโจวอยู่เขาน่าจะจัดการให้นายได้”
เธอถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงพูดว่า “คนหนุ่มอย่างนาย คงจะทนกับงานหนักได้ใช่ไหม นายคิดเอาเองละกัน ภรรยาของนายเหนื่อยทุกวัน จริงๆ นายลำบากนิดลำบากหน่อย ก็เป็นเรื่องปกติ”
คำพูดของคุณนายโจวดูจะเห็นใจเพื่อนมนุษย์ อย่างน้อยเธอก็ยังนึกถึงเย่ชิงหยู่
ฟางเหยียนรู้ว่าคุณนายโจวพูดถูก การที่ได้มายืนยามที่ฟางซื่อกรุ๊ปก็ต้องมีความสามารถไม่น้อย
บริษัทใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่โรงเรียน ยืนยามหน้าโรงเรียนไม่มีอะไรเข้มงวดเลย
ทั้งสองพึมพำอยู่พักหนึ่ง โจวเสี่ยวพูดออกมาอย่างประหลาดว่า “ฉันล่ะแปลกใจ ทำไมคุณชายฟางยังไม่มา”
ฟางเหยียนมองแขนตัวเองที่ถูกคุณนายโจวจับไว้ จากนั้นจึงพูดว่า “แม่เธอดึงแขนฉันอยู่ แล้วฉันจะไปยังไงล่ะ”
โจวเสี่ยวขมวดคิ้วเป็นปม และพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ฉันบอกนายแล้วไง พวกเขากำลังต้อนรับคุณชายตระกูลฟาง เรื่องของนายเอาไว้ก่อน แค่ยืนยาม ไม่รู้จะรีบอะไรหนักหนา หรือพอได้ยินว่าเงินเดือนหมื่นห้าก็ดีใจจนอดไม่ไหว”
“จริงๆ ฉันเข้าใจความคิดนายนะ อีกอย่างนายยังอายุไม่เท่าไร ก็มีเงินเดือนหมื่นห้าแล้ว”
โจวเสี่ยวพูดพลางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ขณะนั้น มีผู้หญิงสวยในชุดสาวออฟฟิศ รูปร่างดีและมีแว่นประดับอยู่บนใบหน้าเดินเข้ามาตรงที่พวกฟางเหยียนยืนอยู่ เมื่อเธอเห็นฟางเหยียน เธอรีบก้าวเร็วขึ้น สีหน้าของเธอเคร่งเครียดขึ้นทันที
“แม่รู้จักกับประธานหวังเหรอ” โจวเสี่ยวเห็นหวังชิงชิงเดินมา จึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
คุณนายโจวส่ายหน้า “ไม่รู้จัก แต่เหมือนว่าเธอจะเป็นผู้รับผิดชอบของฟางซื่อกรุ๊ป”
การที่ได้เป็นผู้รับผิดชอบของฟางซื่อกรุ๊ป งั้นแสดงว่าตำแหน่งต้องสูงกว่าพ่อของเธอเป็นอย่างมาก คนที่จะตัดสินว่าใครจะอยู่หรือไปคงจะเป็นหวังชิงชิงนี่แหละ
จู่ๆ เธอเดินมาหยุดลงข้างหน้า
สีหน้าของเธอเคร่งเครียด จากนั้นจึงโค้งอย่างนอบน้อม และพูดออกมาว่า “คุณชาย!”
“คุณชาย!”
สองแม่ลูกพูดเป็นเสียงเดียวกัน ทั้งสองเบิกตาโพลงและมองไปยังจุดที่หวังชิงชิงโค้งให้ ฟางเหยียนยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่เหรอ ฟางเหยียน คุณชาย? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน
คุณนายโจวอดถามออกมาไม่ได้ว่า “คุณเรียกเขาว่าอะไรนะคะ”
หวังชิงชิงขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “คุณชายไง”
“คุณชาย ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันตาไม่ดีเลยเพิ่งเห็นคุณ” หวังชิงชิงขอโทษฟางเหยียนอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ฟางเหยียนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”
“อ้อ คุณน้าและสาวน้อยคนนั้น ผมรับรู้ถึงความหวังดีของพวกคุณ ถึงเงินเดือนหมื่นห้าสำหรับผมจะไม่เลว แต่ตอนนี้มีตำแหน่งที่ดีกว่านั้นกำลังรอผมอยู่”
พูดจบ ฟางเหยียนก็ก้าวเข้าไปข้างในฟางซื่อกรุ๊ป พนักงานต่างพากันยืนหลังตรง
ส่วนสองแม่ลูกยืนอ้าปากค้าง ทั้งสองสบตากัน โดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ลูกเขยที่แต่งเข้ามาในบ้านตระกูลเย่ ลูกเขยเพื่อนรักของเธอ เป็นคุณชายของฟางซื่อกรุ๊ป แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองกระอักกระอ่วนก็คือพวกเธอแนะนำให้ฟางเหยียนยืนยามที่นี่อย่างหน้าซื่อตาใส
ถ้านี่ไม่เรียกว่าการตบหน้าตัวเอง แล้วจะเรียกว่าอะไร
“แม่ เขาเป็นคุณชายของฟางซื่อกรุ๊ปได้ยังไงกัน” โจวเสี่ยวใกล้บ้าเต็มทีแล้ว
เธอเอาแต่คิดถึงคุณชายตระกูลฟางทั้งวันทั้งคืน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นไอ้บ้านนอกที่ไม่อยู่ในสายตาของเธอ
คุณนายโจวก็งงไปหมด เธอส่ายหน้าพูดว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นคุณชายตระกูลฟาง”
สีหน้าของโจวเสี่ยวซีดเผือด ความฝันของเธอพังทลายลงจนหมด เดิมทียังคิดว่าตัวเองจะได้ใกล้ชิดกับคุณชายตระกูลฟาง เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคุณชายตระกูลฟาง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น โจวเสี่ยวแทบอยากจะเอาหัวโขกกำแพง
ไม่นาน โจวสื้อชางก็เดินเข้ามาหาทั้งสองคน เขาเป็นชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง เขาเป็นคนที่ทำงานหนัก การที่ได้อยู่ในฟางซื่อกรุ๊ป คงหนีไม่พ้นความระมัดระวังและมีจิตใจที่รับผิดชอบสูงของเขา
“คนที่เธอบอกมาหรือยัง คุณชายมาถึงแล้ว วันนี้อาจจะมีประชุม” โจวสื้อชางพูดกับภรรยา ใบหน้าของเขามีความคาดหวังเล็กน้อย แต่เป็นความคาดหวังที่มีต่อคุณชาย
ภรรยาของเขาอึ้งไป จากนั้นจึงพูดว่า “เขาเข้าไปแล้ว”
โจวสื้อชางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เป็นไปได้ยังไง ผมยังไม่เห็นเขาเลย”
จากนั้นเขาก็เห็นว่าสีหน้าของภรรยาดูผิดปกติ จึงถามขึ้นว่า “เธอเป็นอะไร ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยดี”
“คนที่เพิ่งเข้าไปเมื่อกี้ คือคนที่พวกเราให้คุณแนะนำงานให้” ภรรยาของโจวสื้อชางพูดขึ้นอีกครั้ง
โจวสื้อชางไม่ได้โง่ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง คนที่เพิ่งเข้าไปเมื่อกี้ก็มีอยู่คนเดียว
เขาเงยหน้าขึ้นและถามอย่างตกใจ “เธอหมายถึงคุณชายอย่างนั้นเหรอ”
ภรรยาของเขาพยักหน้ารัวๆ แล้วพูดว่า “ใช่ ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคุณชายที่พวกคุณพูดถึง แต่เขาเป็นแค่ลูกเขยของเพื่อนฉันจริงๆ นะ แถมยังเป็นลูกเขยที่แต่งเข้ามาในบ้านภรรยาอีกด้วย”
“อะไรนะ” โจวสื้อชางเงียบไป สีหน้าของเขาดูไม่ดีเป็นอย่างมาก เขาตบขาของตัวเองแล้วพูดว่า “เธอเป็นคนพูดมาก เธอต้องไปพูดล่วงเกินคุณชายเอาไว้ใช่ไหม”
เมื่อเห็นท่าทางของภรรยา เขารู้ทันทีว่าเธอต้องพูดล่วงเกินคุณชาย
โจวเสี่ยวพูดด้วยสีหน้าหดหู่ “พ่อ หนูไม่รู้ว่าเขาจะติดดินขนาดนั้น เสื้อผ้าที่เขาใส่ ไม่เหมือนคุณชายตระกูลฟางเลยด้วยซ้ำ ใครจะไปรู้ว่าเขาคือคุณชายตระกูลฟาง”
“วุ่นวายจริงๆ!” โจวสื้อชางพูดด้วยความโมโห “พวกเธอคิดว่าคุณชายเขาจะเขียนคำว่าคุณชายไว้บนหน้าเหรอ ถ้าเขาเหมือนพวกลูกคนรวย ตระกูลฟางจำเป็นต้องต้อนรับเขาขนาดนี้ไหม จำเป็นต้องสร้างบริษัทในเมืองจินโจวไหม”
“พวกเธอกลับบ้านไปเลย อีกเดี๋ยวผมจะกลับไปคิดบัญชีกับพวกเธอ” โจวสื้อชางชี้หน้าทั้งสองคน และเดินเข้าไปในบริษัทด้วยความโมโห
แต่เดินไปได้เพียงสองก้าว เขาจึงพูดเตือนออกมาว่า “อย่าเพิ่งเปิดเผยตัวตนของคุณชาย เพื่อตัวของพวกเธอเอง”
ทั้งสองพยักหน้าหงึกหงัก และรีบกลับบ้านทันที
เมื่อเดินเข้ามาในอาคาร เมื่อเห็นตัวหนังสือตัวใหญ่คำว่าฟางซื่อกรุ๊ป ฟางเหยียนยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“คุณชาย ฉันเตรียมการประชุมระดับสูงเอาไว้แล้ว เราเข้าไปประชุมกันเถอะค่ะ” หวังชิงชิงพูดอย่างเป็นทางการ
ฟางเหยียนเงียบอยู่พักหนึ่ง เขากำลังจะตอบ แต่มือถือก็ดังขึ้น
เสียงปลายสายเป็นเสียงตื่นตระหนกของเย่ชิงหยู่ “ฟางเหยียน นายมาที่โรงพยาบาลเหรินหมินหน่อยได้ไหม เหมือนแม่ฉันจะไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ตอนนี้หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วน!”
เมื่อได้ยินเสียงตื่นตระหนกของเย่ชิงหยู่ เขาตอบกลับโดยไม่ลังเลว่า “ได้ ผมจะรีบไป”
ถึงแม้การผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันจะเป็นเพียงการผ่าตัดเล็ก ต้องผ่าเอาส่วนที่เป็นไส้ติ่งส่วนหนึ่งออกมาจากร่างกาย จริงๆ ทุกคนล้วนมีอยู่ในร่างกาย ต้องดูว่ามันจะปวดหรือเปล่า ถ้าไม่ปวดถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามันปวดขึ้นมาก็ทรมานมาก
การผ่าตัดเล็กเช่นนี้ ฟางเหยียนจะไม่ไปก็ได้ แต่น้ำเสียงปนสะอื้นของเย่ชิงหยู่ ทำให้เขาไม่ไปไม่ได้